Land Rover ไม่ได้ทำ Defender เจนเนอเรชั่นล่าสุดออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถเอสยูวีหรูเท่านั้น ล่าสุดได้เพิ่มรุ่นที่ถูกออกแบบสำหรับใช้งานในเชิงธุรกิจมาเป็นทางเลือกด้วยในชื่อ Hard Top ซึ่งนำมาจากรุ่น Hard Top ที่ถอดหลังคาได้ในยุคเริ่มแรกของ Defender ช่วงทศวรรษที่ 1950

Land Rover Defender Hard Top เพื่อใช้งานเชิงธุรกิจซึ่งมี 2 รุ่นให้เลือกคือรุ่น 3 ประตู Defender 90 และ 5 ประตู Defender 110 ถูกพัฒนาโดยฝ่าย Special Vehicle Operation หรือฝ่ายผลิตรถพิเศษของ Jaguar Land Rover โดยที่ยังคงลักษณะความพรีเมียมในด้านต่างๆ ไว้เหมือนกับรุ่นใช้งานทั่วไป แต่จะเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรทุกสิ่งของมากขึ้น

นอกจากนี้เพื่อรองรับการใช้งานหนัก Defender Hard Top ทั้ง 2 รุ่นจึงใช้ช่วงล่างคอยล์สปริงอิสระ โดยที่ในรุ่น 110 มีช่วงล่างถุงลมอีเล็กทรอนิกมาด้วย ขณะที่ด้านความสามารถในการรองรับงานหนัก Defender Hard Top ทั้ง 2 รุ่นสามารถลากจูงสิ่งของได้หนัก 3,500 กิโลกรัม พร้อมกับมีฟังก์ชั่น Advance Tow Assist เพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมทิศทางสิ่งที่ลากจูงได้ด้วยแป้นหมุนที่คอนโซลกลาง นอกจากนี้ทั้ง Defender Hard Top 90 และ 110 จะมีความสูงของใต้ท้องรถจากพื้น 291 มม. หรือ 11.5 นิ้ว โดยที่รุ่น 110 จะมีมุมไต่ มุมจาก และ Break over อยู่ที่ 38, 40 และ 28 องศาตามลำดับ

สิ่งที่แตกต่างมากที่สุดระหว่าง Land Rover Defender รุ่นทั่วไปกับรุ่นสำหรับใช้งานเชิงธุรกิจคือรุ่นหลังจะไม่มีเบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 เพื่อเน้นการบรรทุก แต่ผู้ซื้อสามารถเลือกออฟชั่นติดตั้งเบาะกลางขนาดเล็กที่เบาะแถวหน้าเพื่อให้สามารถนั่ง 3 คนได้ นอกจากนี้ Defender สำหรับใช้เชิงธุรกิจยังมาพร้อมกับกระจกมองหลัง ClearSight เพื่อช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นด้านหลังของรถได้แม้จะบรรทุกสิ่งของเต็มด้านหลังรถ รวมทั้งระบบกล้อง 3D Surround Camera เพื่อให้มองเห็นรอบรถได้บนจอทัชสกรีนของรถ และแม้จะเป็นรถสำหรับเน้นการใช้งานแต่ก็มาพร้อมกับระบบ Infotainment Pivi Pro พร้อมกับ Apple CarPlay และ Android Auto

สำหรับราคาของ Defender Hard Top เริ่มต้นที่ 35,500 ปอนด์ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทาง Land Rover ระบุว่าจะมีตามออกมาตอนเปิดตัวช่วงปลายปีนี้

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th