Luxury Car Sedan ซีดานหรู สมรรถนะเยี่ยม เริ่มต้นรุ่นไหนดี?
สำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ หรืออยากขยับขึ้นมาเล่นแบรนด์ยุโรป ส่วนใหญ่มักมองหารถยนต์ในกลุ่มซีดานหรูที่ราคาเริ่มต้นกำลังดี ทั้งจากแบรนด์ Mercedes-Benz ,BMW และ Audi ในงบประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ทั้ง 3 ค่ายมีบุคลิก และภาพลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ลูกค้ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมที่ชัดเจนในการเลือกซื้อ ไม่ค่อยลังเลหาข้อมูล หรือคิดทบทวนเปรียบเทียบไปมาเพื่อหาความคุ้มค่า คนชอบ BMW ก็แทบจะไม่ได้มองแบรนด์อย่าง Luxury Car Sedan Mercedes-Benz หรือคนอยากได้ Benz ก็ไม่ได้มอง BMW เมื่อก่อนอาจพูดได้ว่าแบรนด์อย่าง Mercedes-Benz ดูจะเหมาะกับคนมีอายุ วัยรุ่นก็ต้อง BMW แต่เมื่อ BENZ เองก็อยากจะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดีไซน์สมัยใหม่ช่วยให้รถยนต์ที่ผลิตออกมาดูวัยรุ่นมากขึ้นจนเปลี่ยนภาพเดิมๆ จนหมด แต่ทว่าตลาดรถหรูไม่ได้มีเพียงแค่สองแบรนด์เท่านั้น เมื่อ Audi ที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศครองผู้นำตลาด ขอลงมาแข่งขันในไทยนำเสนอรถยนต์สปอร์ต สมรรถนะดี ในราคาที่ใกล้เคียง เน้นสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่ต้องการซ้ำใครบนท้องถนน ซึ่งในปีที่ผ่านมาแย่งส่วนแบ่งรถหรูมาได้ระดับหนึ่ง แต่ยังห่างจากหัวแถว Mercedes-Benz อยู่มาก
ในงบประมาณ 2.5 ล้านดูเหมือนถ้าเลือกเล่นรถประเภทซีดานรุ่นเริ่มต้นคงต้องคิดสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องเงิน หรือค่าซ่อม แต่เป็นเรื่องพื้นที่การใช้งานที่ดูเหมือนยังอำนวยความสะดวกเพียงแค่ตำแหน่งคนขับเท่านั้น ส่วนเบาะหลังแม้จะเป็นปี 2021 แล้วผู้ผลิตพยายามแก้ไขให้สะดวกสบายมากขึ้นแต่เอาเข้าจริงนั่งได้แค่ระยะทางใกล้ๆ กำลังดี เดินทางไกลคงไม่เหมาะ ถ้าคุณคิดว่าซื้อใช้คนเดียวหรือแค่แฟนนั่งไปด้วยถือว่าตอบโจทย์ แต่จะเอามาเป็นรถครอบครัวคงไม่ไหว ส่วนใครที่บอกว่าเงินเท่านี้ไปเล่นรถญี่ปุ่นคันใหญ่ๆ จะดีกว่า เราขอบอกว่ารถยิ่งแพงคนส่วนใหญ่ซื้อความปลอดภัยที่มั่นใจได้มากกว่า และจากประสบการณ์คนซื้อรถพวกนี้ไม่ค่อยดูตัวเลขประหยัดน้ำมันส่วนใหญ่ดูกันที่ใครขับสนุกกว่า
เอาละก่อนตัดสินใจซื้อมาดูกันว่ามีตัวเลือกอะไรที่น่าสนใจบ้าง?
