Lotus Emira รุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Lotus เปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่ Emira เมื่อปี 2021 โดยมีทางเลือกทั้งเครื่องยนต์ V6 และเครื่องยนต์ 4 สูบ อย่างไรก็ตามรถพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบซึ่งถูกระบุว่าเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีพลังมากที่สุดของรถสปอร์ต Lotus เพิ่งถูกเผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการในงาน Goodwood Festival of Speed ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
Lotus Emira รุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ เป็นการนำเอาเครื่องยนต์จาก Mercedes-AMG มาเป็นขุมกำลังวางกลางลำของรถ แต่มีการอัพเกรดบางส่วนอย่างช่องไอดีและระบบระบายไอเสีย โดยเครื่องยนต์สร้างกำลังออกมา 365 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร มีกำลังน้อยกว่ารถที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จเพียง 41 แรงม้า แต่มีแรงบิดมากกว่า 9 นิวตัน-เมตร
เครื่องยนต์ 4 สูบใน Emiraถูกจับคู่กับระบบส่งกำลังดูอัลคลัตช์ 8 สปีดจาก Mercedes แหล่งที่มาเดียวกับเครื่องยนต์ แต่มีการปรับตั้งใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถจากผู้ผลิตรายนี้ใช้ระบบส่งกำลังดูอัลคลัตช์ และยังถูกระบุว่ามีการเปลี่ยนเกียร์ที่เร็วกว่าระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีดในรถสปอร์ตรุ่นเดียวที่ใช้เครื่องยนต์ V6
สำหรับตัวเลขสมรรถนะของรถสปอร์ตพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบถูกระบุว่าใช้เวลา 4.4 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ซึ่งใช้เวลามากกว่ารุ่นเครื่องยนต์ V6 แค่ 0.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 290 กม./ชม. เท่ากัน รวมทั้งมีระบบ Launch Control, e-Diff และแป้นชิฟต์ที่พวงมาลัยเหมือนกัน
รถสปอร์ตเครื่องยนต์ 4 สูบอยู่บนสถาปัตยกรรม Lotus Sport Car Architecture พร้อมกับใช้ซับเฟรมหลังอลูมินัมแคสต์น้ำหนักเบา ซึ่งทำให้น้ำหนักของรถเบาลง 12 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ V6 ในขณะที่ช่วงล่างของรถประกอบด้วยสปริง Eibach แดมเปอร์ Bilstein ซึ่งมีการปรับตั้งเฉพาะตามแชสซีส์ที่ถูกปรับระหว่าง Tour หรือ Sport ที่ผู้ซื้อเลือก รวมทั้งรถมาพร้อมกับยางที่ถูกพัฒนาเป็นพิเศษ มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอีเล็กทรอนิกใหม่ และใช้ดิสก์เบรกมีช่องและรูระบายความร้อนขนาด 370 มม. ที่ล้อหน้า และขนาด 350 มม. ที่ล้อหลัง ส่วนล้อของรถเป็นล้อฟอร์จน้ำหนักเบาเป็นพิเศษขนาด 20 นิ้ว
ส่วนห้องโดยสารของรถมีจอแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้ว จอระบบ Infotainment ขนาด 10.25 นิ้วพร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ในขณะที่เบาะปรับความอุ่นได้และปรับไฟฟ้า 12 ทิศทางเลือกได้ระหว่างหุ้มด้วย Alcantara หรือหนัง Nappa ส่วนเพดานรถหุ้มด้วย Alcantara และรถมาพร้อมกับระบบเสียงที่พัฒนาโดย KEF
ในส่วนราคาของรถที่เป็นรุ่น First Edition เริ่มต้น 81,495 ปอนด์ที่สหราชอาณาจักร และ 95,995 ยูโรในเยอรมนี
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th