KIA EV5 เอสยูวีไฟฟ้า ลองวิ่งทางไกลข้ามเขาเชียงราย-สะปัน ไหวไหม!
ลองขับ KIA EV5 เอสยูวีไฟฟ้า วิ่งไกลชาร์จหนึ่งครั้งจากเชียงรายผ่านขุนเขาสู่สะปันแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดน่านบนเส้นทางกว่ารวม 358 กม.
ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเจอรถที่ถูกใจ แต่ความถูกใจของเรา อาจไม่ถูกใจคนอื่น การเลือกซื้อรถยนต์หนึ่งคัน ต้องมีเหตุผลในการตัดสินใจซื้อเป็นสิบข้อ ยิ่งตัวเลือกตามงบประมาณก็มีรถหลายประเภทให้เลือกเล่น แต่ถ้าเลือกตามการใช้งานก็จะแคบลงมา ไม่ใช่แต่เอาสนุก มีความสุขเฉพาะคนขับ พอคุณถึงวัยเลขสี่ มีครอบครัว ต้องคิดเผื่อถึงคนนั่งด้วย ฉะนั้น รถที่ดีคือรถที่ทุกคนมีความสุขร่วมกัน สร้างประการณ์เดินทางไปกับโมเมนต์ต่างๆ นั่นคือความสุขของคนขับเอสยูวี…ที่แบ่งปันพื้นที่ต่างๆ ร่วมกันระหว่างทาง
ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวทุกเดือน เทคโนโลยีเปลี่ยนไปทุกปี ซื้อรถวันนี้ ไม่แน่พรุ่งนี้อาจมีของที่ใหม่กว่า สดกว่า เหมือนปั๊มกันออกมาจากโรงงาน เปลี่ยนเพียงเปลือกนอกเท่านั้น รอจนกว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่เปลี่ยน ค่อยปั๊มออกมาใหม่ แต่มีรถอยู่หนึ่งรุ่นที่ทำให้คนซื้อรู้สึกได้ว่าผู้ผลิตไม่ได้เน้นแค่ขายรถทำกำไรเท่านั้น แต่แนวทางการออกแบบมีความใส่ใจในรายละเอียดที่หลายคนมองข้าม เราได้เห็นความตั้งใจผ่านชิ้นงานที่มุ่งหวังให้สร้างความแตกต่างจากกรอบเดิมๆ ของงานออกแบบ พร้อมชูความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกล และวิ่งได้จริง ไม่ว่าจะขึ้นเขา วิ่งเข้าป่าไกลแค่ไหน คุณไม่ต้องกังวลกับระยะทาง
เรากำลังพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าจากเกาหลี ที่ชื่อชั้นไม่ได้เป็นรองใคร แม้ว่าการทำตลาดในไทยอาจดูช้าไปบ้าง และไม่ค่อยเห็นโมเดลๆ ใหม่ก่อนหน้านี้ แต่พอกระแสยุคเปลี่ยนถ่ายสู่รถพลังงานถ่านมา ค่าย KIA ที่รีแบรนด์ใหม่ พร้อมเข้ามาทำตลาดเองในไทย ก็มีความสนใจตลาดนี้ในบ้านเราไม่น้อย รีบส่งรถหน้าตาดีอย่าง KIA EV5 ออกขาย หวังเปลี่ยนภาพจำแบรนด์จากรถครอบครัวเครื่องสันดาปยอดนิยม สู่การเดินทางบทใหม่ รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้าล้วน
ในอดีตเราคงคุ้นชินกับ KIA Carnival แต่ในปี 2024 ค่ายนี้ก็ส่งรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาขายเพิ่มในตระกูล SUV อาทิ KIA Sorento HEV, Sorento PHEV และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่าง KIA EV9 ที่เป็น SUV 6 ที่นั่ง และ KIA EV5 คันนี้
จะเห็นได้ว่าค่ายเกียมีรถยนต์ให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาป ปลั๊กอินไฮบริด และไฟฟ้า 100% สำหรับตลาดในไทย ส่วนเจ้าน้องเล็ก EV5 มีคู่แข่งทั้งจากจีน และยุโรปที่รอท้าชนทั้งด้านราคาและความคุ้มค่า ซึ่งถูกจัดอยู่ในเซ็กเมนต์ SUV ขนาดกลาง
The KIA EV5 เปิดขายไทยทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
รุ่น ราคาจำหน่าย (บาท) ระยะทางการวิ่ง (NEDC) ขนาดแบตเตอรี่ kWh
Earth Exclusive AWD 1,799,000 620 88.1
Earth Long Range 1,599,000 665 88.1
Air 1,399,000 490 64.2
Light 1,299,000 490 64.2
