Isuzu รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2022
The Best 2WD Pickup under 2,000 c.c.
“NEW! ISUZU D-MAX”
การก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการแข่งขันถือเป็น “เรื่องยาก”…เหนือไปกว่านั้น สิ่งที่ “ยาก” ยิ่งกว่าก็คือ การ “รักษา” ตำแหน่งความเป็นผู้นำ ซึ่งต้องยึดมั่นในมาตรฐาน ไปพร้อมๆ กับการพยายามหาหนทางเพื่อก้าวไปข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่คณะกรรมการได้เห็นจากงาน Thailand Car of The Year มาโดยตลอด…
กระทั่งล่าสุดในงาน Thailand Car of The Year 2022 ที่ “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม เข้าร่วมพิสูจน์ และสามารถคว้าไปได้ถึง 9 รางวัลอันทรงเกียรติ เริ่มด้วยรางวัลแรก The Best 2WD Pickup under 2,000 c.c. ซึ่งถูกครอบครองโดย “NEW! ISUZU D-MAX” …“พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” ที่นอกจากความชัดเจนในตัวตนใหม่ เพื่อสร้างเอกลักษณ์โดดเด่น และชัดเจนในการผสมผสานความสปอร์ต และความหรูหราระดับพรีเมียมแล้ว
มากไปกว่านั้น คือ สมรรถนะที่เกิดจากพื้นฐานของยอดนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 ในรหัส RZ4E-TC ซึ่งมีพิกัดเล็กเพียง 1.9 ลิตร แต่เพิ่มศักยภาพด้วยระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น,ระบบอัดอากาศ VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ ประมวลผลออกมาเป็นเรี่ยวแรงสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ผ่านชุดเกียร์ ซึ่งมีให้เลือกตามสไตล์ความถนัด คือ อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic ที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบาย และอารมณ์สปอร์ต หรือแบบธรรมดา 6 สปีดอันเร้าใจ ด้วยตำแหน่งเกียร์ที่ช่วงชักสั้น เข้าง่าย ถ่ายทอดพลังได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยไฟบอกตำแหน่งเกียร์ Genius Sport Shift ไปพร้อมๆ กับให้การประหยัดที่ดีเยี่ยมจาก “โอเวอร์ไดร์ฟ” ทั้งในตำแหน่งเกียร์ 5 และเกียร์ 6
ไม่เพียงแค่ความสามารถของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุม และการขับเคลื่อน อันเกิดจากน้ำหนักพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ตลอดจนแพลตฟอร์มที่ชื่อ “ISUZU Dynamic Drive Platform” พร้อมการติดตั้งช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และช่วงล่างด้านหลัง แหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) โดยทั้งหมดถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแกร่ง และยืดหยุ่น สามารถผสานการทำงานต่างๆ ให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อมุ่งสู่จุดหมายเดียว คือ การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
แน่นอนว่า จากรายละเอียดข้างต้น…“NEW! ISUZU D-MAX” ไม่ได้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของยนตรกรรมสมรรถนะสูงแต่สิ่งที่เฉือนเอาชนะคู่แข่งในรุ่นไปอย่างขาดลอย คือ “ความสมดุล” ขององค์ประกอบต่างๆ ในการขับขี่ และเหนืออื่นใด สิ่งที่ได้ยังรวมไปถึงความประหยัดเกินคาดหมาย
ซึ่งหากนำมาคำนวณกับราคาตัวรถของรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อที่มีความหลากหลายให้เลือก ทั้งบนตัวถังแบบ 2 ประตู และ 4 ประตู ก็จะพบว่า “ความคุ้มค่า” คือ สิ่งที่มีมากกว่าคู่แข่ง และกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ยืนยันต่อคณะกรรมการถึงความเหมาะสมกับรางวัลอย่างปฏิเสธไม่ได้
The Most Popular Pickup “NEW! ISUZU D-MAX”
อย่างที่ได้กล่าวไปในปฐมบทว่า การจะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำ” คือ “เรื่องยาก”…แต่การจะรักษาฐานะผู้นำเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
คือ เรื่องที่ “ยากกว่า”ฉะนั้น ตำแหน่ง “The Most Popular Pickup”จึงถือเป็นรางวัลการันตีความสำเร็จของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด อีกครั้งในปีนี้
ซึ่งเรื่องราวของ “ดีแมคซ์ฟีเวอร์”
เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในโลกของ “อีซูซุดีแมคซ์” เจเนอเรชันแรก ช่วงเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2545 ที่สร้างกระแสตอบรับล้นหลาม และพัฒนาสู่ก้าวที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2548 กับจุดเด่น คือ ขุมพลังใหม่ ดีเซล ไอ-เทค ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล ที่มีให้เลือก 2 ขนาด ทั้ง 2.5 ลิตร และ 3.0 ลิตร โดยพิสูจน์ความสำเร็จอย่างชัดเจนด้วย “ยอดจำหน่ายรวมกว่า 2 ล้านคัน”ก่อนส่งไม้ต่อสู่ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด” รุ่นที่ 2 เปิดตัวขึ้นในเดือนตุลาคม
พ.ศ. 2554 สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการออกแบบ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีคอมมอนเรลล่าสุด ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล เจเนอเรชัน 3.5 ภายใต้แนวคิด “เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต”…ซึ่งคงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “กระแสตอบรับ” เพราะในปีถัดมา พ.ศ. 2555 ได้จัดงานฉลองครั้งใหญ่ สำหรับ “ยอดการผลิตที่ขยับขึ้นสู่ระดับ 3 ล้านคัน” ขึ้นมาการันตีเป็นที่เรียบร้อย
พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ทำเซอร์ไพรส์วงการยานยนต์ด้วย “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก!” เปิดตัว “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่” ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จุดเด่นหลักๆ ก็คือ ขุมพลังดีเซล ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่พัฒนาขึ้นใหม่โดยมีไฮไลต์เป็นครั้งแรกในโลก! ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ในรถปิกอัพ กระทั่งเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “อีซูซุบลูเพาเวอร์” ทั่วประเทศ พร้อมยอดจองถล่มทลายเกินคาด
ต่อยอดมาถึงประวัติศาสตร์บทใหม่กับ “ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์” พลานุภาพ…พลิกโลก!เปิดตัวในปี พ.ศ. 2562 พร้อมนิยาม “รถปิกอัพที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” จากการพัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งกว่าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยยังคงมีจุดเด่นเป็นสมรรถนะที่อัปเกรดใหม่ บนพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล ดีดีไอบลูเพาเวอร์ เจเนอเรชันที่ 2 ทั้งขนาด 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร พร้อมออปชันอัดแน่น และคุ้มค่า จนก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ซึ่งแน่นอนว่า กวาดยอดจองแบบถล่มทลายไปอีกครั้งเช่นกันก่อนที่ปลายปี พ.ศ. 2564 ช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์”ตอกย้ำฐานะผู้นำอีกครั้ง ด้วยรุ่นล่าสุดที่เปิดตัว พร้อมตัวตนใหม่ภายใต้แนวคิด“MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX”…“ใหม่! พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” โชว์ศักยภาพความสมบูรณ์แบบทุกองศา ผ่านเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนภาพลักษณ์ความสปอร์ต ผสมผสานความหรูระดับพรีเมียม เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ Top Class
รวมไปถึงความสามารถในการขับเคลื่อน ทั้งจากรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 และรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอบลูเพาเวอร์ ซึ่งด้วย “สมรรถนะ” ลงตัวจากเครื่องยนต์ทั้ง 2 พิกัด ตอบโจทย์การขับขี่ได้ครบครันทุกความต้องการ ตลอดจน “ออปชัน” ที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อยภายใต้ “ราคา” อันเหมาะสม นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ “NEW! ISUZU D-MAX” ยังคงเป็นชื่อที่ครองใจผู้ใช้ จนไม่มีรางวัลไหนจะเหมาะสมมากไปกว่า “The Most Popular Pickup” อีกแล้ว
The Best Fuel Economy Pickup under 2,500 c.c. “NEW! ISUZU D-MAX”
ความโดดเด่นของ “NEW! ISUZU D-MAX”
ไม่ได้มีเพียงแค่ “ศักยภาพ” ในการขับขี่ที่ “สมดุล” เท่านั้น เพราะเครื่องยนต์ ดีดีไอบลูเพาเวอร์ Gen 2 พิกัด 1.9 ลิตร ซึ่งเสริมสมรรถนะด้วยระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น, ระบบอัดอากาศ VGS เทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ยังมีคุณสมบัติอันน่าประทับใจรวมอยู่ด้วยเช่นกัน…นั่นคือ “ความประหยัดเหนือเกิน”ชนิดที่เรียกว่า “ยากจะหาคู่แข่งในรุ่นมาเปรียบเทียบ” การันตีด้วยตัวเลข Eco Sticker ที่มีค่าเฉลี่ยโดยประมาณอยู่ที่14.9-15.6 กม./ลิตร ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย
