การเดินทางสุดพิเศษกับ Isuzu V-Cross Max 4×4 พิชิต 1,219 โค้ง สู่อุ้มผาง-น้ำตกทีลอซู
อีซูซุเปิดทริปการเดินทางพิเศษตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเชิญไปสัมผัสกับสมรรถนะของ “Isuzu V-Cross Max 4×4” ขีดสุดแห่งสปอร์ตออฟโรด ที่พร้อมฝ่าฟันในเส้นทางสุดโหดด้วยภารกิจสุดท้าทายกับการพิชิต 1,219 โค้ง สู่แผ่นดินดอยลอยฟ้าที่อุ้มผาง และน้ำตกทีลอซู น้ำตกที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในประเทศไทย เปลี่ยนทุกเส้นทางที่มีอุปสรรคให้เป็นความเร้าใจถึงขีดสุด ด้วยสุดยอดแห่งสมรรถนะความแกร่งและความแรงของเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ (3.0 Ddi Bluepower) ตอบสนองทุกเส้นทางของการขับขี่
เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูมอีซูซุตากฮกอันตึ๊ง สาขาแม่สอด
มีฝนตกลงมาชุ่มฉ่ำตลอดเส้นทางในวันแรก
การเดินทางในครั้งนี้ อีซูซุพาคณะสื่อมวลชนบินจากกรุงเทพฯ สู่สนามบินแม่สอด จังหวัดตาก โดยเริ่มสตาร์ทกันที่ “ร้านกระเพาะปลาริมเมย แอนด์ จิวเวอรี่” ลิ้มรสกระเพาะปลา และอาหารรสเด็ด ก่อนเดินทางไปรับรถที่โชว์รูมอีซูซุตากฮกอันตึ๊ง สาขาแม่สอด เพื่อสัมผัสสุดยอดแห่งประสบการณ์ลุยกับ “Isuzu V-Cross Max 4×4” สปอร์ตออฟโรดพันธุ์แท้ ที่มาพร้อมกับความแกร่ง ดุดัน ทรงพลัง สปอร์ตอย่างมีระดับ กับชุดแต่ง MAX 4×4 ดีไซน์ใหม่ เปลี่ยนทุกอุปสรรคให้เป็นความเร้าใจถึงขีดสุด ด้วยใหม่! Bumper Garnish โทนเทาดำ ตัดรับกระจังหน้า พร้อม Engine Hood Garnish ให้มิติแห่งพลัง พร้อม ใหม่! Front Bumper Guard ทูโทนดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว Matt Black เท่สะดุดตา ไฟหน้าแบบ Bi-LED เทคโนโลยีสุดล้ำ ให้พื้นที่ ความสว่างมากขึ้นแต่ใช้พลังงานน้อยลง และ Multifunctional Daylight แบบ Built-in ดีไซน์ใหม่ เป็นทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟหรี่ในเวลากลางคืน ใหม่! กับกันชนท้ายสีเทาดำ พร้อมไฟท้ายแบบ LED รมดำ
Bumper Garnish โทนเทาดำ ตัดรับกระจังหน้า พร้อม Engine Hood Garnish
ไฟหน้าแบบ Bi-LED เท่สะดุดตา
กันชนท้ายสีเทาดำ พร้อมไฟท้ายแบบ LED รมดำ
ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบายในทุกตำแหน่ง เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ สไตล์ทูโทน น้ำตาล-ดำแถมยังดูหรูหรากว่ารุ่นปกติเยอะ
ล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว Matt Black
ห้องโดยสารหรูหรายิ่งขึ้น ยกระดับความสะดวกสบายขั้นสุด ด้วย ใหม่! เดินด้ายสีส้มรอบตัวเบาะ พร้อมปักสัญลักษณ์ V-Cross เท่ หรู ในทุกรายละเอียด หน้าจอใหม่! ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมระบบสัมผัสตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง มั่นใจด้วยสุดยอดแห่งสมรรถนะความแกร่ง และความแรงของเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ให้กำลังแรงม้าและแรงบิดสูง เพื่อให้ผู้ใช้รถได้สัมผัสสุดยอดแห่งประสบการณ์ลุยในแบบฉบับออฟโรดตัวจริง พร้อมลุยทุกอุปสรรค
เส้นทางมีทางโค้งที่หลากหลาย ทั้งโค้งกว้าง แคบหักศอก ชวนให้เมารถกันได้ง่ายๆ เตรียมยาดม ยาลม ยาแก้เมาเอาไว้ให้พร้อม
