Lamborghini Aventador SV J เพิ่มสมรรถนะทุกด้านเพื่อเป็นเรือธงรุ่นใหม่
หลังจากเปิดเผยภาพในลักษณะพรางภายนอกทั้งคันรวมทั้งให้ข้อมูลต่างๆ และยังระบุว่าจะเป็น Lamborghini รุ่นสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์ V12 ล้วนโดยไม่มีพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องมาเป็นระยะ ในที่สุดรุ่นระดับเรือธงของ Aventador ที่รหัสต่อท้ายว่า SV J ก็ถูกเปิดตัวออกมา โดยหากสงสัยว่า SV J ที่ต่อท้ายมาจากอะไร SV มาจาก Superveloce ซึ่งหมายถึง Superfast หรือความเร็วสูง โดยการที่ตัวอักษร J ต่อท้ายแสดงถึงการเป็นรถสำหรับสนามแข่งและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
เพื่อให้สมกับการที่ใช้รหัส SV J ต่อท้ายชื่อรุ่นทาง Lamborghini จึงปรับปรุงสมรรถนะของซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดของตนทุกด้าน โดยเครื่องยนต์ V12 6,500 ซีซีแบบหายใจเองใน Aventador SV J ได้ถูกเพิ่มทั้งแรงม้าและแรงบิดให้สูงขึ้นกว่า Aventador S จนไปอยู่ที่ระดับ 770 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที่ และแรงบิด 720 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบ/นาที ซึ่งจากน้ำหนักของรถไม่รวมของเหลว 1,525 กิโลกรัมด้วยการใช้วัสดุที่เบาในส่วนต่างๆ ทำให้ Aventador ที่เพิ่งถูกเปิดตัวออกมามีอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าอยู่ที่ 1.98 กิโลกรัม/แรงม้า ขณะที่การทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 2.8 วินาที และใช้เวลา 8.6 วินาทีเพื่อเร่งตั้งแต่หยุดนิ่งจนถึง 200 กม./ชม. แต่หากต้องการกดคันเร่งเเพื่อพารถไปถึงความเร็ว 300 กม./ชม. จะใช้เวลา 24 วินาที โดยความเร็วสูงสุดทางผู้ผลิตระบุไว้ว่าสูงกว่า 350 กม./ชม. ส่วนระบบส่งกำลังสู่ล้อทั้งสี่ของรถเป็นเกียร์ ISR 7 สปีดพร้อมกับมีโหมดการขับให้เลือกซึ่งจะมีลักษณะการเปลี่ยนเกียร์ที่แตกต่างกัน
นอกจากการปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นแล้ว Avemtador SV J ยังได้รับการเพิ่มแอโรไดนามิกของรถให้ดีขึ้นด้วย โดยใช้เทคโนโลยี Aerodinamica Lamborghini Attiva 2.0 หรือ ALA ซึ่งใช้ครั้งแรกใน Huracan Performante เข้ามาช่วย เพื่อปรับปรุงแอโรไดนามิกให้ดีขึ้นจึงมีการออกแบบภายนอกของรถใหม่ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง รวมทั้งเพิ่มความกว้างของตัวรถให้มากขึ้นตั้งแต่ด้านหน้า โดยที่ด้านหน้ามีการออกแบบกันชนใหม่ที่มาพร้อมครีบด้านข้างและช่องรับอากาศ ขณะที่ Splitter ถูกออกแบบให้มีลักษณะลอยตัวเพื่อการจัดช่องสำหรับอากาศที่ไหลเข้า และบนฝากระโปรงมีช่องระบายอากาศแบบ 3 มิติเพื่อช่วยทั้งในเรื่องการไหลเวียนของอากาศและสร้างแรงกดบนตัวรถ ที่ด้านข้างช่องรับอากาศถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ขณะที่ด้านหลังมีสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเสริมแอโรไดนามิกของรถโดยเฉพาะ นอกจากนี้แม้แต่ด้านล่างของรถยังได้รับการออกแบบเพื่อรับมือกับลมที่หมุนวนด้านล่างโดยทำงานร่วมกับ Diffuser ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถ จากทั้งหมดส่งผลให้ SV J เพิ่มแรงกดบนตัวรถได้มากกว่า SV ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
เพื่อรองรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ Aventador SV J ใช้ระบบช่วงล่าง Magneto Rheological Suspension ของ Lamborghini ที่ได้รับการปรับตั้งใหม่เพื่อให้มีการควบคุมรถและล้อได้ดีขึ้น เสริมด้วยการทำงาน ESC และ ABS ช่วยในการควบคุม ส่วนการหยุดรถเป็นหน้าที่ของเบรกคาร์บอนเซรามิกขนาด 400 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 6 สูบที่ด้านหน้า และจานเบรก 380 มม. คาลิเปอร์ 4 สูบที่ด้านหลัง โดยใช้ระยะทาง 30 เมตรเพื่อหยุดรถจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่ง
Lamborghini Aventador SV J จะถูกผลิตจำกัดที่ 900 คันโดยมีราคา 517,770 ดอลล่าร์ รวมทั้งจะมีรุ่นพิเศษ SV J 63 โดยเน้นการใช้คาร์บินไฟเบอร์บนตัวรถออกมา ซึ่งมีการผลิตจำกัด 63 คันจากตัวเลข 1963 ที่เป็นปีก่อตั้งบริษัท
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th