อีซูซุเป็นหนึ่งในผู้นำวงการยานยนต์ระดับโลกที่ไม่เคยหยุดยั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มีความโดดเด่นในด้านความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประเทศไทย จึงได้เริ่มการจัดกิจกรรมเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันในประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ ทั้งเส้นทางในประเทศ และเส้นทางข้ามประเทศมากว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 1998 ถือเป็นต้นตำรับในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการประหยัดน้ำมันที่ประสบความสำเร็จ ที่บรรดาอีซูซุในประเทศต่างๆ ได้นำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม ในประเทศของตนเอง อีกทั้งยังมีค่ายรถยนต์ต่างๆ ในประเทศไทยทำตามอย่างอีกมากมาย เช่น การขับทั้งวัน! ทั้งคืน! โดย 12 ผู้ใช้รถตัวเอง ที่เดินทางจากกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อนจะสิ้นสุดลงที่เมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลากว่า 85 ชม. รวมระยะทางกว่า 5,755 กม. แบบไม่ดับเครื่องยนต์เลยสักครั้งเดียว
ทั้งยังมีการแข่งขันขับประหยัด ในกิจกรรม “แชมป์ประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ Isuzu Insight Fuel Economy Contest” ที่จัดขึ้นในต่างประเทศ บนเส้นทาง ปีนัง–มะละกา เป็นระยะทาง 520.20 กม. ขับเปิดแอร์ตลอดเส้นทาง ในระยะเวลา 8 ชม. ซึ่งมีผลงานการประหยัดเฉลี่ยที่ดีที่สุดทั้ง 6 คัน ถึง 25.04 กม./ลิตร ก่อนจะไปท้าทายความสามารถอีกครั้งในภารกิจ “อีซูซุ แม็คซ์ แชลเลนจ์ กับ บอย ปกรณ์” ที่เดินทางจากมหานครเซี่ยงไฮ้ สู่เมืองฉางซา ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังของ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ระยะทางรวม 1,212 กม. ซึ่งนอกจากน้ำมันยังเหลือแล้ว การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยก็ทำได้สูงถึง 24.99 กม./ลิตร เลยทีเดียวล่าสุด บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดกิจกรรมครั้งใหม่ที่ท้าทายมากกว่า ในชื่อ “Isuzu Last Drops Challenge น้ำมัน ไม่หมด…ไม่หยุดขับ! กับ บอย ปกรณ์”
ซึ่งจะทำการขับรถ “ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์ไฮแลนเดอร์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ขณะที่ไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดแสดงบนหน้าจอเพื่อท้าพิสูจน์ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ?…ที่จังหวัดใด ?และท้ายที่สุด จากจุด บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กรุงเทพมหานคร มุ่งสู่ภาคเหนือแบบใช้งานจริง เปิดแอร์มาตรฐานขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กม./ชม. ท่ามกลางการจราจรปกติ บนถนนวิภาวดีรังสิต ต่อเนื่องทางหลวงสายเอเชีย กระทั่งไปสิ้นสุดแบบรถหยุดนิ่ง ณ จังหวัดนครสวรรค์ ที่บอกเลยว่าต้องอึ้ง ด้วยระยะทางที่ทำได้ คือ 251.8 กม. ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมา ก็น่าบอกอะไรได้มากพอ จนทำให้คณะกรรมการต่างเห็นชอบที่จะมอบรางวัลนี้ให้กับ “NEW! ISUZU D-MAX” ไปอีกครั้งในปีนี้
The Best Eco-friendly Pickup “NEW! ISUZU D-MAX”
คุณสมบัติอีกหนึ่งอย่างของ “NEW! ISUZU D-MAX” ที่ยังคงเส้นคงวาจนเป็นที่มาของการครองรางวัล “The Best Eco-friendly Pickup” อย่างต่อเนื่อง และรวมถึงปีนี้ด้วยเช่นกัน ก็คือ “ความเป็นมิตร” ที่มีต่อ “สิ่งแวดล้อม” ซึ่งมีอยู่ในเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งรุ่นไฮไลต์พิกัด 1.9 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจเนอเรชันที่ 2 และพิกัด 3.0 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์
บนแนวทางแห่งการพัฒนาที่ยังรักษามาตรฐาน เช่น ลดการสูญเสียพลังงานจากการเผาไหม้ ด้วยการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงที่ละเอียด และแม่นยำ ควบคู่ไปกับอากาศที่ไหลผ่านท่อไอดีได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างการหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกการจุดระเบิดเกิดการเผาไหมที่หมดจด ช่วยให้สามารถลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงจากเดิมได้กว่า 21%
