MAZDA รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2022
BEST HATCHBACK
UNDER 1,300 c.c.
MAZDA2 1.3 SP SPORTS
สำหรับความลงตัวของรถ BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c. ในปีนี้ คงต้องยกความเป็นสุดยอดให้กับ MAZDA2 1.3 SP SPORTS เพราะนอกจากความสวยงามที่มีเอกลักษณ์ โคโดะ ดีไซน์ ยังมาพร้อมความประหยัดคุ้มค่าในรูปแบบ Eco Car ที่ทำให้หลายๆ คนต้องยอมรับว่า นี่คือความลงตัว จนสามารถคว้ารางวัล Car of The Year 2022 มาครองได้สำเร็จ…
ขุมพลังแห่งความประหยัด SKYACTIV 1.3 ลิตร
MAZDA2 1.3 SP มาพร้อมกับเครื่องยนต์ SKYACTIV เบนซิน 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด Activematic ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม และประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร* ซึ่งได้รับมาตรฐานไอเสียยูโร ระดับ 5
นอกจากนี้ MAZDA2 1.3 SP SPORTS ยังมาพร้อมกับระบควบคุมขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์
ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้นสามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร MAZDA2 1.3 SP SPORTS จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส
ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ลงตัว สะดวกต่อการใช้งาน
MAZDA2 1.3 SP SPORTS ได้รับการออกแบบและจัดวางอย่างเหมาะสมกับการใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก ตามคอนเซปต์ HMI (Human Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ ได้แก่ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display และ Center Commander ที่ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัว รวมถึงการติดต่อสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัดกับ Mazda Connect ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ เชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนโดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รวมถึงระบบ Infotainment ที่มีให้เลือกมากมาย พร้อมให้เพลิดเพลินไปตลอดการเดินทาง
ระบบความปลอดภัยล้ำสมัย
MAZDA2 1.3 SP SPORTS มาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ที่เหนือระดับ อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าหลัง, ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเบรก BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไหล TCS, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ DSC, ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และกล้องมองหลัง รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวลที่ทั้งประหยัดและปลอดภัย
และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ MAZDA2 1.3 SP SPORTS ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 1,300 c.c. ประจำปี 2022 จากคณะ
ผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้
BEST HATCHBACK
UNDER 2,000 c.c.
MAZDA3 SKYACTIV-G FASTBACK
นับว่าเป็นอีกหนึ่ง HATCHBACK ที่น่าจับตามองมากที่สุดในปี 2022 สำหรับ MAZDA3 SKYACTIV-G FASTBACK ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นจุดเด่นในการคว้ารางวัล Thailand Car of The Year 2022 มาพิสูจน์กันว่า อะไร…คือความสุดยอดที่ทำให้กรรมการเทคะแนนอย่างท่วมท้นให้กับ MAZDA3 เรามาติดตามได้ในบททดสอบ Thailand Car of The Year 2022 ครั้งนี้…
SKYACTIV-G เครื่องยนต์แห่งอนาคต
สำหรับเครื่องยนต์ MAZDA3 2.0 SP SPORTS ได้รับการพัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับ ส่งผลให้เครื่อง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร มีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเครื่องรุ่นก่อนอีก 3 นิวตัน-เมตร ด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ผนวกกับหัวฉีดดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร* ส่งกำลังผ่านเกียร์ SKYACTIV-drive 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด
G-Vectoring Control Plus เทคโนโลยีแห่งความปลอดภัย
MAZDA3 2.0 SP SPORTS มาพร้อมกับระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) โดยระบบจะปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถสามารถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้นุ่มนวลลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร ซึ่งทำงานผสานกับระบบช่วงล่างที่เซตอัพมาใหม่ โดยเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า และกึ่งอิสระ ทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถรับรู้ถึงความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ภายในออกแบบล้ำสมัย รองรับทุกการใช้งาน
สำหรับภายในห้องโดยสาร MAZDA3 ผ่านการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมดในทุกรายละเอียด โดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเบาะดีไซน์ใหม่ที่โอบกระชับ รองรับสรีระช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะเดิน เพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมดุล ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง
แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด ด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สัมผัสกับห้องโดยสารที่เงียบขึ้น และระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งขีดสุดของระบบความปลอดภัย
มาสด้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถอย่างจริงจัง
โดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุประกอบด้วย
• ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถ ช่วยลด
ความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน
• ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
• ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้าง
และสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น
• ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
• ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
• ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
และปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใครที่ทำให้ MAZDA3 ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ประจำปี 2022 จากคณะกรรมการผู้เข้าทดสอบ
BEST DIESEL SEDAN
UNDER 1,600 c.c.
