Hyundai ขยายรุ่นรถไฟฟ้าของตนด้วย Ioniq 9 รถเอสยูวีไฟฟ้าระดับเรือธงที่มาพร้อมกับเบาะ 3 แถวในห้องโดยสารเน้นทั้งพื้นที่ใช้งานและนวัตกรรมในรถ โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง 4 ล้อ และเน้นสมรรถนะ

Hyundai Ioniq 9 ลุยตลาดรถเอสยูวีเบาะสามแถวระดับเรือธงด้วยการอยู่บนระยะฐานล้อยาว 3,130 มม. ซึ่งเป็นความยาวระยะฐานล้อมากที่สุดของรถจากHyundai ในขณะที่ขนาดตัวรถมีความยาว 5,060 มม. กว้าง 1,980 มม. และสูง 1,790 มม.

ด้านดีไซน์ของรถยังคงมากับไฟ Parametric Pixel เหมือนกับ Ioniqรุ่นอื่นๆ และแม้จะเป็นรถเอสยูวีขนาดใหญ่ดูแข็งแกร่ง แต่ก็ถูกออกแบบให้มีความไหลลื่น เน้นแอโรไดนามิก รวมทั้งหากเลือกใช้ออปชันกระจกข้างดิจิตอลจะทำให้รถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน 0.259 Cd

ทางผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ยังเลือกไม่ใช้เสาอากาศบนหลังคารถตามปกติ แต่นำการทำงานต่างๆ แยกไปอยู่ที่แต่ละส่วนของรถแทน อย่างจีพีเอสและวิทยุดาวเทียมไปอยู่ที่กระจกหน้าของรถ  การเชื่อมต่ออยู่ที่แผงจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ส่วนวิทยุ FM/AM และมัลติมีเดียอยู่ที่กระจกหลัง ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของบริษัทที่มีความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยรถมีสีภายนอกให้เลือกถึง 16 สี ขณะที่ล้อของรถมีทั้งขนาด 20 และ 21 นิ้ว

ระบบขับเคลื่อนของรถมี 3 แบบให้เลือกซึ่งทั้งหมดมีแบตเตอรีความจุ 110.3 kWh ให้พลังงาน โดยรุ่นเริ่มต้น Long-Range RWD ขับเคลื่อนล้อหลังมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 160 kW หรือ 214 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตรติดตั้งที่ด้านหลัง เดินทางได้ 620 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็มความจุแบตเตอรี รุ่นต่อมา Long-Range AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อมีมอเตอร์ไฟฟ้า 70 kW หรือ 93 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตัน-เมตรเพิ่มเข้ามาที่ด้านหน้า

ส่วนรุ่นสูงสุด Performance มีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ซึ่งแต่ละมอเตอร์มีกำลัง 160 kW หรือ 214 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตรแยกติดตั้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใช้เวลา 5.2 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในขณะที่รุ่น Long-Range RWD ใช้เวลา 9.4 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ส่วนรุ่น Long-Range AWD ใช้เวลา 6.7 วินาที โดยรถทั้งหมดทำความเร็วได้สูงสุด 200 กม./ชม.

ด้านการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรีรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง 350 kW ทำให้ชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์โดยใช้เวลา 24 นาที และรถมีฟังก์ชัน Vehicle-to-Load เพื่อให้พลังแก่อุปกรณ์อื่น

ห้องโดยสารของรถที่มีทั้งรูปแบบเบาะ 6 ที่นั่งหรือ 7 ที่นั่ง มีจอโค้งที่ประกอบด้วยจอแสดงข้อมูลการขับแบบดิจิตอลขนาด 12 นิ้วและจอ Infotainment ขนาดเดียวกัน โดยมีระบบเเสียงลำโพง 8 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมหลายช่องยูเอสบี-ซีสำหรับจ่ายไฟ 100-Watt ขณะที่พื้นผิวในห้องโดยสารเน้นใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างผ้าที่มาจากการรีไซเคิลขวดพลาสติก หนังที่ผลิตจากกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผ้าขนแกะ

รถยังมากับชุดระบบความปลอดภัยล่าสุดของบริษัทเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อย่างการทำงานช่วยหลีกเลี่ยงการชนที่ด้านหน้า การทำงานช่วยให้รถอยู่ในช่องจราจร การทำงานช่วยหลีกเลี่ยงการชนในมุมบอด การทำงานช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากรถผ่านด้านหลังเมื่อถอยรถจากช่องจอด

ราคารถยังไม่มีออกมา แต่ถูกระบุว่าจะเริ่มขายที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 จากนั้นจึงตามด้วยยุโรปและภูมิภาคอื่น

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th