ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีดิช Koenigsegg มาถึงเมืองไทยแล้ว!- 2 คัน 400 ล้านบาท
Koenigsegg สุดยอดไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน มาถึงเมืองไทยแล้ว ภายใต้ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย พร้อมนำ 2 โมเดล Gemera Mega-GT ไฮเปอร์คาร์ 4 ที่นั่งรุ่นแรกของโลก และ Jesko Absolut ที่มีความเร็ว-แรงที่สุด ทะลุ 500 กม./ชม. มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา
Koenigsegg สุดยอดแบรนด์รถไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงสัญชาติสวีเดนร่วมกับบริษัทเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย ในเครือชาริช โฮลดิ้ง นำโดยอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ และศักดิ์ นานา กรรมการ จัดงาน “Koenigsegg Bangkok: The Ultimate Performance” เปิดบ้านในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองกับอีกก้าวประวัติศาสตร์ของเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย เมื่อ Koenigsegg Automotive AB ประกาศแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายไฮเปอร์คาร์ Koenigsegg อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ร่วมด้วยไฮไลต์ที่หาชมยาก! ส่งตรงจากสวีเดนสู่กรุงเทพมหานคร กับการเผยโฉมที่สุดแห่งนวัตกรรมไฮเปอร์คาร์ 2 รุ่น มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท Koenigsegg Gemera Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก (The World’s First Mega-GT and Koenigsegg’s First For Four) และ Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่เร็ว-แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ (The Fastest Koenigsegg Ever – Forever) ณ ห้องบอลรูม โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
Koenigsegg ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 จากปณิธานอันแน่วแน่ของเด็กหนุ่มวัย 22 ปีที่ต้องการสร้างรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบโดยไร้ขีดจำกัด Christian von Koenigsegg ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Koenigsegg Automotive AB โดยทุกรายละเอียดองค์ประกอบของรถจะต้องทำงานร่วมกันอย่างลงตัวเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด (Ultimate Performance) ทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิตโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ไปจนถึงการตกแต่งภายในของ Koenigsegg ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยมือ รถทุกคันจึงเปรียบดั่งงานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ สร้างขึ้นตามมาตรฐานสูงสุดของแบรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรายละเอียด
ขณะที่ความล้ำสมัยทางนวัตกรรมก็เป็นที่ขึ้นชื่อของ Koenigsegg โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์เดินหน้าเปิดตัว และจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เห็นการทำลายสถิติโลกอย่างต่อเนื่องในรถหลากหลายรุ่น
Christian von Koenigsegg กล่าวถึงความรู้สึกในการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย เข้าสู่ครอบครัว Koenigsegg อย่างเป็นทางการ–สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของรถยนต์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่แบรนด์ระดับท็อปของโลกต่างให้ความสนใจ ประกอบกับศักยภาพของเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย และบริษัทในเครือภายใต้การบริหารของอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ที่สั่งสมประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์มาอย่างยาวนาน ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ผมเชื่อมั่นอย่างมากว่า Koenigsegg สามารถเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ได้อย่างมั่นคงและมีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งในตลาดเมืองไทยและในภูมิภาค”
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริษัทเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย เปิดเผยว่า “วันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย ที่พิสูจน์ตัวเองถึงความเป็นโปรเฟสชั่นแนลในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ขณะที่ Koenigsegg ก็เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั่วโลกมาโดยตลอดในเรื่องการสร้างไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูง ผมจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับแต่งตั้งจาก Koenigsegg Automotive AB ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายไฮเปอร์คาร์ Koenigsegg อย่างเป็นทางการในประเทศไทย (Koenigsegg Bangkok) เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยากจะมีใครได้สัมผัสให้แก่ลูกค้าแบบรอบด้าน เสมือนไปเยือนบ้านของ Koenigsegg ที่เมืองอัลเจลโฮล์ม ประเทศสวีเดน ด้วยตนเอง”
นอกจากวาระแห่งการเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้แล้ว ภายในงานยังได้ดื่มด่ำกับที่สุดแห่งนวัตกรรมไฮเปอร์คาร์หาชมยาก! ถึง 2 รุ่น ที่เดินทางข้ามทวีปมาสร้างความตื่นเต้นให้กับคุณถึงกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่เร็ว และแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg และจะไม่ผลิตรถคันไหนที่เร็วและแรงกว่า Jesko Absolut อีกแล้วในอนาคต