MAZDA2 XDL
MAZDA2 XDL ยังคงความโดดเด่นได้อย่างลงตัว และการันตีควาเป็นสุดยอดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจัดจ้านและความประหยัดได้อย่างเหนือชั้นที่สามารถทำตัวเลขได้สูงถึง 26.3 กม./ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE จนทำให้คณะกรรมการลงคะแนนอย่างเอกฉันท์ จนสามารถคว้ารางวัล BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c. ในปี 2022 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความพิเศษมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 1.5 ประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร
MAZDA2 XDL มาพร้อมขุมพลัง SKYACTIV-D 1.5 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1,500 ซี.ซี. พร้อมเทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงถึง 105 แรงม้า และให้แรงบิดสูง 250 นิวตัน-เมตร พร้อมหัวฉีดโซลินอยด์ ที่ฉีดน้ำมันได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพอัตราส่วนการอัดต่ำ เผาไหม้หมดจด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษระดับ Euro 5 ของยุโรป ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม. สามารถประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร โดยส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยระบบ i-ELOOP ที่ช่วยเปลี่ยนพลังงานจากการลดความเร็วเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยทำงานร่วมกับระบบ i-Stop ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดนิ่ง
ระบบ G-Vectoring Control Plus ควบคุมง่ายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น
ระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ใน MAZDA2 จะช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสมเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวลมีเสถียรภาพผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลงควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้นสามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร MAZDA2 จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส
เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่สุดของความปลอดภัย
MAZDA2 XDL อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กําลังแซงขึ้นมา และอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น, ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลังซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกะพริบเตือนที่กระจกมองข้างในขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง นวัตกรรมใหม่สุดล้ำอีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ SKYACTIV-VECHICLE DYNAMICS เพื่อควบคุมสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ i-ACTIVSENSE ครบครันด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณเร้าใจกับทุกเส้นทางที่เป็นตัวเองอย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ที่มีเฉพาะในมาสด้าเท่านั้น
พ่วงด้วยระบบช่วยการทรงตัว DSC – Dynamic Stability Control, TCS – Traction Control System และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA – Hill Launch Assist, ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ น้ำหนักในการเหยียบแป้นเบรกสัมพันธ์กับแรงเบรก จึงเบรกให้นุ่มนวลได้ไม่ยาก และมีแรงเบรกในระดับที่เหมาะสมกับกำลังของเครื่องยนต์ มาพร้อม ABS และ EBD และ ระบบ ESS – Emergency Signal System ไฟฉุกเฉินทำงานอัตโนมัติเมื่อเบรกรุนแรง
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังได้ออกแบบตามคอนเซปต์ Human-Machine Interface ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายจากถนน และไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเวลาขับรถ โดยติดตั้งอุปกรณ์สนับสนุนการขับขี่ที่น่าสนใจ ทั้ง Active Driving Display จอสกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่, Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และเพิ่มความสะดวกสบายด้านการติดต่อสื่อสารด้วยระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ จัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก อยู่ด้านหลัง
ชุดเกียร์ ใกล้มือผู้ขับ
และนี่ก็เป็นบทสรุปโดยรวมว่า ทำไม MAZDA2 XDL ถึงได้เป็น “ที่สุด” ในการรับโหวตจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ให้ได้รับรางวัล BEST DIESEL SEDAN UNDER 1,600 c.c.
BEST DIESEL SUV
UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 XDL EXCLUSIVE
ยังเป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย เทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นใจ จนทำให้ MAZDA CX-8 กลายเป็นรถ SUV ที่คนพูดถึงมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจนมาถึงตอนนี้ และได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
ยังเป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย เทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นใจ จนทำให้ MAZDA CX-8 กลายเป็นรถ SUV ที่คนพูดถึงมากที่สุดตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจนมาถึงตอนนี้ และได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
ดีไซน์หรู เน้นการใช้งานอย่างครบครัน
MAZDA CX-8 XDL EXCLUSIVE ได้ออกแบบเน้นความเรียบง่ายแต่งดงามจากคอนเซปต์ “Less is More” เพื่อลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือแต่ความสง่างามเริ่มตั้งแต่ดีไซน์จากภายนอกสู่ภายในห้องโดยสาร เลือกใช้เฉพาะวัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบาย สามารถรองรับการใช้งานจริงของผู้โดยสารในทุกตำแหน่งที่นั่ง ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่ง สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขนที่วางแก้วน้ำ และช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเบาะที่นั่งแถวสามของทั้ง 2 แบบ รองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง 170 ซม.
