จะซื้อรถนำเข้าสักคัน ทำไมแพง?
อาจมีบางคนที่อยากได้รถรุ่นที่แตกต่างจากที่ผลิตในประเทศอย่างเค-คาร์ขนาดเล็กน่ารัก ใช้เครื่องยนต์เล็กที่ขายอยู่ในญี่ปุ่น แต่พอเห็นราคาที่ผู้นำเข้าอิสระบางรายนำเข้ามาแล้วต้องกลับมามองรถซี-เซ็กเม้นต์ในประเทศแทน เพราะมีราคาไม่แตกต่างกับรถซี-เซ็กเม้นต์ผลิตในประเทศเกรดแต่งสูงสุด หรืออาจจะแพงกว่า หรือบางคนที่มีเพื่อนอยู่ในสหรัฐอเมริกาก็อาจรู้สึกตาร้อนที่เพื่อนสามารถซื้อ Nissan GT-R มาขับได้ในราคาที่ถูกกว่าเมืองไทยถึง 3 เท่า ขณะที่รถในฝันของคนไทยหลายๆ คนยังคงเป็นรถในฝันต่อไป ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากรถนำเข้าแต่ละคันนอกจากราคารถยนต์แล้วยังต้องมีการจ่ายภาษีต่างๆ อีก 4 ขั้นตอนก่อนที่จะถูกผู้นำเข้าบวกค่าดำเนินงานในการนำเข้าและกำไร ลองมาดูว่าการนำเข้ารถยนต์สักหนึ่งคันต้องเสียภาษีอะไรบ้างที่ส่งผลให้รถนำเข้ามีราคาแพงจนเกินเอื้อมของคนจำนวนมาก
จุดเริ่มต้นของการคิดภาษี
การคิดภาษีรถยนต์นำเข้าหนึ่งคันจะคิดจากราคา CIF (Cost + Insurance + Freight) ของรถ ซึ่งเป็นราคาขายของรถบวกด้วยค่าประกันภัย และค่าขนส่งจากต่างประเทศมาไทย โดยราคา CIF จะถูกระบุอยู่ในเอกสารนำเข้า ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างกับตัวเลขน้อยๆ ว่าหากรถยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมีราคา CIF อยู่ที่ 100 บาทจะต้องเสียภาษีอะไรบ้างและเสียเท่าใด
ภาษีต่างๆ ที่รถนำเข้าต้องเสีย
1 อากรขาเข้า ด่านแรกที่รถนำเข้าต้องเจอคืออากรขาเข้าที่ต้องจ่ายที่ท่าเรือก่อนนำรถออกจากท่าเรือเพื่อเข้าในประเทศซึ่งมีอัตรา 80 เปอร์เซ็นต์ของราคา CIF ซึ่งหมายถึงจำนวน 80 บาทกับรถยนต์นำเข้าที่มีราคา CIF 100 บาท
2 ภาษีสรรพสามิต กรมศุลกากรจะเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บภาษีนี้พร้อมกับอากรขาเข้า โดยภาษีสรรพสามิตจะอยู่ระหว่าง 30-50 เปอร์เซ็นต์ของราคา CIF รวมกับอากรขาเข้า ซึ่งอัตราภาษีจะมีความแตกต่างกันตามความจุกระบอกสูบหรือขนาดของเครื่องยนต์ของรถและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยรถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100-150 กรัม/กิโลเมตร จะมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่า 200 กรัม/กิโลเมตรจะเสียภาษี 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถที่มีเครื่องยนต์ 3,000 ซีซีขึ้นไปภาษี 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ว่าจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่าใด โดยใช้สูตรการคำนวณการจัดเก็บคือ (CIF + อากรนำเข้า) x อัตราภาษีสรรพสามิต / 1 – (1.1 x อัตราภาษีสรรพสามิต
จากข้างต้นจึงหมายความว่าหากนำเข้ารถยนต์ใช้เครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี มีค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 130 กรัม/กม. มีราคา CIF 100 บาท จะถูกนำมาคำนวณภาษีสรรพสามิตคือ (100 + 80) x 30% แล้วหารด้วย 1 – (1.1 x 30%) ทำให้มีการเสียภาษีสรรพสามิต 80.60 บาท
3 ภาษีมหาดไทย หากสงสัยว่าคือภาษีอะไร นี่คือภาษีที่เงินซึ่งได้จากภาษีถูกนำไปบริหารประเทศโดยกระทรวงมหาดไทย สำหรับอัตราภาษีมหาดไทยอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ของภาษีสรรพสามิต จากรถราคา CIF 100 บาท เสียภาษีสรรพสามิต 80.60 บาท จะเสียภาษีมหาดไทย 8.1 บาท
4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7 เปอร์เซ็นต์ของราคารถยนต์ CIF รวมกับอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต และภาษีมหาดไทย ทำให้จากรถยนต์ที่มีราคา CIF 100 บาท + อากรนำเข้า 80 บาท + ภาษีสรรพสามิต 80.60 บาท + ภาษีมหาดไทย 8.1 บาท จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 18.8 บาท
สรุปราคารถยนต์นำเข้าเมื่อรวมภาษี
จากภาษีทั้ง 4 อย่างที่รถนำเข้าต้องเสียจะทำให้เห็นว่าหากรถนำเข้ามีราคา CIF 100 บาท มีความจุเครื่องยนต์ไม่ถึง 3,000 ซีซี ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่าง 100-150 กรัม/กม. จะมีราคารถยนต์รวมภาษีต่างๆ อยู่ที่ 287.5 บาท โดยที่ผู้นำเข้ายังไม่บวกค่าดำเนินการต่างๆ และกำไร แต่หากเป็นรถที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 3,000 ซีซีจะมีราคารถรวมภาษีต่างๆ อยู่ที่ 428.0 บาท ดังนั้นจึงอาจไม่เกินเลยหากจะมีบางคนบอกว่าภาษีรถนำเข้าของไทยสูงถึง 300 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ไม่ใช่รถนำเข้าทุกคันจะเสียภาษีรวมถึง 300 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th