โดยมีผลการันตีอย่างเป็นรูปธรรมบน Eco Sticker ด้วย “ค่าตัวเลขที่ดีที่สุด”ของ “NEW! ISUZU D-MAX” หลากหลายรุ่นย่อย บนพื้นฐานของเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจเนอเรชันที่ 2 จะมีค่าเฉลี่ยตัวเลขอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ราวๆ 166-175 กรัม/กม. ขณะที่ “NEW ISUZU D-MAX” เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 175-186 กรัม/กม. เท่านั้น
The Best 4WD Pickup under 3,200 c.c.
“NEW! ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4”
“NEW! ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4” คือหนึ่งในตระกูล“NEW! ISUZU D-MAX” ที่ยังคงรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมเอาไว้อีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสด “ใหม่!” ในรูปลักษณ์…แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสะดุดตามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะภายนอกที่ดูลงตัวขึ้นจากการผสมผสานทั้งความพรีเมียม ความสปอร์ตและความดุดันสไตล์ออฟโรดจนเกิดเป็นความทรงพลังในทุกมิติมุมมอง
รวมไปถึงการเพิ่มสัมผัสของความสปอร์ตหรูให้ชัดเจน เมื่อก้าวเข้าสู่ห้อง โดยสาร ซึ่งมากับอารมณ์ “ใหม่!” ภายใต้งานดีไซน์แบบ High-Class & Sporty ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกยังคงครบถ้วนด้วยมาตรฐานของรุ่นท็อปสุด และถูกจัดวางตามหลัก Usability Design เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย รวมไปถึงระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบโดย ISUZU Ultimate Entertainment…
และด้วยรายละเอียดต่างๆ หลังจากได้สัมผัส แล้วจะนิยามว่า “NEW! ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4” เป็นอีกหนึ่งประเภทของรถอเนกประสงค์ก็คงไม่ใช่ “เรื่องผิด” อะไร สิ่งที่เป็นอีกหนึ่งความประทับใจของ “NEW! ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4” ต้องยกให้ “สมรรถนะ” ที่เพียบพร้อม จากพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ดีดีไอบลูเพาเวอร์ ซึ่งเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีดีเซลคอมมอนเรล, หัวฉีด High Pressure แรงดันสูงถึง 250 MPa, ระบบอัดอากาศแปรผันแบบ ElectronicVGS Turbo และกล่อง ECM ที่ประมวลผลแบบ Multi-Core อย่างแม่นยำ สร้างพละกำลังระดับ 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด450 นิวตัน-เมตร
ด้านระบบส่งกำลัง มีให้เลือกตาม ความถนัดระหว่างเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งทั้ง 2 สไตล์จะมากับระบบ Terrain Command เพื่อทำหน้าที่เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ (2WD) เป็น 4 ล้อ (4WD)ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ คือ 2 ล้อความเร็วสูง (2H), 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และ 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) เสริมด้วยระบบ Electronic Diff-Lock ทํางานด้วยไฟฟ้า ให้เครื่องยนต์ส่งกําลังไปยังคู่ล้อหลังเท่าๆ กันเหนืออื่นใดเลย คือ ความแกร่งที่พร้อมลุยทุกอุปสรรคจาก “ISUZU Dynamic Drive Platform” จับคู่กับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และช่วงล่างด้านหลัง แหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) ตลอดจนการกำหนดความสูงใต้ท้องรถที่ 240 มม. ซึ่งช่วยสร้างขีดความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงถึง 800 มม.เลยทีเดียว
ซึ่งจากภาพรวมของบุคลิก และคุณสมบัติจาก “NEW! ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4” ที่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ในมุมกว้าง ทั้งจากทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ จนสร้างความ “คุ้มค่า” ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด…โดยนั่นแหละ คือประเด็นสำคัญที่ทำให้รางวัล “The Best 4WD Pickup under 3,200 c.c.” ในปีนี้ ยังคงไม่หลุดมือไปไหน