Audi A4 Sedan ราคาจำหน่าย 2,499,000 บาท
อาวดี้เองมีรถอยู่ในไลน์อัพนี้ คือ Audi A4 40 TFSI S LINE นำเสนอภาพลักษณ์ที่ไม่ได้หวือวามากเน้นการออกแบบที่ล้ำหน้าให้ความสปอร์ตเรียบหรูแต่เฉียบคม ไม่มีเส้นสายที่รกสายตา ส่วนที่ชอบคือมุมมองด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบห้าเหลี่ยมมาพร้อมโลโก้ 4 ห่วงตามแบบฉบับ และไฟหน้า LED technology ดูเตะตาเห็นแต่ไกล พร้อม ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ด้านข้างดูเรียบๆ มีเส้นสายพอประมาณได้ได้ความบึกบึนพร้อมนำเสนอภาพลักษณ์ที่พุ่งทะยานไปด้านหน้า แต่ความสนใจมองไปที่ล้อขนาด 18 นิ้ว มากกว่าดีไซน์ดูลงตัวเสริมรถให้สปอร์ตมากขึ้น ส่วนด้านหลังเองไฟท้ายแบบ LED เข้ากับท่อไอเสียแบบคู่ขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ดูรวมๆ ทั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายลงตัวพอดี ไม่ขาดไม่เกิน และไม่น่าเบื่อในระยะยาว พร้อมชุดแต่ง S Line Package มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ขาว ดำ และเทา
Audi A4 Sedan ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยลาย Silver Aluminium Ellipse เน้นความกว้างของรถเพื่อความสะดวกสบาย บริเวณหลังคาและคอนโซลใช้สีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อม Paddle shift ส่วนเบาะหนังด้านหน้าและด้านหลังตกแต่งด้วยสีทูโทน น้ำตาล-ดำ (หรือใครชอบดำล้วนก็สามารถเลือกได้) เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้ แถบช่องระบายอากาศยาวแบบต่อเนื่อง ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน คอนโซลกลางมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริง ไฟส่องสว่างภายในมาตรฐานรวมถึงไฟอ่านหนังสือ มีชุดไฟส่องสว่างไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Contour/Ambient lighting) โดยรอบเพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหรายิ่งขึ้น ระบบเครื่องเสียง Audi sound system ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส (MMI touch)ขนาด 8.8 นิ้ว มาพร้อมระบบ Audi smartphone interface จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB
เครื่องยนต์ของ Audi A4 Sedan มาพร้อม Mild-hybrid technology (MHEV) ซึ่งสามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้โดยการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ขณะขับเคลื่อน เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์เจอร์ ขนาด 1,984 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,200-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,450-4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ 7-speed S tronic อัตราเร่งจาก 0-100 เพียง 7.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใส่มาให้ ถุงลมคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง ระบบเตือนการคาดเข็มขัด ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบป้องกันล้อล๊อก ABS (Anti-lock braking system) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system) ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization function) เซ็นเซอร์รอบคันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด จุดติดตั้งเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
BMW 3 Series Sedan ราคาจำหน่าย 2,549,000 บาท
ราคาขายรวม BSI STANDARD แพคเกจ
BMW 3 Series Sedan โฉมใหม่ที่ปรับเปลี่ยนทุกอย่างไปจากเดิม ในงบประมาณที่กำหนดเราจะได้ BMW รุ่น 320d M Sport ซึ่งในซีรี่ส์นี้ยังมีเครื่องยนต์แบบอื่นให้เลือกด้วย และด้วยการออกแบบที่ลงตัวยิ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นรถสปอร์ตซีดานที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซล
BMW 3 320d M Sport ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา เสริมความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่ง M Aerodynamics พร้อมกันชนหน้า กาบประตูด้านข้างและกันชนหลังสีเดียวกับตัวถังรถ มาพร้อมดิฟฟิวเซอร์สี Dark Shadow Metallic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่เอกลักษณ์ BMW สีดำเงาดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ มาพร้อมกรอบกระจังหน้าโครเมี่ยม ไฟหน้าแบบ LED พร้อมฟังก์ชั่นส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ไฟตัดหมอกแบบ LED คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport ระบบเปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปลดล๊อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) หลังคากระจกเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ปลายท่อไอเสียโครเมี่ยม ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke 790 M สี Orbit Grey แบบสลับสี มาพร้อมยาง Mixed tyres แบบ runflat ขนาดล้อหน้า 7.5J x 18 พร้อมยาง 225/45 R18 ขนาด ล้อหลัง 8.5J x 18 พร้อมยาง 255/40 R18
BMW 3 320d M Sport ภายในสปอร์ตทุกรายละเอียดเริ่มด้วยแผงหน้าปัดพร้อมสัญลักษณ์ M สุดพิเศษ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังดีไซน์ M ขอบพวงมาลัยตกแต่ง ด้วยหนัง ‘Walknappa’ สีดำ มาพร้อมที่จับพวงมาลัยโค้งมน เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าให้การรองรับได้อย่างดีเยี่ยมและมีตัวเลือกในการปรับเบาะที่หลากหลาย บุด้วยหนังสุดพิเศษ Vernasca ที่พักวางเท้าด้านคนขับ แป้นคันเร่งและเบรกดีไซน์ M พรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ M หุ้มหนังดีไซน์ M กุญแจรถดีไซน์ M เพดานหลังคาภายในสี Anthracite กาบบันไดดีไซน์ M ติดตั้งหลังคากระจกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