ขึ้นชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้า KIA EV5 สามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งเรื่องสมรรถนะ และระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จ และที่สำคัญ คือ พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง รองรับการใช้งานปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ตัวรถมีน้ำหนักเกือบสองตัน เรียกว่าเอาเรื่อง!!! เพราะต้องแบกแบตเตอรี่ไปด้วย แต่ยังใช้งานได้คล่องตัว
ถามว่ารุ่นไหนน่าเล่นสุด ถ้าเอาความประหยัด และความคุ้มค่า Earth Long Range ตอบคำถามนี้ได้ แต่อยากไปให้สุดด้านพละกำลัง แม้ระยะทางการวิ่งจะลดลงมาในแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ต้องยกให้ Earth Exclusive AWD ที่วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.1 วินาที (รุ่นอื่น 8.5 วินาทีขึ้นไป) แต่ถ้าคุณไม่ติดเรื่องออปชันหรือความจุแบตฯ ที่เพิ่มขึ้นมา วิ่งได้เพิ่มอีกร้อยกิโลเมตร ไปเล่นรุ่นเริ่มต้นก็ประหยัดไปเยอะ ซึ่งจุดขายของ EV5 คือดีไซน์ที่สวยงาม ดูลงตัว และระยะทางการวิ่งที่กำลังดี ใช้งานได้ไม่ลำบาก ไม่ต้องหาที่ชาร์จกันบ่อยๆ
KIA EV5 เอสยูวีไฟฟ้า เปรียบเทียบสเปกต่างกันอย่างไร
ด้านภาพลักษณ์ในแต่ละรุ่นย่อย ถ้าคุณไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้หรือเจ้าของรถรุ่นนี้ไม่มีทางแยกออกง่ายๆ มันดูเหมือนกันหมด จะต่างกันที่ขนาดล้อและยาง ในสองรุ่นล่างให้ล้อขอบ 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว ในสองรุ่นบนดีไซน์ลวดลายล้อแทบเหมือนกัน จุดต่างอีกอย่างคืออุปกรณ์ตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างประตูรุ่นล่างจะเป็นดำด้าน ต่างจากรุ่นแพงจะเป็นดำเงา รวมถึงมือจับประตูแบบ Flush type ทำงานอัตโนมัติเฉพาะสองรุ่นบนเท่านั้น สุดท้ายซันรูฟที่รุ่นล่างสุด Light ไม่มีให้
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Earth Exclusive AWD และ Earth Long Range ได้ไฟหน้า LED แบบ Multi Reflection ชุดไฟหน้าทำงานอัตโนมัติ มีไฟส่องเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ติดตั้งสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก ให้แร็คหลังคา และซันรูฟแบบ Panoramic ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กระจกมองข้างพับไฟฟ้า เลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติทุกตำแหน่ง พร้อมระบบป้องกันการหนึบ (ในทุกรุ่น) ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (ทุกรุ่น) ฝากระโปรงท้ายอัจฉริยะ (เปิด-ปิด อัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart Tailgate (รุ่น Light ไม่มี)
เมื่อดูภาพรวมจะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่อุปกรณ์ให้มาเยอะ บางอย่างที่มีก็ไม่จำเป็นในรุ่นล่างเสมอไป เพื่อทำราคาให้ได้ตอบโจทย์ความคุ้มค่า เพราะมีบางกลุ่มแค่ชอบภาพลักษณ์ที่ดูไม่ออกว่าคันไหนรุ่นท็อป เอาแค่ระยะทางการวิ่งเกิน 400 กม. แค่นั้นถือว่าคุ้มกับขนาดรถแล้ว และด้วยความเป็นเอสยูวี ความสูงจากพื้นถนนพอตัว ขับขี่ได้สะดวกสบาย เหมาะสมกับถนนประเทศไทยมากกว่ารถซีดานทั่วไป และยังส่งผลให้รถมีทัศนวิสัยดีมาก ส่วนสีภายนอกมีให้เลือก 5 สี ขาว น้ำเงิน เทา ดำ และเขียว
ให้มาครบทุกอย่างในสิ่งที่ควรมี และมีในสิ่งที่ไม่คาดคิด!!!
