Hyundai Tucson อัปเดตกลางอายุตลาดเพิ่มกำลังขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
Hyundai อัปเดตกลางอายุตลาดให้กับรถเอสยูวี Tucson ที่สหรัฐอเมริกาโดยมีการปรับทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ปรับการออกแบบภายในห้องโดยสาร รวมทั้งอัปเกรดให้กับรุ่นที่มีไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน และเพิ่มโหมดสำหรับผู้มีเด็กเล็กร่วมเดินทาง
ในด้านรูปลักษณ์ของ Hyundai Tucson ที่ได้รับการอัปเดตเน้นการปรับที่ด้านหน้าด้วยการมีทั้งกันชนหน้า ไฟ Daytime Running Light และกระจังหน้าที่ได้รับการปรับการออกแบบใหม่ โดยรถรุ่นปกติจะมาพร้อมกับแผงกันกระแทกขนาดใหญ่ที่มีผิวในสไตลอลูมินัมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะที่รุ่น N-Line มาพร้อมการแต่งเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น
ห้องโดยสารของรถได้รับการออกแบบใหม่มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยจอ Panoramic Curved Display ที่มีจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมมีระบบ Infotainment ใหม่ที่เร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมรองรับการอัปเดต Over-the-air นอกจากนี้ยังนำปุ่มจริงกลับมาให้ใช้สำหรับการควบคุมต่างๆ ทั้งระบบปรับอากาศและระบบเสียงแทนปุ่มสัมผัส ความเปลี่ยนแปลงในห้องโดยสารยังรวมไปถึงมีพวงมาลัยใหม่ มีถาดบนแผงแดชบอร์ดเหนือช่องเก็บของ และมีสวิตช์เกียร์ที่คอพวงมาลัยในเกรดแต่งสูง
ด้านระบบความปลอดภัยมีการเพิ่มระบบ Forward Attention Warning ที่ตรวจจับสายตาของผู้ขับซึ่งหากพบว่าไม่มีการตอบสนองระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะจะรถเข้าไปสู่จุดหยุดรถ เปิดไฟฉุกเฉิน และมีการทำงานของเบรกมือไฟฟ้า โดยในรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดจะมี Baby Mode มาให้ใช้ซึ่งออกแบบมาสำหรับการเดินทางที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงร่วมด้วย เพราะจะทำให้การเร่งความเร็วของรถให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและความราบลื่นขึ้นแก่ผู้โดยสาร
ระบบขับเคลื่อนของรถมีให้เลือกทั้งไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาปล้วน ซึ่งสองระบบขับเคลื่อนแรกมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับการอัปเกรดกำลังมากขึ้น โดยรุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 65 แรงม้าแะแบตเตอรี 1.49 kWh มีกำลังรวม 234 แรงม้า รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 98 แรงม้า และแบตเตอรี 13.8 kWh มีกำลังรวม 271 แรงม้า โดยทั้งรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ HTRAC เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปล้วนใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 190 แรงม้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงด้านกำลังขับเคลื่อน มีให้เลือกระหว่างขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าหรือทุกล้อ โดยรถจะเริ่มขายที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 กับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป จากนั้นจึงตามด้วยรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th