BMW HEAD-UP DISPLAY แสดงข้อมูลให้คนขับมองเห็นได้โดยตรงในระดับสายตา ทำให้ไม่ต้องละสายจากถนนด้านหน้าเพื่อมองดูข้อมูล ติดตั้งหน้าจอแสดงระบบแผนที่นำทาง ที่ประกอบไปด้วยจอภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ที่ใช้งานด้วยระบบสัมผัส และหน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว และยังสามารถควบคุมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ผ่านทางปุ่มควบคุม iDrive ได้อย่างสะดวกสบาย ระบบเครื่่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
BMW 3 320d M Sport มาพร้อมสุดยอดแห่งเทคโนโลยีของระบบเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยีใหม่ BMW TwinPower Turbo ที่โดดเด่นทั้งในด้านสมรรถนะ และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กำลังสููงสุุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่าน เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic พร้อม Gearshift Paddles ทำความเร็วสูงสุดได้ 240 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้เพียง 6.8 วินาที อัตราสินเปลี้องน้ำมันเฉลี่ย 22.7 กม./ลิตร
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใส่มาให้ ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ,ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ,ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) ,ระบบ Teleservices ปุ่มโทรออกฉุุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) , ระบบควบคุุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) , ระบบควบคุุมการยึดเกาะถนน (DTC) , ระบบควบคุุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) , ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ,ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) , ระบบควบคุุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) ,เซนเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) , ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ,เซนเซอร์ควบคุุมระยะการจอดด้านหน้าและหลังกล้องแสดงภาพด้านหลัง
Mercedes-Benz C-Class ราคาจำหน่าย 2,499,000 บาท
มาถึงค่ายรถยนต์สุดหรูอย่าง Mercedes-Benz ภายในงบประมาณที่ตั้งไว้ตัวเลือกคันสุดท้ายจึงตกอยู่ที่ Mercedes-Benz C-Class ซึ่งมีอยู่หลายรุ่นให้เลือก แต่รุ่นที่เหมาะนี้คือ Mercedes-Benz C220 d Avantgarde ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเหมือนกับ BMW คนจึงมักนำมาเปรียบเทียบกันอย่างหนีไม่พ้น
การออกแบบของรถยนต์ C-Class Saloon เน้นเสน่ห์ของสัดส่วนสรีระด้านหน้าถูกออกแบบอย่างเฉียบคมทุกรายละเอียด ชัดเจนและเร้าอารมณ์เหมือนเดิม โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมด้วยโครเมียมเพิ่มความหรูหรา พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ไฟหน้าแบบ LED High Performance มีไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง กระจกมองข้างพับเก็บด้วยไฟฟ้า ไฟเบรกและไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ด้านท้ายมีระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงแบบอัตโนมัติโดยด้วยระบบไฟฟ้า ใส่ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว ยางรถยนต์แบบ Run-flat ขนาด 225/45 R18 ด้านหน้า 245/40 R18 ด้านหลัง
Mercedes-Benz C220 d Avantgarde เน้นความหรูหราทันสมัยจากการตกแต่งภายใน พวงมาลัยแบบใหม่พร้อมระบบปุ่มควบคุมแบบสัมผัส รวมถึงเครื่องมือดิจิทัลเต็มรูปแบบและจอแสดงผลที่ขยายใหญ่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างทันสมัยและเฉพาะบุคคล เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO โทนสีดำปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าคู่หน้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 1/3 และ 2/3 ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Remote Engine Start โดยใช้ปุ่ม Push Start ติดตั้งม่านบังแดดหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า เปลี่ยนบรรยากาศในห้องโดยสารด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารปรับได้ 64 เฉดสี Ambient Lighting ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MB Audio 20 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว พร้อมคอนโทรลเลอร์ มาพร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth รองรับ Apple CarPlay & Android Auto ควบคุมการสั่งงานด้วย Touchpad รองรับการใช้งานระบบนำทางแบบ SD-Card Navigation ตกแต่งกาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบเรืองแสง
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงแบบ 4 สูบ 14 วาล์ว พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,950 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ 9G-Tronic พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ที่ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 240 กม./ชม.
