Hyundai Ioniq ปรับโฉม เพิ่มเทคโนโลยี และเปลี่ยนแบตเตอรีในรุ่นไฟฟ้า
หลังจากที่ Hyundai เปิดตัว Ioniq ซึ่งเป็นรถนต์รุ่นแรกของตนที่มาพร้อมกับสามทางเลือกในการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งในแบบใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริดตั้งแต่ปี 2016 ล่าสุดทางผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ได้มีการปรับโฉมให้กับรถยนต์ทุกรุ่นในตระกูลนี้ของตนในยุโรป พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกมากขึ้นในการควบคุมการทำงานของรถ รวมทั้งยังมีการเปลี่ยนแบตเตอรีที่มีความจุมากขึ้นให้กับรุ่นใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน
Ioniq ทุกรุ่นได้รับการปรับกันชนหน้าใหม่พร้อมเพิ่มแถบโครเมียมที่ด้านล่างกันชน ในขณะที่ไฟหน้า LED และไฟ LED Daytime Running Light ได้รับการออกแบบใหม่ให้แตกต่างกับรุ่นก่อนปรับโฉมเช่นเดียวกับไฟท้าย LED นอกจากนี้ทาง Hyundai ยังเปลี่ยนลายบนกระจังหน้าของทั้ง 3 รุ่นใหม่โดยที่รุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดมีกระจังหน้าลายเดียวกันในขณะที่รุ่นไฟฟ้าเป็นกระจังหน้าแบบปิด ส่วนด้านข้างของ Ioniq ทั้งหมดถูกเพิ่มความสดใหม่ด้วยล้อลายใหม่ซึ่งมีลายแตกต่างกันในแต่ละรุ่น โดยรุ่นไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดจะมาพร้อมกับล้อขนาด 16 นิ้ว ในขณะที่รุ่นไฮบริดมาพร้อมกับล้อขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาอีก 1 นิ้ว
Ioniq ไฟฟ้าเป็นรุ่นเดียวที่ได้รับการอัพเกรดในส่วนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนด้วยการใช้แบตเตอรีที่มีความจุ 38.3 kWh ซึ่งเก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรีเดิม 36 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถเดินทางได้ระยะทาง 294 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรีจนเต็ม นอกจากนี้ทาง Hyundai ยังมีการอัพเกรดระบบชาร์จภายในรถเป็น 7.2 kW สำหรับการชาร์จไฟแบบ Type 2 AC ซึ่งทำให้เมื่อชาร์จไฟจากสถานีชาร์จความเร็วสูง 100 kW จะสามารถชาร์จพลังงานได้ 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 54 นาที อย่างไรก็ตามในส่วนของมอเตอร์ไม่มีความเปลี่ยนแปลงยังคงมีกำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 295 นิวตัน-เมตรเหมือนเดิม
ส่วน Ioniq รุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดไม่มีความเปลี่ยนแปลงกับขุมกำลังทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรีจากรุ่นก่อนปรับโฉม โดยทั้ง 2 รุ่นยังคงมากับเครื่องยนต์ Kappa 4 สูบ 1,600 ซีซี GDI ที่ให้กำลัง 105 แรงม้า และแรงบิด 147 นิวตัน-เมตรเหมือนเดิม รวมทั้งรุ่นไฮบริดยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 43.5 แรงม้าพร้อมแรงบิดสูงสุด 170 นิวตันเมตรโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ความจุ 1.56 kWh ที่ติดตั้งที่เบาะหลัง โดยที่สามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึงความเร็ว 120 กม./ชม. ขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะมาพร้อมกับมอเตอร์กำลัง 60.5 แรงม้า แรงบิด 170 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรีลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ 8.9 kWh และสามารถเดินทางด้วยการใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าได้ 52 กิโลเมตร
Hyundai Ioniq รุ่นปรับโฉมใหม่ทั้งหมดมาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อ Blue Link ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถล็อก-ปลดล็อกรถ และควบคุมการทำงานระบบปรับอากาศของรถผ่านแอพพ์ในสมาร์ทโฟนได้ ในขณะที่รุ่นไฟฟ้ายังสามารถสตาร์ตรถและหยุดการทำงานของรถโดยใช้แอพพ์ได้ รวมไปถึงสามารถตรวจสอบสถานะของแบตเตอรีทั้งรุ่นไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดผ่านแอพพ์จากระยะไกลได้
ในด้านความปลอดภัย Ioniq มาพร้อมกับระบบ eCall ซึ่งจะติดต่อการช่วยเหลือฉุกเฉินทันทีเมื่อแอร์แบ็กของรถทำงานหรือมีการกดปุ่มเหนือกระจกมองหลัง โดยจะมีการส่งข้อมูลของรถ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ทิศทาง รายะเอียดด้านการปะทะและแอร์แบ็กไปยังบริการฉุกเฉินในพื้นที่
ภายในห้องโดยสารของ Ioniq ได้รับการออกแบบใหม่พร้อมกับที่ผู้ซื้อสามารถเลือสีของเบาะหนังได้ 4 สีนอกจากสีดำซึ่งเป็นสีมาตรฐานโดยที่มีการใช้ดาร์กโครมในการแต่งแดชบอร์ด โดยใช้แสง Ambient สีฟ้าที่งที่ด้านข้าง ใต้แผงแดชบอร์ด และคอนโซลกลางเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในห้องโดยสาร ส่วนการแสดงข้อมูลแก่ผู้ขับผ่านจอขนาด 7 นิ้วมีการปรับแสดงเพื่อให้มีความแตกต่างกันเมื่อขับแต่ละโหมด ทาง Hyundai จะเริ่มจำหน่าย Ioniq ปรับโฉมใหม่ในยุโรปแแต่ละรุ่นไม่พร้อมกัน โดยในเดือนกรกฏาคมจะส่งรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดออกมาก่อน แล้วจึงตามด้วนรุ่นไฟฟ้าในเดือนกันยายน
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th