เมื่อเดินทางถึงแม่สอด สายฝนได้ตกกระหน่ำต้อนรับผู้ร่วมเดินทาง แต่นี่กลับทำให้ได้พิสูจน์สมรรถนะของการขับขี่ที่มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยระบบปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า Terrain Command เรียกพลังออฟโรด พร้อมช่วงล่างแบบ i-Grip ออกแบบพิเศษ ให้ระยะฐานล้อ และช่วงล้อกว้างสมดุลกับขนาดตัวรถ เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวและการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น มุ่งหน้าสู่อำเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นอำเภอชายแดนของจังหวัดตากที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ รวมระยะทางทั้งสิ้น 164 กิโลเมตร กับ 1,219 โค้ง
หลังจากผ่านเส้นทางอันคดเคี้ยวได้ครึ่งทาง ได้แวะพักที่จุดแวะพักอุ้มเปี้ยม เพื่อดื่มชากาแฟ พร้อมลิ้มรสซาลาเปาและขนมจีบร้อน ๆ คลายหนาว ก่อนเดินทางต่อ ในที่สุดจึงเดินทางถึงอำเภออุ้มผาง โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นเกือบ 4 ชั่วโมง โดยแวะพักรับประทานอาหารเย็นกันที่ “ครัวป้าณี” ร้านอาหารเก่าแก่ของที่นี่ ก่อนเดินทางเข้าสู่ที่พัก ณ “ทีลอซู ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท” ในบรรยากาศสงบ อิงแอบกับธรรมชาติ อาหารอร่อย เรียกได้ว่าเพอร์เฟคเลยทีเดียว
ที่พักแสบสบาย “ทีลอซู ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท” ในบรรยากาศสงบ อิงแอบกับธรรมชาติ
ในวันที่ 2 ของการเดินทาง พวกเราตื่นนอนกันแต่เช้าตรู่ เพื่อออกเดินทางสู่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง” เพื่อเข้าชม “น้ำตกทีลอซู” ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวอุ้มผาง สำหรับเส้นทางการเดินทางสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ นั้น ไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย ๆ เลย เนื่องจากตลอดระยะทาง 26.5 กิโลเมตร เป็นทางดินขรุขระ สลับถนนปูน และลาดยาง มีแอ่งน้ำขัง และคดเคี้ยว แต่ด้วยสมรรถนะของ “Isuzu V-Cross Max 4×4” ทำให้เราฝ่าฟันทุกอุปสรรคในการเดินทางได้อย่างง่ายดาย ต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางถึงที่ทำการฯ การเดินเท้าเข้าไปน้ำตกทีลอซูนั้นจะเป็นทางคอนกรีตทำเป็นขั้นบันไดไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง ความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
จะเข้าไปถึงน้ำตกทีลอซู ต้องเดินเข้าไปตามเส้นทางธรรมชาติแบบนี้
บรรยากาศสงบเงียบ นักท่องเที่ยวต้องทำตามกฎข้อบังคับด้วยนะ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม
เส้นทางเดินไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน มีการสร้างทางเป็นแผ่นปูนทำให้เดินได้ง่ายขึ้น แค่ระวังลื่นในบางช่วงแค่นั้นเอง
บางช่วงจะเห็นพรรณไม้ต่างๆ นานา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำภาพอธิบายเอาไว้ด้วย
เห็นแบบนี้ดูจะชัน แต่เส้นทางที่ทำเอาไว้ถือว่าใครๆ ก็เดินเข้าไปได้ ค่อยๆ เดิน ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวก็ถึง
แอบมองเห็นน้ำตกทีลอซูอยู่ไกลๆ แสดงว่าใกล้ถึงแล้วล่ะ