Mercedes-Benz C220 d Avantgarde มีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันทั้ง ถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ , โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP , ระบบเบรกป้องกันล้อล๊อก ABS ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assit ทำงานร่วมกับไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน ,ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และจำกัดความเร็ว Speed Tronic ,ระบบเตือนแรงดันลมยาง , ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ , เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด ,ระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ ,กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ
Mercedes me connect บริการที่จะคอยช่วยเหลือคุณจากสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือในขณะที่คุณได้รับอุบัติเหตุ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จะทำการติดต่อไปยัง Emergency Customer Contact Center ศูนย์บริการฉุกเฉิน ที่จะช่วยประสานงานด้านความปลอดภัยเพื่อช่วยเหลือให้คุณได้รับความปลอดภัยสูงสุด บริการ Remote Retrieval of Vehicle Status ที่จะคอยรายงานสถานะของรถยนต์ไปยัง Mercedes me และด้วยบริการ telediagnostics ที่จะคอยส่งข้อมูลและสถานะของรถยนต์ไปยังศูนย์บริการที่คุณเลือกเมื่อตรวจพบความเสียหาย เพื่อให้คุณได้รับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด Luxury Car Sedan
“งานนี้การพิจารณาเมื่อดูจากงบประมาณเรียกว่าใกล้เคียงกันมากที่สุด แต่เหมือนดูจากความนิยมแล้วหลายคนเทใจให้กับค่าย Mercedes-Benz ที่มี BMW เป็นคู่แข่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต่างก็มีบุคลิก ความสปอร์ตที่มีจุดขายเป็นของตัวเอง แต่ทั้งรูปลักษณ์และขนาดของรถใกล้เคียงกัน คงต้องมาดูกันที่รายละเอียดปลีกย่อยว่ารุ่นไหนจะคุ้มกว่ากัน แต่ที่เหมือนกันแน่นอนคือมีโปรแกรมบำรุงรักษาให้เลือกซื้อเป็นแพคเกจทำให้ลูกค้าอุ่นใจได้ ส่วน Audi เองแม้จะเป็นคู่แข่งที่ดูแตกต่างเพราะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในไทย แต่ในตลาดอื่นกลับเป็นผู้นำในรถซีดานรุ่นนี้ ด้านสมรรถนะที่แตกต่างจากเครื่องเบนซินที่มีระบบไฮบริดก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะแบรนด์คู่แข่งต้องเพิ่มราคาถ้าอยากได้ความประหยัดมากขึ้น แต่ทั้งนี้ใครละจะประหยัดกว่าเมื่อเบนซินไฮบริดต้องสู่กับเครื่องดีเซล ส่วนแรงม้าแทบไม่หนีกัน อยู่ในระดับ 190 แรงม้าทั้งหมด ส่วนระบบความปลอดภัยดูเหมือนทาง Audi เองจะให้ของมาไม่เยอะเท่าคู่แข่งแต่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งถ้าอยากได้รถยนต์ที่ไม่ซ้ำใคร Audi ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในสมรรถนะการใช้งานใกล้เคียงกัน”
- เกร็ดความรู้เพิ่มเติมรถยนต์ใหม่ในงบ 2.5 ล้าน โดยทั่วไปดาวน์ 25% จะอยู่ที่ 600,000 แสนบาทขึ้นไป ผ่อน 60 เดือนเฉลี่ย 26,000+ บาท
เรื่อง : กองบรรณาธิการ Luxury Car Sedan
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th