ภาพรวมภายในจัดองค์ประกอบได้สวยงามลงตัว ด้วยมิติตัวรถ ส่งผลให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง ทั้งตำแหน่งเบาะหน้า และเบาะหลัง โดยเฉพาะกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย รองรับการใช้งานได้ดีมาก ส่วนที่ชอบคือคุณภาพการประกอบ และวัสดุต่างๆ ดูพรีเมียม แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบ KIA ให้โทนสีภายใน EV5 นี้มีสองทางเลือก ภายในดำ และภายในน้ำตาล โดยขึ้นอยู่กับสีภายนอก แต่ถ้าคุณซื้อรุ่นย่อย Light หรือ Air จะเลือกไม่ได้…บังคับแต่สีดำเท่านั้น ซึ่งสีดำก็มีข้อดีในการดูแลรักษาง่ายกว่า
ความรู้สึกครั้งแรกที่เข้ามาให้ห้องโดยสาร “ไม่เหมือนรถจีน” แต่ก็ผลิตจากแผ่นดินใหญ่นั่นแหละ แน่นอนว่า ราคาระดับคันเป็นล้าน มีความคาดหวังในการนำเสนอของ KIA อยู่ไม่น้อย ซึ่งทางค่ายนี้ก็สร้างความประทับใจในส่วนของออบชันที่ให้มาครบทุกอย่างในสิ่งที่ควรมี และมีในสิ่งที่ไม่คาดคิด!!! แถมมีทางเลือกหลายรุ่นย่อย จัดได้ตามงบประมาณ ไม่มัดมือชก ทุกอย่างดูลงตัวสวยงาม ส่วนแสดงผลหน้าจอ และปุ่มควบคุมต่างๆ ดูน่าสนุกเหมือนเด็กเห็นของเล่นใหม่ชิ้นใหญ่!!! ยังมาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ สายท่องเที่ยว นอนในรถ นั่งชมดาวน่าจะชอบมาก แถมเบาะนั่งแถวสอง ปรับพับเรียบได้ 60:40 ไว้นอนแคมปิ้งได้อีก
จุดเด่นภายใน ขอยกให้หน้าจอแบบพาโนรามาขนาด 29.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto™ / Apple Carplay® แบบไร้สาย แสดงข้อมูลการขับขี่เป็นแถบแนวนอนที่กว้างและชัดเจน ใช้งานง่าย สามารถสลับเปลี่ยนข้อมูล การตั้งค่า หรือความบันเทิงได้อย่างรวดเร็ว สามารถเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิและไฟเรืองแสง Ambient Light ปรับแต่งโทนแสงตามใจชอบได้ ช่องชาร์จไฟอุปกรณ์แบบ USB Type-C จำนวน 4 ตำแหน่ง พร้อม Wireless Charger กล้องมองรอบทิศทาง(Surround View Monitor) มีมาให้ครบ
เฉพาะรุ่น Earth Exclusive AWD มีเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่แบบ Relaxation Seat ที่มาพร้อมฟังก์ชันการนวดถึง Air-Cell 4 โหมด ถึง 6 จุด รวมถึงที่พักขาแบบปรับไฟฟ้าได้ The Kia EV5 ทุกรุ่นมีพื้นที่วางขาและพิงศีรษะที่กว้างขวาง มีกล่องทำความเย็นและอุ่นร้อนที่คอนโซลกลางสำหรับใช้อุ่นอาหารและแช่เย็นเครื่องดื่ม ปรับอุณหภูมิ 5-55 องศาเซลเซียส
มาพร้อมเบาะหลังอเนกประสงค์ที่สามารถพับเป็นโต๊ะได้เพื่อวางแท็บเล็ต และเพิ่มเติมระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า Head-up Display (HUD) ดูเหมือนว่าการเพิ่มเงินเล่นรุ่นแพงสุดจะไม่ได้มีดีแต่พละกำลัง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น!!! ทั้งหมดนี้แทบจะหาไม่ได้ในรถรุ่นไหนในตลาดบ้านเรา ให้อุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงมาแน่นขนาดนี้
ระบบความปลอดภัยใส่มาเต็มพิกัด
