Kia EV4 รุ่นไฟฟ้ารุ่นใหม่มีทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็ก

Kia ขยายทางเลือกรถไฟฟ้าของตนในชื่อ EV ที่ก่อนหน้านี้มีแต่รถเอสยูวีขนาดต่างๆ ด้วยการเผยโฉม EV4 รุ่นใหม่ออกมา มีทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็กให้เลือก
การออกแบบ Kia EV4 ถูกระบุว่ามมาในปรัชญาการออกแบบ Opposites United ผสานความแตกต่างระหว่างธรรมชาติและความเป็นมนุษย์เข้าด้วยกัน เพื่อให้มีความทันสมัยและมีรูปลักษณ์ที่น่าประทับใจ โดยภายนอกของรถรถมีด้านหน้าที่ต่ำ ท้ายยาว ตัวรถที่กว้าง ไฟหน้าแนวตั้ง และ EV Tiger Face ที่ให้ความสปอร์ต
ส่วนห้องโดยสารของรถมีดีไซน์มินิมอลลิสต์พร้อมความไฮเทค โดยมีจอขนาด 30 นิ้วที่ประกอบด้วยจอขนาด 12.3 นิ้ว 5.3 นิ้ว และ 12.3 นิ้ว พร้อมมีผู้ช่วยเอไอที่มีการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงการจดจำเสียงและตอบสนองได้แม่นยำขึ้น รวมไปถึงมีการทำงานช่วยขับล่าสุดที่ประกอบด้วยการทำงานต่างๆ
รถรุ่นใหม่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม 400V Electric Global Modular Platform หรือ E-GMP มีแบตเตอรีให้เลือกทั้งรุ่นแบตเตอรีมาตรฐานความจุ 58.3 kWh ที่ให้ระยะเดินทาง 430 กิโลเมตร และ Long-Range แบตเตอรีความจุ 81.4 kWh ที่ให้ระยะเดินทางได้ถึง 630 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็มสำหรับตัวถังซีดาน ขณะที่ตัวถังแฮทช์แบ็กสามารถเดินทางได้ถึง 590 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็ม
แบตเตอรีในรถให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งด้านหน้ากำลัง 150 kW หรือ 201 แรงม้า ทำให้ใช้เวลา 7.4 วินาทีและ 7.7 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. สำหรับรุ่นแบตเตอรีมาตรฐานและ Long-Range ตามลำดับ ส่วนความเร็วสูงสุดของรถทั้งหมดอยู่ที่ 170 กม./ชม.
ด้านการชาร์จไฟของรถทางผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ระบุว่าใช้เวลา 31 นาทีเพื่อชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยังรองรับการชาร์จไฟ 11 kW โดยรถยังมาพร้อมฟังก์ชัน 3.6 kVA Vehicle-to-load และ 10 kVA Vehicle-to-Grid สำหรับการจ่ายไฟจากรถให้แก่อุปกรณ์ภายนอก
รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับช่วงล่างด้านหน้าแมกเฟอร์สันสตรัตที่ถูกออกแบบ EV-specialized และมัลติลิงก์พร้อมคอยล์โอเวอร์ที่ด้านหลัง รวมทั้งใช้วาล์วตอบสนองการสั่น SFD3 เจเนเรชันที่ 3 ในแดมเปอร์ของช่วงล่าง และเทคโนโลยีแชสซีส์บูชช่วงล่าง Hydro G เพื่อลดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน
การผลิตรถไฟฟ้ารุ่นใหม่หากเป็นตัวถังซีดานจะมีขึ้นที่เกาหลีใต้โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมนี้ ส่วนตัวถังแฮทช์แบ็กจะถูกผลิตที่ยุโรปเริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนการขายรถจะเริ่มที่เกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ยุโรปเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปี จากนั้นจึงตามด้วยสหรัฐอเมริกา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th