Lexus GX เปลี่ยนโฉมครั้งแรกในเวลาเกือบ 14 ปี
Lexus เปิดตัวโฉมใหม่ของรถเอสยูวีฟูลไซส์รุ่น GX ออกมา ซึ่งเป็นระยะเวลาเกือบ 14 ปีหลังจากที่รถเจเนเรชันก่อนหน้าถูกเปิดตัวออกมาทำตลาด โดยรถรุ่นใหม่มาในรูปทรงกล่องแข็งแกร่งพร้อมกับการสร้างภาพใหม่ให้รถเป็น The Premium Off-Roader และการออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ขับในสถานการที่หลากหลาย
Lexus GX ใหม่เป็นรถเอสยูวี Body-on-Frame บนแพลตฟอร์ม GA-F ที่ถูกเสริมความแข็งแกร่งและทนทานมากขึ้น โดยตัวรถมีความยาว 4,950 มม. กว้าง 1,980 มม. สูง 1,865 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,850 มม. ด้านการออกแบบภายนอกของรถถูกระบุว่าแสดงถึงความดุดันเพื่อบ่งบอกถึงความแกร่ง และแสดงถึงความแตกต่างในด้านดีไซน์จากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ด้านหน้ารถเอสยูวีฟูลไซส์รุ่นใหม่แสดงถึงแนวคิด Spindle Grille ของแบรนด์ ร่วมกับการออกแบบใหม่ที่เน้นความโดดเด่นและแข็งแกร่งสำหรับรถออฟโรด พร้อมมีไฟหน้า Premium Triple Beam LED และกระจังหน้าเปิดที่สูงขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทก ส่วนด้านข้างมีการเลื่อนเสา A-Pillar ไปด้านหลังเพื่อเพิ่มมุมมองของรถ พร้อมมีตัวรถที่ลื่นไหลในแนวนอน ในขณะที่ล้อของรถมีขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 33 นิ้ว ขณะที่ด้านหลังของรถมาพร้อมกับแถบไฟท้าย L-shape รวมทั้งมีโลโก้ใหม่ โดยรถมีถึง 11 สีให้เลือก
ห้องโดยสารของรถออฟโรกฟูลไซส์มาพร้อมกับความหรูเพื่อการเป็นที่ผ่อนคลายในขณะเดินทางไม่ว่าจะมีระยะทางไกลแค่ไหน มีค็อกพิตที่เน้นผู้ขับเหมือนกับรถเอสยูวีรุ่นเล็กอย่าง RX และ GX มีแผงจอแสดงข้อมูลผู้ขับแนวนอนที่ต่ำลงพร้อมกับแผงแดชบอร์ดที่เรียบง่าย โดยจอแสดงข้อมูลผู้ขับมีขนาด 14 นิ้ว พร้อมมีการแสดงข้อมูล Head-up Display ในขณะที่จอระบบ Infotainment มีขนาด 12.3 นิ้วซึ่งมาพร้อมกับ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto สำหรับการแต่งห้องโดยสารเน้นสีเอิร์ธโทน ส่วนพื้นฐานการแต่งจะใช้หนัง NuLuxe สีดำหรือสี Chateau ร่วมกับการแต่งด้วยหนัง Ultrasuede สีเขียว Olive
หน้าที่การพารถไปผจญภัยทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดเป็นของเครื่องยนต์ V6 3.4 ลิตรทวินเทอร์โบ พร้อมระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Direct Shift 10 สปีด มีกำลัง 349 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร พร้อมมีความสามารถในการลากจูงได้ถึง 3,628 กิโลกรัมสำหรับรถเกรดที่มีหูเกี่ยวสำหรับการลากจูงมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
นอกจากนี้รถเกรด Overtrail ที่เน้นการลุยจะมาพร้อมกับล็อกเฟืองท้ายหลังอีเล็กทรอนิก รวมทั้งมีช่วงล่าง Electronic-Kinetic Dynamic Suspension System หรือ E-KDSS ซึ่งจะไม่เชื่อมต่อกับบาร์กันโคลงเมื่อลุยออฟโรด รวมไปถึงมีเทคโนโลยีเพื่อการลุยอย่าง Multi-Terrain Select, Crawl Control, Downhill Assist Control และ 3D Multi-Terrain Monitor เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
รถเอสยูวีฟูลไซส์รุ่นใหม่จะถูกผลิตที่โรงงาน Tahara ในญี่ปุ่น และจะเริ่มขายในช่วงต้นปี 2024 ส่วนราคารถจะประกาศออกมาในช่วงใกล้ขาย
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th