ครบจบทุกฟังก์ชัน อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบป้องกันการชนขณะถอยหลัง (RCCA), ระบบป้องกันการชนจากมุมอับสายตาขณะแซง (BCAA), ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM), ระบบ Smart Cruise Control (SCC) พร้อม Stop & Go รวมไปจนถึงระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (LFA และ LKA) ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างกับรถยนต์คันหน้าอย่างเหมาะสม ช่วยให้รถยนต์วิ่งอยู่ตรงกลางของช่องจราจร และช่วยเหลือผู้ขับขี่ขณะเปลี่ยนช่องจราจร ยิ่งไปกว่านี้ยังมีระบบช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยขณะลงจากรถ (Safe Exit Assist) อีกด้วย
KIA EV5 สร้างขึ้นบน Electric–Global Modular Platform (E-GMP) รองรับรถที่มีระยะฐานล้อยาวและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ พร้อมการชาร์จเร็ว ให้ระยะทางที่ไกล รองรับผู้โดยสารได้ถึง 5 ที่นั่ง ทั้งยังมีเทคโนโลยี Vehicle-to-Load (V2L) และหน่วยควบคุมการชาร์จแบบ Integrated Charging Control Unit (ICCU) คุณสามารถใช้ KIA EV5 เป็นแหล่งพลังงานเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกที่
ลองขับ เชียงราย–สะปัน จ.น่าน ระยะทาง 358 กม. ขึ้นเขา 70% ไหวไหม
รอบนี้ทีมงานได้สัมผัสกับ KIA EV5 กันแบบเต็มวันในรุ่น Earth Long Range มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์ (ขับเคลื่อนสองล้อหน้า) เช่นเดียวกับ 2 รุ่นแรก ในขณะที่ให้ระยะการวิ่งจากพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC ได้ไกลมากถึง 665 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เมื่อหักลบตามประสบการณ์ ตามความคิด 500 กิโลเมตร วิ่งถึงได้สบายๆ แต่ด้วยสภาพเส้นทางเป็นภูเขาสูง โค้งเยอะต่อเนื่อง มีความกังวลอยู่บ้าง เพราะขับตั้งแต่เช้าจรดเย็น จะพอถึงจุดหมายหรือไม่
โดยรุ่นนี้จะได้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังสังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire อยู่บริเวณคอพวงมาลัยเป็นก้านเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากก้านไฟเลี้ยวและก้านปัดน้ำฝน วิธีการใช้งานเพียงหมุนสวิตช์ขึ้นหรือลงตามตำแหน่งเกียร์ง่ายๆ เลย
หรืออยากเข้าเกียร์ P กดตรงปลายก้านแป้นเกียร์เท่านั้น ข้อดีการจัดวางแบบนี้ คือจะได้ไม่มีใครพลาดไปหมุนเล่นโดยไม่ตั้งใจ และที่ดีมาก คือมีตำแหน่งเกียร์ว่างมาให้ด้วย
ในส่วนของ Paddle Shift ไว้ทำหน้าที่ปรับการทำงานของ Regenerative Brake ได้หลายระดับ ทั้งยังมีโหมดแบบ Auto ด้วย ส่วนการใช้งานจริงเอาไว้สักระดับสองพอให้ไม่ปวดหัวสำหรับการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่
ส่วนตัวชอบตั้งไว้ที่ Auto หรือ i-PEDAL เพราะทางขึ้นลงเขาแทบไม่ต้องแตะเบรกเลย ตัวรถจัดการให้หมด และผู้โดยสารไม่มึนหัวด้วย เหมือนกับคอยเกาะติดคันหน้า ปรับไปตามความเร็วที่ใช้ได้ค่อนข้างสมูทต่อเนื่อง ไม่กระชากหัวสั่นหัวคลอน และมี Drive Mode เป็นปุ่มบนพวงมาลัยให้เลือก ชอบแรงก็ปรับไปสปอร์ตได้ แต่ต้องแลกด้วยระยะทางการวิ่งที่ลดลง