ถึงแล้วน้ำตกทีลอซู สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ในที่สุดก็ได้พบกับความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกทีลอซูที่สวยงามมากจนได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศไทย มีความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ในส่วนของคำว่า “ทีลอซู” นั้น เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “น้ำตกดำ” มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อทอ ที่ไหลผ่านหน้าผาสูงชันลดหลั่นเป็นชั้นๆ เกิดเสียงดังกึกก้องท่ามกลางป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำไหลแรงตลอดปี และยังเป็นเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแม่กลองอีกด้วย ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร มีความสูงประมาณ 300 เมตร
“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหนองหลวง” เพื่อบริจาคเงิน 10,000 บาท เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ
โบสถ์ไม้สักทอง พร้อมไหว้พระขอพรที่วัดหนองหลวง
หลังจากชื่นชมความงดงามของน้ำตกทีลอซูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินทางต่อไปยัง “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดหนองหลวง” เพื่อบริจาคเงิน 10,000 บาท เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ และชมความงามของโบสถ์ไม้สักทอง พร้อมไหว้พระขอพรที่วัดหนองหลวง ก่อนเดินทางกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวล่องเรือยาง เมื่อเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว จึงออกเดินทางจากที่พัก เพื่อชมความงามของลำน้ำแม่กลอง พร้อมสนุกสนานผจญภัยไปกับสายน้ำ และธรรมชาติริมสองฟากฝั่งมีแต่ความเขียวขจีของพันธุ์ไม้นานาพรรณ
ล่องแก่งกันที่ต้นสายของแม่น้ำแม่กลอง
เมื่อล่องแก่งมาสักพักจึงได้พบกับความสวยงามของน้ำตก “ทีลอจ่อ” หรือน้ำตกสายฝน ความโดดเด่นของน้ำตกทีลอจ่อ คือ ภาพความสวยงามของสายน้ำที่ไหลจากหน้าผาสูงชัน เมื่อหล่นลงมากระทบเข้ากับหิน ธารน้ำดังกล่าวก็แตกกระจายเป็นฝอย ดูคล้ายกับสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า และบางครั้งก็เกิดเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างรุ้งกินน้ำให้เราได้เห็นกัน แนะนำว่าถ้าอยากเห็นปรากฏการณ์สายรุ้งจะต้องไปแต่เช้าจะมีโอกาสได้เห็นมากที่สุด
เส้นทางหลากหลายทั้งทางดำ (ถนนลาดยางมะตอย) และทางฝุ่น ดินลูกรัง
ทางดินแบบเนินชันมีให้ได้ทดสอบสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นช่วงๆ งานนี้รถขับสองไม่น่ารอด
สะดวกในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากขับ 2 เป็นขับ 4 ได้ด้วยการหมุนแป้นปรับเท่านั้น โดยไม่ต้องหยุดรถ
(ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.)
ปิดท้ายวันสุดท้ายของการเดินทางโดยการขับรถ “Isuzu V-Cross Max 4×4” คันเดิมผ่านเส้นทางเดิม เพื่อพิชิต 1,219 โค้ง อีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอด โดยแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านช่อม่วง” เป็นการปิดท้ายความประทับใจกับ “Isuzu V-Cross Max 4×4” ขีดสุดแห่งสปอร์ตออฟโรด ให้ก้าวข้ามทุกความท้าทาย ด้วยยอดแห่งสมรรถนะ ความแกร่ง ดุดัน ทรงพลัง ที่พาไปเยือนแผ่นดินดอยลอยฟ้าที่อุ้มผาง ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ..เป็นการเดินทางที่น่าจดจำและมั่นใจไปกับสมรรถนะและความสะดวกสบายของ “Isuzu V-Cross Max 4×4” ได้อย่างเต็มที่จริงๆ
“Isuzu V-Cross Max 4×4” พร้อมลุยในทุกเส้นทาง
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th