Hyundai Stargazer ลองขับ “นั่งสบาย เข้า-ออกง่าย” ไปได้ทั้งครอบครัว
Hyundai Stargazer ลองขับ กับบททดสอบรสนิยมคนไทยกับรถครอบครัวอเนกประสงค์ กับจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ทั้งดีไซน์ที่ล้ำสมัย มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานเต็มพื้นที่ ครั้งแรกกับเบาะที่นั่งแบบกัปตันซีต มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ IVT ส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วงล่างที่นั่งสบาย ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแค่ไหน คุณก็เพลิดเพลินได้ ที่สำคัญ รุ่นเริ่มต้นราคาเพียง 7.69 แสนบาท
ความต้องการรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย เน้นพื้นที่โดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระ ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ สมรรถนะไม่ต้องแข่งกับใคร เร่งแซงได้ ขับใช้งานได้พอสมควร รวมทั้งระบบความปลอดภัยพื้นฐานใส่มาให้ตามยุคสมัย ทั้งหมดนี้คือหัวข้อหลักที่รถสไตล์ MINI MPV ให้คุณได้
จำได้ว่ารถยนต์แบบ 7 ที่นั่ง 3 แถว เข้ามาทำตลาดบ้านเราได้พักใหญ่ แทบทั้งหมดเป็นรถที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งรสนิยมคนที่นั่นชอบรถแบบนี้ ขอแค่เน้นใช้งาน กับความไม่จุกจิก ดูแลรักษาง่าย ซึ่งมองดูแล้ว คนเอเชียด้วยกัน รสนิยมย่อมไม่หนีกันมาก “เราเป็นสังคมแบบครอบครัวใหญ่”
ฮุนไดเข้ามาทำตลาดบ้านเรามานานมาก แต่มาโด่งดังกับรถ MPV (Multi-Purpose Vehicle) รุ่นใหญ่อย่าง H-1 และรุ่นต่อมาที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ ด้วยดีไซน์ที่โมเดิร์นมากขึ้นอย่าง Staria ซึ่งการมาของฮุนไดเกาหลีเพื่อบุกตลาดไทยอีกครั้ง ยังไม่ใช่การลุยรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวในช่วงต้นปีนี้ แม้จะเอามาโชว์ตามงาน “มอเตอร์โชว์” ให้เห็น ของเดิมที่มีอยู่ก็ยังดันโปรโมชัน
เร็วๆ นี้อาจมีการลดราคาขายให้หมดก่อน อย่าง Creta แม้ค่ายนี้จะโชคดีได้พลังซอฟต์เพาเวอร์สาวกเกาหลีช่วยดัน แต่ดันไม่มีของเหมือนในละครซีรีส์มาขายสักที
ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ารถขายดีอย่าง H-1 นั้น ทำให้คนไทยรู้สึกได้ถึงคุณภาพของแบรนด์ ผ่านรถรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่า หรือความทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งแน่ละ ในปี 2566 ของใหม่อย่าง Stargazer (สตาร์เกเซอร์) ก็พร้อมทำตลาด
เมื่อพิจารณาดูโดยรวม มีจุดขายอยู่ไม่น้อย “ดอม ฮยอนเดย์” น่าจะพร้อมจ่าย สุดท้ายเหลือแค่แผนการขยายโชว์รูม ถ้ามีทุกหัวเมืองน่าจะขายดี …ล่าสุดยอดขายเดือนเมษายนในเซ็กเมนต์นี้ ขึ้นอันดับสาม แซงคู่แข่งไปเรียบร้อย
ฮุนได สตาร์เกเซอร์ ราคาจำหน่าย ดังนี้
Trend ราคา 769,000 บาท
Style ราคา 829,000 บาท
Smart 7 ราคา 869,000 บาท
สมาร์ท 6 ราคา 889,000 บาท
Black Roof Smart 6 ราคา 909,000 บาท
มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ มิดไนท์ แบล็ก เพิร์ล, สีขาว ครีมมี่ ไวท์ เพิร์ล, สีเงิน แม็กเนติก ซิลเวอร์ เมทัลลิก และสีเทา ไททัน เกรย์ เมทัลลิกโดยในรุ่นท็อป สมาร์ท 6 จะมาพร้อมกับสีตัวถังแบบทูโทน ด้วยหลังคาสีดำ
ครอบครัวแบบไทยๆ การเดินทางไม่มีเหงา
สำหรับพ่อบ้านมือใหม่พึงรู้ไว้ว่า รถยนต์หนึ่งคันเดินทางได้คล่องตัวกว่าการไปสองคัน ถ้าคนร่วม 7-8 คน วันหยุดไปแค่จังหวัดใกล้ๆ เพื่อท่องเที่ยว รถในกลุ่ม MPV สามารถช่วยให้คุณเดินทางไปได้ด้วยกันหมด แต่อาจจะไม่สบายมากนัก นอกจากคุณไปกันไม่กี่คนเอาพื้นที่ไว้ใส่สัมภาระ
ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นนั่งเต็มพิกัดจะเป็นเด็กน้อย ปู่ย่า ตายาย กลุ่มเพื่อนฝูง เมื่อเฉลี่ยๆ กัน นั่งได้อยู่นะ แถมสายแบก สายแคมปิ้ง สายปั่นจักรยานก็ยังชื่นชอบ แต่ต้องเป็นประเภทที่ไม่ได้เอาไปลุยทางดิน ทางฝุ่นนะ เพราะความสามารถในการขนสัมภาระเหนือชั้นไม่แพ้ใคร (ไม่ต้องเอากระบะมาเปรียบนะ)
ในชีวิตจริงเคยเห็นคนขับ SUV คอมแพค แค่ใส่คาร์ซีตเด็กกับรถเข็นลูกก็แทบจุกแล้ว ยิ่งช่วงเทศกาลสังเกตเห็นนิสัยคนไทยเดินทางกลับบ้านเกิด ชอบขนของไปฝากที่บ้าน หรือเอาของที่มีกลับไปไว้ที่ต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า พัดลม ทีวี ไม่มีรถรุ่นไหนที่ทำได้ดีและคุ้มค่านอกจากรถสไตล์นี้ มันเปลี่ยนหน้าที่ได้ตามการใช้งาน ซึ่งเคยเห็นคนอื่นใช้กันแบบนี้
บอกเลยว่าโคตรอิจฉาจากใจ เพราะวันหนึ่งคุณจะไม่ติดในหน้าตารูปลักษณ์ หรือแม้แต่สมรรถนะ ขอให้ใช้งานได้คุ้มเป็นพอ มันอาจจะไม่ใช่รถคันเดียวของบ้าน เลือกเป็นคันที่สองไว้ ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่น้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นรถเก๋งหนึ่งคันกับกระบะหนึ่งคัน นึกถึงฉาก Fast and Furious ไบรอัน โอวคอนเนอร์ กำลังเบิ้ลเครื่องไปรับลูกดู!!!!
MINI MPV ในปัจจุบันตัวเลขยอดขายในไทยเติบโตกันขึ้นมาตามสินค้าที่เข้ามาเปิดตัว ยิ่งมีตัวเลือกมาก คนก็ให้ความสนใจเยอะ แถมชวนให้คนซื้อที่มีแผนซื้อรถ SUV ต้องคิดหนักว่า “เน้นภาพลักษณ์” หรือจะเอาเงินซื้อรถเพื่อเน้นใช้งานหนัก ถ้าเป็นอย่างหลัง รถกลุ่มนี้แหละใช่เลย ไม่ต้องซื้อมาถนอม ใช้งานได้คุ้มทุกตารางนิ้วจริงๆ
ต้องไม่ติดว่าต้องเครื่องแรง ฉันต้องไฮบริด ฉันต้องเทอร์โบ ถ้าเป็นแบบนั้น ขอให้ข้ามรถแบบนี้ไปได้เลย เพราะรถแบบนี้ต้องถือคอนเซปต์ “ซ่อมง่าย อะไหล่อึด ไม่ยุ่งยาก”
ดีไซน์โดดเด่น สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
หลังวันที่ Hyundai Stargazer เปิดตัวในไทย สื่อทุกสำนักต่างร้องว้าว!!! ในความสดใหม่ของดีไซน์ที่ไม่จำเจ ถึงแม้จะดึงดีเอ็นเอความเป็น Staria มาใช้พอตัว รถทรง MINI MPV นักออกแบบสามารถสร้างลายเซ็นของตัวเองได้จากด้านหน้า และด้านหลังเล็กน้อย แต่ใครจะไปคิดว่าดีไซน์ด้านหลังของ ฮุนได สตาร์เกเซอร์ จะไปไกลระดับฮอลลีวู้ดดึงเอายานรบไฟเตอร์ในหนังสตาร์วอร์ มาใช้เป็นแรงบันดาลใจกระมัง