เบาะนั่งดีมาก ให้ความสะดวกสบาย ผ่อนคลายตลอดการเดินทางไกล คอนโซลกลางทำออกมาได้ดี พลาสติกต่างๆ หรือวัสดุบุนุ่มให้สัมผัสที่ดีลื่นไหล โดยรวมเน้นความเป็นรถครอบครัว มีที่เก็บของจุกจิกเยอะไปหมดตามสไตล์คนเอเชีย แม้จะให้ฝรั่งออกแบบก็ตาม ระบบส่งกำลังของ EV5 เน้นความสมูทคล่องตัว มีกำลังให้เรียกใช้ตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าแตะปุ๊บ พุ่งปั๊บ แต่ไม่ถึงกับหลังติดเบาะชนิดน่ากลัว ถามว่าทำได้ไหม น่าจะทำได้ด้วยขนาดมอเตอร์ และกำลังแรงม้า แต่วิศวกรน่าจะตั้งใจให้เป็นรถที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน และให้สุนทรียภาพในการขับขี่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับมันมากกว่าตะบี้ตะบันขับเอามันส์
แม้มิติรถขนาดใหญ่ และน้ำหนักตัวไม่ใช่น้อย แต่สามารถลัดเลาะไปตามช่องทางการจราจรที่หนาแน่นได้สะดวกสบาย ขณะขึ้นทางชัน ผ่านโค้งนับร้อย มอเตอร์ส่งกำลังไปยังล้อได้อย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนจากทางชันเป็นทางเรียบแซงขึ้นเขาได้สบายๆ แต่บางคนโดยเฉพาะหนุ่มโสดอาจไม่ชอบการเซตช่วงล่างที่ยังดูนุ่มๆ เมื่อขับความเร็วสูง เพราะผู้ผลิตเซตมาให้สำหรับการเดินทางเป็นหมู่คณะ เพื่อนฝูง หรือครอบครัว เน้นการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เก็บรายละเอียดช่วงล่าง การป้องกันเสียงเข้าห้องโดยสารเงียบมาก
เรียกว่าถ้าวันนี้คุณกลายเป็นคนขับรถให้ผู้ใหญ่หรือเด็กนั่งไปด้วย รถแบบนี้ ฟีลลิ่งแบบนี้ ตอบโจทย์การเดินทางที่สุด แต่ถ้าอยากได้รถไฟฟ้าแนวสปอร์ต ลองไปเลือกเล่นรุ่นอื่น ตอบโจทย์หนุ่มโสดมากกว่า ส่วนตัวเลขความเร็วสูงสุดที่โรงงานเคลมมาคือ 185 กม./ชม.
ส่วนที่อยากเล่าสู่กันฟัง คือระดับแบตเตอรี่ในโหมดปกติ ตลอดเส้นทางเราใช้รีเจนเลเวลเบาๆ ส่วนใหญ่เป็นออโต้ ระดับแบตลดน้อยมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่เคยขับมา “หรือถ้าภาษาชาวบ้าน ไมล์แข็ง” ประมาณนั้น ด้วยความที่มีการขึ้นลงทางชันตลอด ส่งผลให้ระดับแบตเตอรีมีไฟเลี้ยงจากการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้ามาในระบบ ช่วยยืดระยะทางการวิ่ง ดังนั้น เป้าหมายเกือบสี่ร้อยกิโลเมตร ขับมาถึงสะปันแล้ว แบตยังเหลือระดับที่วันที่สองขับกลับมาเที่ยวในตัวเมืองจังหวัดน่านได้อีกสบายแบบชิวๆ ยิ่งถ้าคุณมาคันเดียวกับแบบไม่เร่งอะไรมาก น่าจะทำตัวเลขได้ดีกว่าทีมงานเราในรอบนี้
มีโอกาสจะหามารีวิวเต็มๆ อีกรอบ เพราะหนนี้เน้นขับเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีเวลาทำความรู้จักรายละละเอียดส่วนปลีกย่อยเท่าไร “สิ่งสุดท้าย คือถามว่าน่าใช้ไหม บอกเลยว่า แนะนำบอกต่อ สำหรับเรา รุ่น Earth Long Range ดีที่สุด เพราะรถยนต์ไฟฟ้าสิ่งที่ดีที่สุดคือระยะทางวิ่งได้ไกล แต่ถ้าจะให้ดี เกียลดราคาลงมาให้หน่อย จะดีมาก”
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th