Mazda : Car of the year 2024
BEST HATCHBACK DIESEL UNDER 1,500 c.c.
MAZDA2 XDL Sport
สำหรับความลงตัวรถ BEST HATCHBACK DIESEL 1,500 c.c. ในปีนี้คงต้องยกความเป็นสุดยอดให้กับ Mazda2 XDL Sport ที่การันตีความเป็นสุดยอดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจัดจ้านและความประหยัดสูงสุด 26.3 กม./ลิตร ได้อย่างเหนือชั้น ทำให้หลายๆ คนต้องยอมรับว่า นี่คือความลงตัวจนสามารถคว้ารางวัล Car of The Year 2024 มาครองได้สำเร็จ…
มุมมองจากคณะกรรมการ
ออกแบบลงตัวทุกสัดส่วน
Mazda2 XDL Sport ได้รับการปรับให้มีความลงตัวมากขึ้น ภายนอกออกแบบเน้นความสปอร์ตด้วยกันชนหน้าและกระจังหน้าแบบ Mesh Grille ดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจกมองข้างและหลังคาสีดำ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อมแผงคอนโซลหน้าและเบาะหนังสีดำสไตล์สปอร์ต เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะคนขับได้ถึง 2 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานนี้ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน เพิ่มความสะดวกด้วย Active Driving Display สกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ Sport Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วคงที่ รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวลที่ทั้งประหยัดและปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อกับระบบ Mazda Connect ที่รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto n แรงประหยัดด้วย Skyactiv-D
Mazda2 XDL Sport ขับสนุกและประหยัดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ความจุ 1.5 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive แบบ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง n ปลอดภัยทุกการเดินทางด้วยระบบความปลอดภัย i-Activsense
Mazda2 XDL Sport เพิ่มความมั่นใจในการใช้งานด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง และช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยตลอดทุกการเดินทาง อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor) ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ยังอัดแน่นอย่างครบครัน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด
“G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง”
และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Mazda2 XDL Sport ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK DIESEL UNDER 1,500 c.c. ประจำปี 2024 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้
BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c.
MAZDA3 CARBON
EDITION SPORT
ยังคงความโดดเด่นได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านดีไซน์และใช้งานได้อย่างคุ้มค่า สำหรับ Mazda3 Carbon Edition Sport ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถได้อย่างครบถ้วน ทั้งรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและเทคโนโลยีความปลอดภัย ซึ่งเป็นจุดเด่นในการคว้ารางวัล Thailand Car of The Year 2024 ซึ่งความพิเศษมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
มุมมองจากคณะกรรมการ
ด้านการออกแบบ
Mazda3 Carbon Edition Sport สะท้อนความสปอร์ตทรงพลัง โฉบเฉี่ยว โดดเด่น ในทุกมุมมอง ด้วยสีภายนอกใหม่ สีเทา โพลีเมทัล
เกรย์ เป็นครั้งแรก ตกแต่งตัดกับสีโทนเข้ม กระจกมองข้างสีดำ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED Signature เพิ่มความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่า
กับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้าและล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ทางด้านภายในตกแต่งด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง พร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy
ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง ผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ซึ่งถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านระบบเสียง Bose รอบทิศทางพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
ขุมพลัง 2.0 ลิตร Skyactiv-G
ตอบสนองทุกการใช้งาน
Mazda3 Carbon Edition Sport ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน Skyactiv-G 2.0 ให้สมรรถนะความแรงควบคู่ กับการประหยัดน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง ให้แรงม้าและแรงบิดต่อเนื่องในทุกช่วงการทำงาน ให้กำลัง 165 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมัน E85 อัตราสิ้นเปลือง 15.9 กม./ลิตร ระบบส่งกำลัง Skyactiv-Drive เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ให้การตอบสนองแม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนวลโหมด Activematic
ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้น
ด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่พัฒนา ต่อยอดจากระบบ GVC ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะ ในทางโค้ง และในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ขีดสุดของระบบความปลอดภัย
มาสด้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี i-Activsense ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถอย่างจริงจัง โดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย
• ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัย
ตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรก
อัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced
SBS (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน
• ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
• ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
ขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติ
ขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้าง
และสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น
• ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive
LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา
ขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind
Spot Monitoring)
• ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360° View Monitor)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS
(Lane Keep Assist System)