ส่วนด้านหน้าเอง มีความล้ำอนาคตไปไกล ดูเหมือนยานอวกาศ แถมน่ารักไม่ธรรมดา โดยด้านหน้ามีสองแบบในตัว เริ่มต้นจะได้กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ ส่วนในรุ่นสูงขึ้นมา จะเป็นกระจังหน้าสีดำ เช่นเดียวกับล้อมี 2 ลาย ในรุ่นท็อปจะได้ล้อแบบไดมอนด์คัท ที่เหมือนปั๊มโมมาจาก Staria แต่ปรับดีไซน์นิดหน่อย ขนาด 205/55R16
ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED แต่ถ้าในรุ่นล่างจะได้แบบฮาโลเจนมาแทน โดยรวมแต่ละรุ่นย่อย ยังไม่ต่างกัน ชนิดที่ดูออกง่าย
ในด้านมิติรถ ส่วนใหญ่คู่แข่งโดยรวมมีความโดดเด่นคนละแบบ ต่างกันหลักมิลลิเมตร บางคันได้ความสูงจากพื้นเป็นทุนเดิม ลุยได้มากกว่า บางคันดีไซน์ให้ตัวรถยาว เพิ่มพื้นที่ แต่ฮุนไดเองให้จุดเด่นมาที่ระยะฐานล้อที่กว้างพอสมควร เลยส่งผลให้ห้องโดยสารมีความสะดวกสบายไม่แพ้ใคร แต่ด้วยดีไซน์รถที่โค้งมน ถ้าพูดแบบคนทั่วไป ดูแล้วน่าจะแหวกอากาศได้ดีเชียว ส่วนหลังคาดำสามารถเพิ่มเงิน 20,000 บาท ในรุ่นที่กำหนด เป็นการทำสีจากโรงงานไม่ใช่สติกเกอร์ แต่น่าเสียดายไม่มีแร็คหลังคามาให้ แต่อย่างว่าบางรุ่นบางแบรนด์ที่ให้มา เดี๋ยวนี้จะเป็นแค่ของตกแต่ง มีนะ แต่ใช้งานจริงไม่ได้ก็มี ส่วนตัวมองว่ามันไม่เข้ากับรถหน้าตาแบบนี้ ลองคิดภาพตาม
ภายในมีจุดขายเพียบ…ตอบโจทย์รถครอบครัว
ภายใน มีลูกเล่นเยอะเลย ตั้งแต่การจัดวางดีไซน์คอนโซลให้มีเลเยอร์ มีจุดเก็บของพร้อมฝาปิด การจัดวางแผงควบคุมต่างๆ ทำออกมาให้เข้าใจง่าย การเลือกใช้วัสดุมาตกแต่งให้ดูทันสมัย สปอร์ตลงตัว ตำแหน่งที่นั่งผู้ขับขี่สะดวกสบาย เบาะรองรับหลังได้ทั้งส่วนบน ส่วนล่าง ซึ่งช่วยเรื่องสุขภาพหลังได้ดี แต่บางคนไม่ชอบ อาจดูแข็งไป ระบบความบันเทิงใช้งานง่าย หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ในครั้งนี้ลองต่อผ่าน Android Auto แบบไร้สาย เล่นเพลงผ่านสตรีมมิ่ง รวมทั้งเรียกใช้แผนที่นำทางผ่าน Google Map และสามารถรับสายเข้าออกได้อีก แถมไม่ต้องกังวลเรื่องแบตขณะใช้งาน เพราะมีที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายมาให้ ส่วนคนอื่นสบายมาก มีพอร์ต USB รวมทั้งช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ รวมกันถึง 6 จุด ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ส่วนที่ใส่ของ รวมทั้งแก้วน้ำ ฮุนไดเคลมว่ามีมากถึง 31 จุด มีมากกว่าคู่แข่งบางแบรนด์ที่คุยว่า 29 จุด แต่จุดที่ชอบมากคือที่วางแถวบนแผงประตูหลัง ทั้งใหญ่ สะดวก และป้องกันการทำหกได้ดีเลย ในส่วนมาตรวัดแผงหน้าปัดมีลูกเล่นเยอะดี เป็นแบบดิจิทัล แต่บางรุ่นเป็นแบบเข็มแอนะล็อกก็มี พวงมาลัยปรับได้ตามชอบ มีปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (แต่ไม่สามารถปรับความเร็วตามคันหน้าได้) ระบบแอร์แบบดิจิทัลในรุ่นบนๆ ส่วนรุ่นเริ่มต้นเป็นมือหมุน