The Sporty Lifestyle Pickup “NEW! ISUZU X-SERIES”
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 นั่นคือจุดเปลี่ยนเกมครั้งแรกของ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยการส่ง “ปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ต” ในชื่อ X-SERIES ออกสู่ตลาด ซึ่ง ณ เวลานั้นบอกได้เลยว่าเป็นการ “สวนกระแส” กลุ่มตลาดรถปิกอัพอย่างคาดไม่ถึง ด้วยเพราะส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของอรรถประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก
แต่การมาของ X-SERIES เจเนอเรชันแรก กลับสร้างผลตอบรับที่เปรียบได้กับความสำเร็จในการพยายามกระจายกลุ่มเป้าหมายสู่ Young Generation จนทำให้ชื่อ X-SERIES ได้กลายเป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาร่วมกับ Product Line Up หลักๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบันกับ “NEW! ISUZU X-SERIES” เจเนอเรชันล่าสุด ที่ยังคงมากับ 2 สไตล์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ
นำโดย “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Speed ที่นำเสนอจิตวิญญาณสปอร์ตและปราดเปรียว ภายใต้การออกแบบด้วยแนวคิด Bold but Emotional ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อสร้างความสะดุดตาให้รูปลักษณ์ภายนอก เปี่ยมด้วยความเร้าใจสไตล์เรซซิ่ง รับกับห้องโดยสารภายในที่โดดเด่นด้วยชุดแต่ง X-Stylish Package โทนสีดำ-แดง
ส่วนอีกหนึ่ง คือ “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Hi-Lander ที่แม้จะใช้แนวคิด Bold but Emotional เช่นกัน แต่ก็สร้างความต่างอย่างน่าสนใจ ผ่านงานดีไซน์เฉพาะ ซึ่งผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเน้นความแข็งแกร่ง บึกบึน พร้อมห้องโดยสารภายในที่มากับชุดแต่ง X-Stylish Package ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความพรีเมียม
การขับเคลื่อนของทั้ง 2 รุ่น ยังคงเป็นความยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 ในพิกัด 1.9 ลิตร ติดตั้งระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น และเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบอัดอากาศ VGS เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งให้กำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า และแรงบิดสูง 350 นิวตัน-เมตร
สำหรับระบบส่งกำลังของ “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Speed ทั้งในรุ่นตัวถัง 2 ประตู และ 4 ประตู จะมากับความเร้าใจบนพื้นฐานเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วน “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Hi-Lander จะมากับความหลากหลายที่มากกว่า โดยในรุ่นตัวถัง 2 ประตู จะเลือกจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขณะที่รุ่นตัวถัง 4 ประตู จะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic
การควบคุมและการขับเคลื่อน ยังคงมากับพื้นฐานเดียวกัน อันประกอบด้วย น้ำหนักพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ตลอดจนแพลตฟอร์ม “ISUZU Dynamic Drive Platform” ที่มากับช่วงล่าง
ด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลัง แหนบยาวแบบ Long Span
ปิดท้ายด้วยความต่างจากล้ออัลลอย ที่ “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Speed จะมากับขนาด 16 นิ้ว ตามด้วย “NEW! ISUZU X-SERIES” รุ่น Hi-Lander ตัวถัง 2 ประตูที่ขยับขึ้นมาเป็น 17 นิ้ว และท้ายสุดคือ รุ่นตัวถัง 4 ประตู ซึ่งยกระดับความบึกบึน แข็งแกร่งด้วยขนาด 18 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน…เพียงเท่านี้ “NEW! ISUZU X-SERIES” ก็สามารถกลายเป็นตัวเลือกที่ “ครอบคลุม” กลุ่มเป้าหมายได้ไม่ยาก ทั้งยังรวมถึงการตรึงที่มั่นผู้นำ เพื่อเก็บรางวัล “The Sporty Lifestyle Pickup” กลับไปครองอีกด้วย
The Best PPV Diesel 2WD under 3,200 c.c. “ALL-NEW ISUZU MU-X”
และในเมื่อ “NEW! ISUZU D-MAX” คือยอดยนตรกรรมจากฝั่งปิกอัพแห่ง “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ที่คว้ารางวัล Thailand Car of The Year 2022 ไปแล้วมากมาย…เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่ “ALL-NEW ISUZU MU-X” ซึ่งเต็มไปด้วย DNA ความยอดเยี่ยมจากพื้นฐานเดียวกัน จะยังคงถือครองตำแหน่งผู้นำในประเภทของรถอเนกประสงค์ PPV
