Lamborghini กับแผนงานในปี 2022 และอนาคตของซูเปอร์คาร์พลังไฟฟ้า?
2 ปีหลังจากทั่วโลกต้องเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า–ฟรานเชสโก้ สคาร์ดาโอนี่ ชายผู้กุมบังเหียน ‘กระทิงพยศ’ Lamborghini ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดโอกาสให้ทีมงาน Grand Prix Online ร่วมสัมภาษณ์ออนไลน์ เพื่อพูดคุยถึงความสำเร็จในรอบปีที่ผ่านมา, เป้าหมายในปี 2022 และอนาคตของวงการซูเปอร์คาร์ที่จะไม่มีเครื่องยนต์น้ำมันอีกต่อไป
“Lamborghini ได้สร้างสถิติยอดขายครั้งใหม่ในปี 2021” สคาร์ดาโอนี่ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบริษัทออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี เริ่มต้นการให้สัมภาษณ์ “โดยจุดเริ่มต้นของความสำเร็จต้องย้อนกลับไปสู่ปี 2013 เราทำยอดขายสูงเป็นสถิติติดต่อกันถึง 6 ปีหรือจนถึงปี 2019 ก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งใหญ่ในปี 2020 จนทำให้โรงงานของเราต้องหยุดการผลิตไประยะหนึ่ง”
“แต่ด้วยความที่ Lamborghini เป็นบริษัทที่ ‘Never Stop–Never Sleep’ (ไม่เคยหยุดนิ่ง และไม่เคยหลับใหล) เมื่อต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างในปี 2020 เรามีการปรับกลยุทธ์ในทันที รวมทั้งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก โดยมีการเปิดตัวโมเดลใหม่ และลงทุนด้านการพัฒนาโปรดักส์เหมือนในสถานการณ์ปกติทุกอย่าง จนเราสามารถเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 4 รุ่น พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ด้านการสื่อสาร และวิธีการนำเสนอที่แตกต่างจากเดิม มีการนำเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง AR เข้ามาเพื่อให้เราสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแฟนๆ, สื่อมวลชน และลูกค้าของ Lamborghini มากขึ้น”
• ในปี 2021 Lamborghini สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ส่งมอบรถให้ลูกค้าทั่วโลก 8,405 คัน โดยเอเชียแปซิฟิกที่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วยนั้นถือเป็น 1 ใน 3 ภูมิภาคที่มีตัวเลขเติบโตระดับ 2 หลัก โดยเพิ่มขึ้น 14% เท่ากับทวีปอเมริกา ขณะที่ภูมิภาค EMEA (ยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) เพิ่มขึ้น 12%
ผู้บริหารชาวอิตาเลี่ยน ได้ลงลึกในรายละเอียดของยอดขายในเอเชียแปซิฟิก หลังจากประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 75 คันจนทำให้ติด 1 ใน 10 อันดับแรกของภูมิภาค “การสร้างความเป็นครอบครัว Lamborghini ให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม ทำให้ปี 2021 มียอดจองสูงเป็นสถิติใหม่เหนือกว่าปี 2019 โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Lamborghini มีการส่งมอบรถรวม 2,249 คัน และประเทศไทยถือว่ามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานของ Renazzo Motor ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเราที่มีการปรับแผนทางการตลาดเพื่อนำเสนอผ่านสื่อดิจิตัล และการจัดอีเวนต์พิเศษ”
“องค์ประกอบของความสำเร็จในประเทศไทยยังเกิดจากความหลงใหลในการขับขี่รถของลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะ Urus ซูเปอร์เอสยูวีรุ่นแรกจาก Lamborghini ที่ไม่เพียงจะมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม แต่ให้ความสะดวกสบายในการเดินทางแบบครอบครัว ในขณะที่กลุ่มซูเปอร์สปอร์ต Huracan และ Aventador ยังคงได้รับความนิยมสูงเหมือนที่ผ่านมา”
“นอกจากนี้ในปี 2021 ลูกค้าชาวไทยมีการจองรถรุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัดอย่าง Countach และ Essenza SCV12 ซึ่งเรารู้สึกยินดีที่มีผู้หลงใหลประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะ Essenza SCV12 ที่สามารถขับในสนามแข่งเท่านั้น เรารู้สึกยินดี และภูมิใจที่ลูกค้าชาวไทยได้เป็น 1 ในผู้ครอบครองไฮเปอร์คาร์จาก Lamborghini” สคาร์ดาโอนี่ กล่าวด้วยความประทับใจ
ไฮไลต์ในปี 2022: นับถอยหลังรอเผยโฉมรถรุ่นใหม่!