แต่จุดที่ชอบพูดถึงกัน คือเบรกมือขนาดใหญ่ที่ให้มา ซึ่งบางค่ายเป็นเบรกมือไฟฟ้าแล้วในยุคนี้ แต่มันก็มีข้อดีนะ สำหรับคนลูกเล็กๆ จะได้กดเล่นไม่ได้ (เคยเจอมาแล้ว) แต่โลกแห่งความสะดวกสบาย Auto Brake Hold ถ้ามีจะดีมากสำหรับขับในเมืองใหญ่ การดีไซน์คันเกียร์ใหญ่เหมาะมือ ให้ความรู้สึกเหมือนขับเครื่องบินดี แถมมีเกียร์ +- ให้ใช้ด้วย (ถ้าเป็น Paddle shift จะดีขึ้น) แถมมีระบบขับขี่มาให้หลายโหมด…เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง
ที่นั่งแบบ “กัปตัน” ไม่ต้องพับเบาะก็เข้า-ออกแถว 3 ได้
แม่เหล็กสำหรับดึงดูดชั้นดีกับคำโฆษณาของ ฮุนได สตาร์เกเซอร์ “เบาะแบบ 3 แถวพับได้ กับทางเลือกสองแบบ 6 กับ 7 ที่นั่ง” ขอพูดถึงข้อดีของ 6 ที่นั่ง ที่เรียกกันว่า “กัปตันซีต” ข้อดีคือ เข้า-ออก สะดวก ไม่ต้องพับเบาะ คุณสามารถเดินทะลุเข้าไปแถวหลังสุดได้เลย คิดสภาพเบาะแบบ 3 แถว รุ่นล่าง เวลาติดคาร์ซีตไม่สามารถพับได้หมดนะ ดังนั้น 6 ที่นั่งเป็นเลย์เอาต์ที่ดีมาก แต่ก็น่าเสียดายที่เบาะแบบกัปตันไม่ได้นั่งสบายอย่างที่คิด ด้วยวัสดุและขนาดเบาะดูเล็กไป สำหรับคนตัวใหญ่ต้องอาศัยการปรับเอนนอน ช่วยให้สบายมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนรถตู้วีไอพี แต่ที่ชอบคือพื้นที่ทั้งส่วน Headroom และช่วงไหล่ ของรถกว้างมาก โปร่ง โล่งสบาย จัดวางเบาะแต่ละแถวเหมือนโรงภาพยนตร์ หัวเบาะไม่บังสายตาคนนั่งหลัง เดินทางไกลไม่อึดอัด
แน่ละ เบาะสามแถวก็ยังมีจุดดีอยู่ คือนั่งได้มากกว่า แถมเบาะใหญ่นั่งสบาย “ไม่ได้คิดไปเอง” แต่ถ้าให้เลือก ขอแบบ 6 ที่นั่ง ลูกๆ คงได้สนุกระหว่างการเดินทาง คนนั่งแถวหลังสุดก็ยืดขาผ่อนคลายมาด้านหน้าได้ ส่วนที่ดีคือการพับเบาะเรียบเพื่อเก็บของ อันนี้ไม่ต้องบรรยาย “คุ้มค่ากับการใช้งานที่สุด”
ระบบความปลอดภัยใส่มาให้เยอะพอตัว
Hyundai SmartSense ระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ อาทิ ระบบช่วยเหลือและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (FCA) และระบบช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัย เมื่อมีรถในจุดอับสายตา (BCA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (LFA) Lane Keeping Assist (LKA), ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (HBA), ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ (RCCA), ระบบแจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ TPMS, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก มาตรฐาน ISOFIX, กล้องถอยหลัง และถุงลมนิรภัย 6 จุด น่าเสียดายไม่มีกล้อง 360 องศา, เบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Brake Hold
ขับง่าย ขับสบาย สไตล์เครื่อง 1.5 ลิตร แต่ได้เกียร์ใหม่ IVT
สัมผัสสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติแบบไอวีที (IVT) ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ ประกอบด้วย อีโค (Eco) โหมดประหยัด, นอร์มอล (Normal), สปอร์ต (Sport) และ สมาร์ท (Smart) โดยรูปแบบสมาร์ทจะปรับเปลี่ยนการตอบสนองอัตโนมัติ ตามพฤติกรรมของผู้ขับขี่ เช่น ขับในเมือง รถติด ปรับไปประหยัด แต่เวลาเร่งแซงต้องการกำลัง เปลี่ยนไปสปอร์ตให้ น่าเสียดายว่ามันยังเติมน้ำมัน E20 ไม่ได้ (ช่วงนี้ราคาถูกอยู่นะ)