ตั้งแต่การสร้างจุดสนใจผ่านรูปลักษณ์ที่ปรับความสดใหม่ เพื่อสะท้อนความหรูหรา เช่น กระจังหน้าแบบ World Cross Flow, ชุดไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์ Arrow Signature ประกบไฟตัดหมอกแบบ LED,
ชุดไฟท้าย LED ดีไซน์ Winglet Signature ภายในโคมไฟ 3-Line LED ไปจนจุดสะดุดตาในส่วนของล้ออัลลอยแบบไดนามิกดีไซน์ กับขนาดที่มีให้เลือกตั้งแต่ 17 นิ้ว, 18 นิ้ว และ 20 นิ้ว
มากไปกว่านั้น คือ รายละเอียดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ตั้งแต่ แนวคิดการออกแบบที่ชื่อว่า Fine, Rich & Impressive Craftsmanship เน้นความโดดเด่นผ่านเบาะนั่งดีไซน์หรูในโทนสี Saddle Brown ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ พร้อมเทคโนโลยี Coolmax ช่วยลดการสะสมความร้อน ทั้งยังลงตัวกับโทนสีที่ตกแต่งบนคอนโซลหน้า ที่ออกแบบให้เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง ขณะที่ฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างยังคงอัดแน่นตามฐานะของยนตรกรรมอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
ที่สำคัญก็คือ “ALL-NEW ISUZU MU-X” มากับขุมพลัง 2 ทางเลือกตามใจปรารถนา เริ่มต้นด้วยไฮไลต์ในพิกัด 1.9 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 ซึ่งมีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร หรือพิกัดใหญ่ 3.0 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กับเรี่ยวแรงสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ซึ่งจะมากับชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ
โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะถูกเสริมขีดความสามารถด้วยระบบ Terrain Command ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ Rough Terrain Mode มาให้ เพื่อช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเบรกให้เหมาะสมในแต่ละโหมดการขับเคลื่อน คือ 2 ล้อความเร็วสูง (2H), 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และ 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) อีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ที่ปรับแต่งมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ สนุกได้ภายใต้ความหนักแน่น มั่นคง และมั่นใจ ด้วยผลงานการออกแบบโครงสร้าง Platform จากแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility พร้อมช่วงล่างแบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ซึ่งมีด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบ 5-Link เสริมเหล็กกันโคลงมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ก่อให้เกิดบุคลิกที่เหนือชั้นกว่าเพื่อนร่วมรุ่นในระดับเดียวกัน…ซึ่งนั่นแหละ คือผลลัพธ์ที่ทำให้คะแนนไหลมารวมกันที่ “ALL-NEW ISUZU MU-X” และเก็บรางวัล “The Best
PPV Diesel 2WD under 3,200 c.c.” กลับ
ไปอีกครั้งเช่นกันในปีนี้
The Best Hi-Tech & Safety PPV “ALL-NEW ISUZU MU-X”
การถือครองตำแหน่งแชมป์ของ “ALL-NEW ISUZU MU-X”
ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ความยอดเยี่ยมด้าน “สมรรถนะ” หรือ “ออปชันอำนวยความสะดวกสบาย” เท่านั้น เพราะด้วยฐานะของรถอเนกประสงค์ PPV สำหรับครอบครัวแล้ว เทคโนโลยีล้ำสมัยด้านความปลอดภัย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักแห่งการพัฒนา จนสามารถเก็บรางวัล The Best Hi-Tech & Safety PPV ไปครองได้อีกครั้ง
โดยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ ผ่าน “ALL-NEW ISUZU MU-X” นั้น ไล่มาตั้งแต่เทคโนโลยีล่าสุด เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) อันประกอบด้วย กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่เปรียบได้กับดวงตาอัจฉริยะ สำหรับตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ทำงานร่วมกับเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน
ต่อเนื่องด้วยอีกหนึ่ง “ของใหม่” อย่าง ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา Turn Assist with AEB ที่เสริมทัพเข้ามา โดยยังมีระบบเพื่อความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC – Full Speed Range Adaptive Cruise Control), ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB – Autonomous Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSM – Blind Spot Monitoring), ระบบช่วยเตือนขณะถอย (RCTA – Rear Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน (LDW – Lane Departure Warning)
ไล่ไปจนถึง ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB – Automatic High Beam), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด (PMM – Pedal Misapplication Mitigation), ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ (MCB – Multi Collision Brake), ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง (MSL – Manual Speed Limiter) และระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอด (Parking Aid System)
ขณะที่ระบบความปลอดภัยพื้นฐานก็ยังคงครบครัน ด้วยระบบเบรก (ABS – Anti lock Brake System) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA – Brake Assist) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake-force Distribution) ตลอดจนระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว (TCS – Traction Control System), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ (ESC – Electronic Stability Control), ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย (TSC – Trailer Sway Control), ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (BOS – Brake Override System), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA – Hill Start Assist), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC – Hill Descent Control) และถุงลมนิรภัย SRS Airbags 6 ตำแหน่ง ภายใต้โครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile สุดแกร่ง…และนั่นมากพอที่คณะกรรมการจะตัดสินว่า “ALL-NEW ISUZU MU-X”
เหมาะสมแล้วกับรางวัล “The Best Hi-Tech & Safety PPV” อีกครั้งในปีนี้
The Best CSR Project of The Year “Isuzu Gives Water…For Life” Project
ท้ายสุดคงไม่อาจปฏิเสธได้กับรางวัล The Best CSR
Project of The Year ที่ “กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย” ยังคงมุ่งมั่นทำตามปณิธาน ด้วยโครงการ “Isuzu Gives Water…For Life” (“อีซุซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต”) ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มคุณภาพของน้ำ เพื่ออาคารเก็บน้ำในโรงเรียน ไปพร้อมกับการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ใช้ระบบด้วยประโยชน์สูงสุด ตลอดจนช่วยสนับสนุนให้ผู้คนในชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นอุปสรรค แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับความมุ่งมั่นของ “กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย” ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงชุมชนใกล้เคียง จนกระทั่งโครงการ “Isuzu Gives Water…For Life” (“อีซุซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต”) ได้เดินทางสานต่อมาถึงปีที่ 10
โดยล่าสุดได้ปักหมุดไว้ที่โครงการแห่งที่ 39 ณ โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม โรงเรียนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่กลับประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและการปนเปื้อนของน้ำที่ไม่สะอาดตามมาตรฐานสากล
ซึ่งทำให้ “กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย” ได้ก้าวเข้ามาช่วยเหลือ ด้วยความมุ่งมั่นและมุ่งหวังในการสร้างรอยยิ้มและคุณภาพชีวิตที่ดี จากน้ำสะอาดซึ่งผลิตได้เอง ทั้งนี้ ก็เพื่อสานต่อปณิธานอันไม่ใช่แค่สร้างความภาคภูมิใจแก่กลุ่มอีซูซุเท่านั้น หากแต่เป็นความตั้งใจว่า โครงการนี้จะดำเนินไปจนกว่าจะไม่มีโรงเรียนในประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดอีกต่อไป” เพื่อตอบแทนสังคมไทย ที่ต้อนรับ “บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด” ด้วยดี ตลอดที่ผ่านมา