เมื่อถูกถามถึงแผนงานในปี 2022 สคาร์ดาโอนี่ ตอบทันทีว่า “ในภาพรวมของ Lamborghini ทั่วโลก ปีนี้จะมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และการนำเสนอประสบการณ์ที่พิเศษ ผมอยากให้ทุกคนติดตามข้อมูลอัพเดตจากแพล็ตฟอร์มต่างๆ ของเรา เหมือนที่ผมได้พูดไปแล้วว่า Lamborghini Never Stop”
“สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งรวมถึงประเทศไทย นอกจากแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ จะมีการมอบข้อเสนอที่ดึงดูดใจ และบริการพิเศษแก่ลูกค้าทุกท่าน ผมต้องขอย้อนกลับไปพูดถึงปี 2020 ซึ่งเรามียอดจองรถยนต์ที่สูงจากลูกค้าชาวไทย และเหตุการณ์เดียวกันนี้ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2021 เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อว่ายอดจองของประเทศไทยเกือบจะเต็มกำลังการผลิตของเราในปี 2022 เราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ถือเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจของ Lamborghini มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเลยทีเดียว”
ในขณะเดียวกัน Lamborghini พร้อมจะต่อกรกับแบรนด์รถยนต์กลุ่มลักชัวรี่ และซูเปอร์คาร์ด้วยกันที่พยายามเจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงในปัจจุบัน โดยสคาร์ดาโอนี่ อธิบายว่า “ในความเป็นจริง Lamborghini เป็นแบรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่มาตลอด ฐานลูกค้าหลักของเราเป็นคนอายุน้อย รวมถึงในประเทศไทย ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ใช่เทรนด์ใหม่สำหรับเราที่คุ้นเคยกับการมีสมาชิกอายุน้อยในครอบครัว Lamborghini ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับโปรดักส์, กลยุทธ์ทางการตลาด และกิจกรรมต่างๆ ของ Lamborghini”
“นับตั้งแต่เปิดตัว Urus (ในปี 2018) ลูกค้าที่ซื้อ 70 เปอร์เซ็นต์ไม่เคยเป็นเจ้าของรถ Lamborghini มาก่อน ถือเป็นโมเดลที่เปิดแนวคิดใหม่ของกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ, กำลังสร้างครอบครัวหรือเจ้าของกิจการที่ไม่เคยนึกถึง Lamborghini มาก่อน ด้วยความเป็นรถที่มีความสะดวกสบายในการใช้งาน จนเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่คนอายุน้อยไปจนถึงวัยผู้ใหญ่มีครอบครัว เรารู้สึกภูมิใจที่ทำให้คน 2 กลุ่มได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน”
‘Direzione Cor Tauri’: แผนงานสู่ซูเปอร์คาร์พลังไฟฟ้า 100%
เมื่อปีที่ผ่านมา Lamborghini มีการนำเสนอกลยุทธ์สู่อนาคต “Direzione Cor Tauri” (Toward Cor Tauri) เพื่อกำหนดแนวทางที่บริษัทจะก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการลดคาร์บอน (Decarbonization) จากทั้งรถยนต์รุ่นใหม่ และกระบวนการผลิตจากโรงงานซานตากาต้า โบโลญเนเซ่ โดยจะใช้งบประมาณรวมกว่า 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 5.56 หมื่นล้านบาท) ในระยะเวลา 4 ปี เพื่อพัฒนาโมเดลไฮบริดรุ่นแรกของ Lamborghini ที่จะเปิดตัวในปี 2023 และจะนำพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้งานในรถของ Lamborghini ทุกรุ่นภายในสิ้นปี 2024 เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือ 50 เปอร์เซ็นตั้งแต่ปี 2025 ก่อนจะมีการเปิดตัวซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า 100% ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้
“การพัฒนาสู่รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่” สคาร์ดาโอนี่ พูดถึงความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น “สะท้อนถึงความรับผิดชอบ และความทุ่มเทของแบรนด์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงจากการใช้พลังงานไฟฟ้า”
และเมื่อเข้าสู่ยุคระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าหรือ Battery Electric Vehicle (BEV) บรรดาผู้หลงใหลเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini จะสามารถคาดหวังความเร้าใจ และสมรรถนะการขับขี่ที่ดุดันภายใต้โลโก้ “กระทิงพยศ” ได้เหมือนเดิมหรือไม่?
“เรื่องนี้นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นกับ Lamborghini เราต้องมั่นใจว่าเมื่อลูกค้าเข้าไปนั่งในรถยนต์ไฟฟ้าของ Lamborghini ถึงเขาจะถูกปิดตาเอาไว้ก็ต้องรู้สึกได้ทันทีว่ากำลังอยู่ในรถของ Lamborghini ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องนำเสนอดีเอ็นเอของแบรนด์ เช่นเดียวกับการพัฒนาระยะทางในการขับ และสมรรถนะความแรงเพื่อการเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในเซกเมนต์ รวมทั้งให้ความรู้สึกในการขับเหมือน Lamborghini อย่างที่ทุกคนรู้จักมาตลอด”
“เป้าหมายสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ Lamborghini จะต้องมีทั้งอัตราเร่ง, การควบคุม และความเร็วสูงสุดเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดเมื่อเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว นับเป็นความท้าทายในการวางแผน และพัฒนาแนวทางที่มีความเป็นได้ต่างๆ เราพูดเสมอว่าไม่ต้องการเป็นแบรนด์แรกที่ก้าวสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราต้องการจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ Lamborghini กำหนดช่วงเวลาไว้ในปี 2026 เพื่อที่ทีมงานของเราจะสามารถสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุดโดยใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น” สคาร์ดาโอนี่ กล่าวปิดท้ายอย่างมั่นใจ
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Automobili Lamborghini/Renazzo Motor
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th