ถ้าเป็นเมื่อก่อนเชื่อว่า ISOFIX ไม่น่าจะเป็นคำที่คุ้นเคยเท่าไรสำหรับคนซื้อรถยนต์ใหม่ในบ้านเรา โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ญี่ปุ่นที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เพราะว่า ISOFIXเพิ่งกลายเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ในกลุ่มรถยนต์ทั่วไปในบ้านเราเมื่อสัก 10 ปีที่ผ่านมา และเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญและช่วยเพิ่มระดับการปกป้องให้กับเด็กเล็กที่นั่งอยู่ในเบาะนั่งนิรภัย หรือ Car Seat ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ ISOFIXเป็นตัวย่อของคำว่า International Organization for Standardization ที่เป็นมาตรฐานบังคับที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกทั้งในยุโรป ญี่ปุ่น และรวมถึงบ้านเรา ส่วนในสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนมาใช้คำว่า LATCH หรือ Lower Anchors and Tethers for Children และในแคนาดาใช้ชื่อว่า Canfix หรือ Luas Lower Universal Anchorage System แทน

จุดเด่นของ ISOFIXคือ ความง่ายและสะดวกในการติดตั้งที่มีมากกว่าระบบที่ใช้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดยึดรั้ง รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่ไม่ถูกต้องซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายหากเกิดการชนในรูปแบบต่างๆ ขึ้นมา

ในรถยนต์ยุโรปมีการติดตั้ง ISOFIXมานาน 10 กว่าปีแล้ว แต่สำหรับรถยนต์ญี่ปุ่น ISOFIXเพิ่งเข้ามาเป็นมาตรฐานในรุ่นที่เป็น MY 2014 เป็นต้นมา โดยระบบนี้จะถูกติดตั้งจากโรงงานโดยมีลักษณะเป็นแกนเหล็กที่เชื่อมต่อเข้ากับโครงสร้างตัวถังหลักของตัวรถ หรือเรียกว่า ISOFIX Anchor และบนเบาะนั่งหลังจะมีช่องที่ถูกเจาะออกมาเพื่อให้ฐานของเบาะนั่งเด็ก หรือ Catch Arm สามารถเสียบเข้าไปข้างในและล็อกเข้ากับแกนตรงนี้ ซึ่งจถูกล็อกอย่างแน่นหนา และไม่หลุดออกมา เพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าแกนของ ISOFIXถูกเชื่อมต่อเข้ากับตัวถังของรถ

จากระบบที่สะดวกเช่นนี้ทำให้การติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ลดความยุ่งยากและวุ่นวายจนนำไปสู่ความเสี่ยงในการก่อให้เกิดการติดตั้งไม่ถูกต้องเหมือนกับการใช้เข็มขิดนิรภัยแบบ 3 จุด ซึ่งจากการเปิดเผยของ กรมการประกันภัยในเยอรมนีระบุว่า ในรถยนต์ที่ไม่มี ISOFIXมาด้วยและใช้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดเป็นตัวยึดรั้งนั้นพบว่า มากถึง 70% ของพ่อแม่ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดความเสี่ยงจนทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องลดลง ต่างจากการใช้ระบบ ISOFIXที่ตัวเลขของพ่อแม่ที่ติดตั้งระบบนี้ถูกต้องถึง 96% และมีเพียงแค่ 4% เท่านั้นที่ติดตั้งไม่ถูกต้อง

สำหรับคำถามที่ว่าเราควรเลือกซื้อเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กแบบธรรมดาหรือแบบที่มี ISOFIXดี ?

คำตอบคือ ต้องถามว่ารถยนต์ของคุณมี ISOFIXติดตั้งมาด้วยหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ควรเลือกแบบที่มี ISOFIXถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม ส่วนในกรณีที่มีเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กอยู่แล้ว และเปลี่ยนรถยนต์ใหม่มาเป็นแบบที่มี ISOFIXแล้วอยากจะใช้ ในเบาะนั่งบางรุ่นจะมีตัวISOFIX Adapter ขายแยกออกมาด้วย ซึ่งถ้าอยากใช้เบาะนั่งตัวเดิม ก็ต้องไปหาชุดแปลงตัวนี้มาใช้ถึงจะใช้งานได้

สุดท้ายแล้ว เราขอย้ำเตือนว่า การเดินทางโดยมีเด็กเล็กอยู่ในรถด้วยนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้นั่งอยู่บนเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือ Car Seat เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th