เส้นการการทดสอบรอบนี้ไปไกลถึงภูเก็ต ขับไปพังงา ร่วม 200 กม. สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทางเขา มีเนินชัน และโค้งเยอะ ส่วนใหญ่แล้วรถที่มาทดสอบแถบนี้ต้องมั่นใจเรื่องช่วงล่างเป็นทุนเดิม รวมทั้งอัตราเร่งรอบต้น เพราะไม่ค่อยมีทางยาวๆ ให้กดคันเร่งเท่าไร ซึ่งแปลกสำหรับรถเครื่องพันห้า ที่ไม่ค่อยถูกโรคกับทางชัน แต่ฮุนไดขอให้ท้าพิสูจน์
สัมผัสแรกต้องบอกว่าเป็นรถที่ทำความคุ้นเคยได้ง่าย และรวดเร็ว ตำแหน่งการจัดวางส่วนควบคุมต่างๆ ไม่ยากแก่การทำความเข้าใจ น้ำหนักพวงมาลัยแบบแปรผัน ช่วยให้ขับขี่ได้คล่องตัว ทั้งในเมือง หรือที่คับแคบ ทัศนวิสัยโดยรวมดีมาก ไม่ค่อยมีจุดอับให้เห็น อัตราเร่งสามารถทำได้จาก 0-100 ใช้เวลา 11.3 วินาที ไม่แรง แต่ไม่อืด ถ้าคุณเข้าใจรถว่าออกแบบมาเพื่อใคร เน้นใช้งานทั่วไป ขับเที่ยวได้ ระบบเกียร์ที่คุยว่าเปลี่ยนใหม่ จากสายพานธรรมดาเป็นโซ่มาใช้ร่วมด้วย ช่วยให้เกียร์ไม่หย่อน ส่งกำลังได้อย่างราบรื่น ต่อเนื่องดีกว่าเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั่วไป ถ้าอยากเรียกกำลัง ยังสามารถปรับเกียร์มาตำแหน่ง +- ได้ น่าเสียดายเป็น Paddle Shift จะสะดวกกว่า ส่วนใครที่ถามหาตัวเลขความเร็วสูงสุด ถามมาให้ ทำได้ถึง 175 กม./ชม. ไม่ได้ลองเอง เพราะเส้นทางไม่อำนวย
ช่วงที่ใช้ความเร็ว 80-120 กม./ชม. ยังสามารถเร่งแซงได้สบาย แต่จะต้องกดคันเร่งมากขึ้นถ้าผ่านเนินชันๆ ตามภูเขาเลียบชายทะเลที่ขับผ่าน ด้านช่วงล่างเซตมาให้นุ่มสบาย ทั้งคนนั่ง และคนขับ ไม่ย้วย ไม่ปลิ้น เอาอยู่ทุกโค้ง แถมยังให้ความมั่นใจได้ดี หลายคนชอบช่วงล่างเฟิร์มๆ เข้าโค้งได้ดี คันนี้ไม่ใช่ที่สุดในด้านนี้ ถ้าคุณต้องการซื้อรถมาขับคนเดียวนะ แต่ถ้าอยากให้คนนั่งรู้สึกสะดวกสบาย ฮุนไดรุ่นนี้ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีในทุกตำแหน่งที่นั่ง แถมตัวรถยังเก็บเสียงดีมากกว่ารุ่นอื่นที่เคยลองขับมาทั้งหมด
บทส่งท้าย….Hyundai Stargazer ลองขับ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ ฮุนได สตาร์เกเซอร์ ที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง ใครที่กำลังเลือกรถกลุ่มนี้อยู่บ้าง คนติดแบรนด์ก็มี บางคนชอบเทียบออปชัน แต่ฮุนไดทำรุ่นย่อยออกมาได้ดีมาก ทั้งราคาตัวเริ่มต้นที่ถูกกว่าใคร “คุ้มมาก ซื้อแบบเอาไปใช้งาน” หรือจะชอบรุ่น 6 ที่นั่ง ก็เล่นรุ่นบน ในตลาดที่ขายอยู่ยังไม่มีเจ้าไหนทำออกมา ที่เหลืออยู่ที่การใช้งาน เพราะรถเพิ่งเปิดตัวออกมา ช่วงนี้น่าจะเริ่มส่งมอบถึงมือลูกค้า ส่วนสีแดงที่ใครเคยเห็นตอนงานมอเตอร์โชว์ ถามคนฮุนไดได้ความว่ามีขาย แต่มีน้อย และไม่ได้เอามาโปรโมต ขนาดไม่ใส่ในแค็ตตาล็อต เรียกว่าแรร์ไอเทมสุดๆ เพราะเชื่อว่าคนไทยไม่ชอบสีฉูดฉาด ระดับโชว์รูมละหนึ่งคัน
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th