ทุกส่วนประกอบของ Jesko Absolut ถูกออกแบบมาเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์การต้านลมของตัวถัง และยังเพิ่มความนิ่งของตัวรถเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นอีกด้วย โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศเพียง 0.278 ด้วยเส้นสาย และการออกแบบของตัวรถที่มีความปราดเปรียวดุดันมากยิ่งขึ้นด้วยครีบฉลามคู่ด้านท้ายที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ F-15 ซึ่งตัวครีบฉลามคู่นั้นทำหน้าที่คอยรีดอากาศด้านหลังให้ไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อลดแรงเฉี่อยจากลมเมื่อต้องวิ่งด้วยความเร็วสูง ดีไซน์ด้านหน้าของ Jesko Absolut ถูกปรับแต่งให้สามารถเก็บหลังคาได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และจัดเก็บเมื่อต้องการเปิดประทุน
ช่วงล่างของ Jesko Absolut ถูกปรับแต่งให้มีความนุ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเมื่อขับขี่ในสนามแข่ง และยังคงสะดวกสบายเมื่อใช้งานบนถนนสาธารณะ เครื่องยนต์ของ Jesko Absolut เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ที่ 1,600 แรงม้า (เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85) และยังสามารถลากรอบได้ถึง 8,500 รอบต่อนาที ตัวเครื่องยนต์ถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบส่งกำลังแบบใหม่ที่ถูกพัฒนา และผลิตโดย Koenigsegg ระบบส่งกำลังของ Jesko Absolut เป็นแบบ 9 จังหวะที่เรียกว่า Light Speed Transmission (LST) ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Ultimate Power On Demand (UPOD) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์สามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงความเร็วของแสงพร้อมทั้งยังมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาเพียง 90 กิโลกรัมเท่านั้น
อีก 1 โมเดล Koenigsegg Gemera ไฮเปอร์คาร์ Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก ถูกออกแบบมาตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างแท้จริง ด้วยที่นั่งที่สามารถรองรับสรีระของผู้ใหญ่ได้ถึง 4 ที่นั่งและยังสามารถเก็บกระเป๋าสัมภาระได้ถึง 4 ใบ รวมทั้งมาพร้อมที่วางแก้วถึง 8 จุด จอแสดงผลข้อมูลต่างๆทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จุดชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบ Apple CarPlay ลำโพง 11 จุด และระบบเบาะปรับด้วยไฟฟ้าซึ่งช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
หัวใจหลักของ Gemera คือเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีชื่อเรียกว่า Tiny Friendly Giant (TFG) มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาทีเท่านั้น
ด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับขี่ของ Gemera ติดตั้งทั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง และระบบกระจายแรงบิดเพื่อมอบการควบคุมที่ฉับไว และมั่นใจยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่พร้อมเผชิญทุกสภาพถนน
นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เร้าใจแล้ว Koenigsegg Gemera ยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 กม./ชม. และมีพิสัยเดินทางสูงสุด 50 กิโลเมตร เมื่อต้องการเดินทางโดยปราศจากมลพิษหรือสามารถขับเคลื่อนในรูปแบบไฮบริด โดย Gemera ถูกออกแบบมาให้รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ได้หากต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด และมีพิสัยเดินทางไกลสุดถึง 950 กิโลเมตร
Gemera ถูกออกแบบด้วยแนวคิดการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งการใช้ในเมืองด้วยความเร็วต่ำ และขับขี่บนทางหลวงด้วยความเร็วสูง ด้วยระบบความปลอดภัยตั้งแต่โครงสร้างตัวถังแบบ Carbon Fiber Monocoque ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบช่วยเหลือการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบเบรก ABS และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS 2.5 และยิ่งไปกว่านั้นมีจุดยึด ISOFIX สำหรับเบาะหลังทั้ง 2 ที่นั่งอีกด้วย
ดีไซน์ภายนอกของ Gemera ได้รับการออกแบบประตูใหม่ที่เรียกว่า Koenigsegg Automated Twisted Synchrohelix Actuation Doors (KATSAD) ซึ่งสามารถเปิดได้กว้างพอที่ผู้โดยสารด้านหน้า และด้านหลังสามารถเข้ารถไปได้พร้อมกันเลยในเวลาเดียวกันทั้งยังคงรูปลักษณ์แบบรถสปอร์ต 2 ประตู บริเวณด้านบนประตูนั้นติดตั้งกล้องที่แสดงภาพของรถด้านหลังซึ่งเป็นครั้งแรกของ Koenigsegg ที่นำมาใช้บนรถแทนกระจกมองข้างทั่วไป
ล้อขนาด 20 และ 21 นิ้วของ Gemera ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ล้วน น้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัมต่อล้อ ด้านท้ายของ Gemera ติดตั้งท่อไอเสียจาก Akrapovic ที่เพิ่มความดุดันทั้งด้านรูปลักษณ์ และซุ้มเสียงของเครื่องยนต์ที่คำรามพร้อมจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ภายในของ Gemera อำนวยความสะดวกสบายด้วยเบาะปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทางในด้านหน้าแลถูกเสริมด้วยเมมโมรี่โฟมเพื่อรองรับสรีระผู้โดยสารให้สบายยิ่งขึ้นทั้ง 4 ที่นั่ง ผู้โดยสารทั้ง 4 ที่นั่งสามารถควบคุมระบบเครื่องเสียงความบันเทิง และระบบปรับอากาศด้วยตัวเองพร้อมทั้งยังมีช่องเก็บสัมภาระของแต่ล่ะที่นั่งอย่างเป็นสัดส่วนอีกด้วย สำหรับ Gemera นี้ มีเพียงแค่ 300 คันทั่วโลกเท่านั้น สนนราคาอยู่ที่ 2,998,000 ล้านยูโร (ราว 110.92 ล้านบาท)
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th