Land Rover Defender การกลับมาในแบบไฮเทคของตำนานรถออฟโรด
เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับรุ่นใหม่ของ Land Rover Defender รถออฟโรดรุ่นดังที่ถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 1948 จนจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานรถออฟโรดก่อนที่ทางผู้ผลิตจะยุติการผลิตไปในปี 2016 หลังการทำตลาดมา 67 ปี พร้อมกับมีรุ่นพิเศษออกมามากมายในช่วงเวลาที่ทำตลาด
Defender รุ่นใหม่ใช้แพลตฟอร์มสถาปัตยกรรม D7x ใหม่ โดยรุ่นแรกที่จะเริ่มการจำหน่ายเป็น Defender 110 ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นรถเอสยูวีที่ให้ความอเนกประสงค์ในการเดินทางจากเบาะลักษณะ 5+2 ที่นั่ง และมีแพ็กเกจในการแต่งถึง 4 แบบให้เลือกตามลักษณะการใช้งานตั้งแต่เน้นการใช้งานในเมืองไปจนถึงการลุยในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Explorer, Adventure, Country และ Urban และจะมี Defender 90 ซึ่งเป็นรุ่นฐานล้อสั้นตามออกมาในปีหน้า
ทางผู้ผลิตอ้างว่า Defender ใหม่เป็นรถที่มีความแข็งแกร่งและความสามารถในการลุยสูงสุดของ Land Rover จากทั้งโครงสร้างใหม่ของตัวรถและเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ รวมไปถึงส่วนประกอบต่างๆ ของรถที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว นอกจากนี้ยังมีการออกแบบรถให้มีช่วง Overhang ทั้งหน้าและหลังที่สั้นพร้อมกับขอบประตูที่สูงสำหรับมุมไต่และมุมของรถจากในการลุย และแม้ว่าจะมีการออกแบบภายนอกของรถให้ดูทันสมัยและก็ยังแฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของตัวรถอย่างซุ้มล้อขนาดใหญ่ เส้นด้านข้างรถที่ชัดเจน พร้อมให้ความปลอดภัยในการเดินทางขณะแสงน้อยหรือตอนกลางคืนด้วยไฟหน้า LED
แต่หากต้องการดูตัวเลขเพื่อความมั่นใจในการลุย ใต้ท้องรถของ Defender 110 มีความสูงจากพื้น 291 มม. รถมีมุมไต่ 38 องศา มุมจาก 40 องศา และสามารถลุยน้ำได้ลึก 900 มม. นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมโมโนค็อกของรถยังส่งผลให้มีความทนทานมากกว่าเฟรมรถทั่วไป 3 เท่า พร้อมกับมีเทคโนโลยีเพื่อเสริมสมรรถนะในการลุยอย่างระบบ Configurable Terrain Response ซึ่งทำให้ผู้ขับสามารถปรับตั้งรถอย่างละเอียดเพื่อให้เหมาะสภาพความทุรกันดารของเส้นทางได้ พร้อมกับมี Center Slip Limited และ Center and Rear Slip Limited เป็นออฟชั่นให้เลือกใช้ในการลุยได้ง่ายๆ ด้วยการปรับที่จอทัชสกรีน รวมไปถึงระบบต่างๆ ช่วยในการลุยทั้ง Land Rover All-Terrain Progress Control, Wade Sensing และ ClearSight Ground View
ไม่เพียงแค่ภายนอกของรถที่เปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจนเท่านั้น ภายในห้องโดยสารเป็นอีกส่วนที่ไม่เหลือความดั้งเดิมไว้ เพราะมาพร้อมกับความไฮเทคบนแผงแดชบอร์ดทั้งจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอล จอทัชสกรีนตรงกลาง และระบบ Head-up Display ซึ่งมาจาก Land Rover Electronic Vehicle Architecture โดยรองรับการอัพเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-Air รวมทั้งทาง Land Rover ยังลดปุ่มควบคุมทั้งที่คอนโซลกลางและพวงมาลัยให้เหลือน้อยที่สุดโดยเน้นไปที่การควบคุมที่ระบบ Infotainment แทน
อย่างไรก็ตามแม้จะมาพร้อมความทันสมัยในการแสดงข้อมูล แต่ทาง Land Rover ก็ยังออกแบบภายในห้องโดยสารเพื่อสะท้อนถึงความแข็งแกร่งภายนอกของรถ รวมทั้งมีความอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บของตามที่ต่างๆ
ด้านเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนทาง Land Rover มีเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซลให้เลือกตั้งแต่เริ่มทำตลาด โดยกับเครื่องยนต์เบนซินมีทั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 300 แรงม้า และ 6 สูบ 3,000 ซีซี เทอร์โบชาร์จ พร้อม ซูเปอร์ชาร์จ อีเล็กทรอนิก 48-โวลต์ 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีดส่งกำลังทั้ง 2 เครื่องยนต์ ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลมีความจุเดียวคือ 2,000 ซีซี แต่มีระดับกำลังให้เลือกแตกต่างกันระหว่าง 200 แรงม้าและ 240 แรงม้า และปีหน้าจะมีรุ่นปลั๊กอินไฮบริดตามออกมา สำหรับราคาเริ่มต้นของ Defender ใหม่อยู่ที่ 45,240 ปอนด์ในอังกฤษกับรุ่น D200 หรือเครื่องยนต์ดีเซล 200 แรงม้า
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th