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
• ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่
DAA (Driver Attention Alert)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC
(Mazda Radar Cruise Control) และปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
“ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC ช่วยควบคุมสมรรถนะ
ในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้ง”
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Mazda3 Carbon Edition Sport ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ประจำปี 2024 จากคณะกรรมการผู้เข้าทดสอบ
BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-8 XDL Exclusive
Mazda CX-8 XDL Exclusive หนึ่งในรถ SUV ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา ตอบสนองได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ลงตัว ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร แถมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน จนทำให้คณะกรรมการลงความเห็นว่า “นี่คือรถที่ทรงคุณค่าในการใช้งานทุกด้าน” จนได้รับผลโหวตให้เป็น BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2024
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบ
Mazda CX-8 XDL Exclusive ได้ออกแบบเน้นความเรียบง่ายแต่หรูหราตามคอนเซปต์ “Less is More” โดยเลือกใช้เฉพาะวัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ สะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหราสง่างามยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ สี Gun Metallic และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมด้วยประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
ภายในเน้นความสะดวกสบายทุกที่นั่ง
โดยห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง จะมาพร้อมเบาะที่นั่งแถวสองแบบ Exclusive Captain Seat 2 ที่นั่ง แยกซ้าย-ขวา เป็นเบาะนั่งในตำแหน่งคนขับ
ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง ระบบเสียงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda
Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display จอสีแบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่ติดตั้งบริเวณด้านหลังคอนโซลเกียร์ อยู่ในระยะที่หยิบจับใช้งานได้สะดวก พร้อมแท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger แบบไร้สาย
ตอบโจทย์ทุกการเดินทางด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Skyactiv-D
Mazda CX-8 XDL Exclusive มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ให้แรงม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้า ต่อ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร ต่อ 2,000 รอบต่อนาที โดยในรุ่น XDL Exclusive มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-Activ AWD พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off Road (Off Road Traction Assist) ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร
ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบ
G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยําและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้ง และในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถอย่างสมบูรณ์แบบ มอบความสบายให้ทุกคนในครอบครัวตลอดการเดินทาง
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบMazda CX-8 XDL Exclusive มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert), ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง 8 จุด
G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยําและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้ง และในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งทั้งหมดที่อธิบายคือบทสรุปของ Mazda CX-8 XDL Exclusive ถึงได้เป็น “ที่สุด” ในการรับโหวตจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ให้ได้รับรางวัล BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
BEST PERFORMANCE COMPACT SUV
MAZDA CX-30
ความร้อนแรงของกลุ่มรถเซ็กเมนต์ SUV เครื่องยนต์สันดาป ชั่วโมงนี้ต้องยกให้กับ Mazda CX-30 ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คน รุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ จนทำให้คว้ารางวัล Car of The Year 2024 ในคลาส BEST PERFORMANCE COMPACT SUV ซึ่งความโดดเด่นแบบเหนือชั้นจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบที่ลงตัว
สำหรับการออกแบบ Mazda CX-30 เน้นความสปอร์ตลงตัวด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบง่ายแต่งดงาม คงไว้ซึ่งความสปอร์ตปราดเปรียว ด้วยเส้นคมโค้งที่สร้างสมดุล และการเล่นกับแสงเงาที่ตกกระทบ เพิ่มลูกเล่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED Signature พร้อมด้วย AFS ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ ทำให้ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารอัดแน่นสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift) แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander สร้างอารมณ์สุนทรีย์ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง สะดวกสบายตลอดเส้นทาง ภายในห้องโดยสารที่เงียบ โปร่งสบาย พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ขุมพลัง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร แรง ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Mazda CX-30 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0L 4 สูบ พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 พร้อมระบบ i-STOP ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 165 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันสูงสุดที่ E85 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด Skyactiv-Drive พร้อมระบบ Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 รุ่นล่าสุดของมาสด้ามีการพัฒนาท่อไอดีและรูปทรงของลูกสูบที่เหมาะสม ระบบการฉีดน้ำมัน วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ Mazda CX-30 ยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้าจากการขับขี่ ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการโคลงตัวที่ลดลง