และสามารถปรับพับแยกได้อย่างแบนราบ แบบ 50:50 เพื่อมอบพื้นที่ในการวางสัมภาระ การตกแต่งภายในห้องโดยสารเลือกใช้สีโทนเข้ม เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ 2 ตำแหน่งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง ระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display จอสีแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะCenter Commander
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ ตอบสนองทุกการใช้งาน
MAZDA CX-8 XDL EXCLUSIVE มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ให้แรงม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้า ต่อ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร ต่อ 2,000 รอบต่อนาที โดยในรุ่น XDL EXCLUSIVE มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร
นอกจากนี้ MAZDA CX-8 XDL EXCLUSIVE อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
MAZDA CX-8 XDL EXCLUSIVE มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารรวมถึงผู้ใช้ถนน
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือบทสรุปของ MAZDA CX-8 ถึงได้เป็น “ที่สุด” ในการรับโหวตจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ ให้ได้รับรางวัล BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
BEST PERFORMANCE COMPACT SUV
UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-30
MAZDA CX-30 นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถ SUV ที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงเทคโนโลยี ความปลอดภัยเหนือระดับ จนทำให้คว้ารางวัล Car of The Year 2022 ในคลาส BEST PERFORMANCE COMPACT SUV มาครองได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งความโดดเด่นแบบเหนือชั้นจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
ขุมพลัง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร
แรง ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
MAZDA CX-30 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0L 4 สูบ DOHC Dual S-VT Electronic Direct Injection ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 165 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันสูงสุดที่ E85 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 Speed Skyactiv-Drive พร้อมระบบ Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 รุ่นล่าสุดของมาสด้า มีการพัฒนาท่อไอดีและรูปทรงของลูกสูบที่เหมาะสม ระบบการฉีดน้ำมัน วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ MAZDA CX-30 ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่พัฒนาจากท่วงท่าของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล
มอบความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงผู้ใช้ถนน อีกทั้งยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ ลดการแก้พวงมาลัยน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่ ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการโคลงตัวที่ลดลง
การออกแบบที่ลงตัว
สำหรับการออกแบบภายใน MAZDA CX-30 ถูกพัฒนาตามหลักปรัชญา HUMAN CENTRIC PHILOSOPHY ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่ออกแบบให้โอบกระชับ รองรับกับสรีระ ช่วยให้ กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะกำลังเดิน พวงมาลัยและคันเร่งได้รับการจัดวางอย่างลงตัว มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ รวมถึงฟังก์ชันและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอัดแน่นสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็ว
แบบดิจิทัล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สร้างอารมณ์สุนทรีย์ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง สะดวกสบายตลอดเส้นทางภายในห้องโดยสารที่เงียบ โปร่งสบาย พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันแบบเหนือชั้น
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SBS : Advanced Smart Brake Support)
ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ MAZDA CX-30 ได้รับการโหวตจาก คณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST PERFORMANCE COMPACT SUV มาครองได้สำเร็จ
BEST PERFORMANCE PICKUP
MAZDA BT-50
กลับมาดุดันในตลาดรถปิกอัพอีกครั้งกับ MAZDA BT-50 ปิกอัพสุดหรูสไตล์เอสยูวี ที่มาด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) เส้นสายที่เรียบง่ายแต่งดงาม ภายใต้คอนเซปต์ Less is More และขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญทำให้คณะกรรมการผู้ตัดสิน Car of The Year 2022 ต่างโหวตให้ MAZDA BT-50 เป็นที่สุด ในคลาส BEST PERFORMANCE PICKUP
MAZDA BT-50
ปิกอัพสไตล์เอสยูวี
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Signature รับกับกระจังหน้าทรง Signature Wing โดยติดตั้งไฟเลี้ยวและ
ไฟตัดหมอกแยกไว้บริเวณกันชน ขณะที่ไฟท้ายถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับด้านหน้าพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เน้นความพรีเมียมด้วยโทนสีดำตัดกับสีน้ำตาลเข้ม พร้อมเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง โดยจัดวางอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารตามหลัก Human Machine Interface ให้ความสะดวกในการใช้งาน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว วางคู่กับชุดมาตรวัดแบบแอนะล็อก
ระบบอินโฟเทนเมนต์ของ MAZDA BT-50 ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว สามารถตั้งค่าการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay/Android Auto รองรับฟังก์ชัน MirrorLink และ Miracast ผ่านระบบ Wi-Fi รวมถึงมีระบบนำทางในตัวที่สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมลำโพงเหนือเพดาน และช่อง USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีระบบกุญแจรีโมทที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศจากภายนอกได้ อีกทั้งยังมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ในระยะ รวมถึงระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ขุมพลังทางเลือก 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร
สำหรับ MAZDA BT-50 มีตัวเลือกขุมกำลัง 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ เป็น 4 ล้อตามลักษณะการขับขี่ได้ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ส่วนอีกรุ่นหนึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเช่นกัน
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และชุดแหนบด้านหลังที่ให้ความสามารถในการบรรทุกรับน้ำหนักได้มากขึ้น ด้านระบบความปลอดภัย ถูกติดตั้งระบบเบรก ABS/EBD/BA และถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่นย่อย ขณะที่รุ่น Hi-Racer ขึ้นมา ถูกติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง พร้อมกล้องมองหลัง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความพิเศษของ MAZDA BT-50 ที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงความเห็นว่านี่คือรถปิกอัพที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ลงตัวที่สุด