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
Mazda CX-30 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert), ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ Mazda CX-30 ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST PERFORMANCE COMPACT SUV มาครองได้สำเร็จ
BEST PERFORMANCE PICKUP
MAZDA BT-50
หนึ่งในรถปิกอัพที่โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่งและเหนือชั้นด้วยพละกำลัง ในชั่วโมงนี้ต้องยกให้กับ Mazda BT-50 เพราะนอกจากจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวแล้ว ยังสามารถเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตนอกกรอบได้อย่างลงตัว จนทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างเทคะแนนให้แบบหมดหน้าตัก ซึ่งความโดดเด่นจะมีอะไรบ้าง ติดตามได้ใน Car of The Year 2024
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบ
Mazda BT-50 ได้รับการออกแบบให้ใกล้เคียงกับรถเอสยูวีของมาสด้า ผสานกับความทรงพลัง และรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ในสไตล์รถปิกอัพ สะท้อนภาพลักษณ์ของรถปิกอัพให้ตอบรับกับชีวิตทุกด้านของการใช้งานด้วยดีไซน์ภายนอกที่มาพร้อมกระจังหน้า และ Signature Wing ขนาดใหญ่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสําหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature โดดเด่น เรียบหรู เติมความสปอร์ตด้วยราวหลังคาและล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้วภายในใส่ใจในทุกรายละเอียดในสไตล์ SUV ถูกตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เน้นความพรีเมียมด้วยโทนสีดำตัดกับสีน้ำตาลเข้ม พร้อมเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
วางคู่กับชุดมาตรวัดแบบแอนะล็อกระบบอินโฟเทนเมนต์ของ Mazda BT-50 ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว สามารถตั้งค่าการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay / Android Auto รองรับฟังก์ชัน MirrorLink และ Miracast ผ่านระบบ Wi-Fi รวมถึงมีระบบนำทางในตัวที่สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมลำโพงเหนือเพดาน และช่อง USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีระบบกุญแจรีโมทที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศจากภายนอกได้ อีกทั้งยังมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ในระยะ รวมถึงระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ขุมพลังทางเลือก 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร
สำหรับ Mazda BT-50 มีตัวเลือกขุมกำลัง 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ ตามลักษณะการขับขี่ได้ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีดส่วนอีกรุ่นหนึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเช่นกัน ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และชุดแหนบด้านหลังที่ให้ความสามารถในการบรรทุกรับน้ำหนักได้มากขึ้นด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบเบรก ABS / EBD / BA และถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่นย่อย
ขณะที่รุ่น Hi-Racer ขึ้นมา ถูกติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง พร้อมกล้องมองหลัง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความพิเศษของ Mazda BT-50 ที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือรถปิกอัพที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ลงตัวที่สุด
THE MOST VALUABLE SUBCOMPACT SUV
MAZDA CX-3
จากการโหวตให้คะแนนจากคณะกรรมการในกลุ่มรถยนต์ Subcompact SUV ได้ยกให้ Mazda CX-3 เป็นรถที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งในด้านราคา การใช้งาน รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้นกว่ารถในกลุ่มเซ็กเมนต์เดียวกัน ด้วยความโดดเด่นที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ทำให้คณะกรรมการต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “Mazda CX-3 คือรถที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด” จนทำให้คว้ารางวัล THE MOST VALUABLE SUBCOMPACT SUV ในปี 2024 ซึ่งความพิเศษจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบ
Mazda CX-3 รถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่ได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์ในสไตล์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ภายนอก อาทิ กระจังหน้าสีดำทรงสปอร์ต กระจกมองข้างสีดำ ซุ้มล้อสีดำเงาสไตล์ครอสโอเวอร์ และหลังคาสีดำเงา และลงตัวด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้วภายในห้องโดยสารได้จัดวางฟังก์ชันการใช้งานในตำแหน่งศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ขับสนุกเร้าใจ ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า สะดวกสบายกว่า ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตําแหน่ง 2 ตำแหน่ง* พนักพิงเบาะหลังสามารถแยกพับ 60:40 อิสระจากกัน พร้อมพนักวางแขน และที่วางแก้วแบบมีฝาปิดเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด ผ่านระบบ Mazda Connect ที่สามารถใช้งานฟังก์ชันสำคัญ และเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว รองรับด้วยระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger
Skyactiv-G 2.0 ลงตัวทุกสภาพถนน
Mazda CX-3 มาพร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-G
2.0 ขนาด 1,998 ซี.ซี. Dual S-VT Direct Injection กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้า
ภายใต้ Skyactiv-Vehicle Dynamics ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัย i-Activsense มั่นใจทุกการขับขี่
Mazda CX-3 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert), ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ
ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City BrakeSupport) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ยังอัดแน่นอย่างครบครัน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS, สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ Mazda CX-3 ที่คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือรถที่คุ้มค่ามากที่สุด จนสามารถคว้ารางวัล THE MOST VALUABLE SUBCOMPACT SUV ใน Thailand Car of The Year 2024