Mazda CX-30 เพิ่มชื่อต่อท้ายและอุปกรณ์มาตรฐานในอเมริกา
แม้ Mazda จะเพิ่งเปิดตัวขาย CX-30 ในสหรัฐอเมริกาไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ล่าสุดได้มีการอัพเดตให้กับรถเอสยูวีขนาดเล็กรุ่นนี้ของตนสำหรับการทำตลาดในสหรัฐอเมริกา โดยมีทั้งการเพิ่มชื่อต่อท้ายยาวขึ้นรวมทั้งเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน
Mazda CX-30 ที่จะขายในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนนี้จะใช้ชื่อ CX-30 2.5 S โดยมาจากการที่ขุมกำลังที่อยู่ใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร 189 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 252 นิวตัน-เมตร ซึ่งแม้ทางผู้ผลิตจะไม่ได้ระบุถึงเหตุผลในการระบุเครื่องยนต์ในชื่อรุ่น แต่เป็นไปได้ว่าอาจเตรียมการไว้สำหรับสร้างความแตกต่างในเรื่องชื่อกับ CX-30 2.5 เทอร์โบที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 253 แรงม้าในอนาคต หลังจากที่ Mazda 3 ได้ถูกเพิ่มทางเลือกด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบไปก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากการปรับชื่อรุ่นใหม่ สิ่งที่ถูกเพิ่มในรุ่นพื้นฐานของ CX-30 คือ Apple CarPlay และ Android Auto รวมไปถึงชุดไฟ LED, เซ็นเซอร์ระบบปัดน้ำฝน และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายในห้องใช้จอระบบ Infotainment ขนาด 8.8 นิ้ว ในขณะที่เรือนไมล์ดิจิตอลมีขนาด 7 นิ้ว สำหรับระบบช่วยขับซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมีทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติใช้เรดาร์พร้อม Stop and Go, ระบบช่วยเบรก และระบบเตือนผู้ขับ รวมไปถึงมีระบบควบคุมการปรับไฟสูง และระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนพร้อมช่วยให้รถอยู่ในเลน
แต่หากขยับขึ้นจากรุ่นพื้นฐานโดยมาพร้อมกับ Select Package จะเพิ่มกระจกหลัง Privacy Glass และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วที่ภายนอก ในขณะที่ภายในห้องโดยสารใช้พวงมาลัยหุ้มหนัง เบาะหนังเทียม และมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติดูอัลโซน รวมไปถึงเพิ่มความสบายที่เบาะหลังด้วยช่องระบบปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง ที่ท้าวแขนและช่องวางแก้วน้ำที่เบาะหลัง ด้านระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบ Passive Entry ระบบตรวจจับมุมบอด พร้อมเตือนเมื่อมีรถผ่านด้านหลังขณะถอย
ส่วน CX-30 กับ Preferred Package ซึ่งมีราคาแพงขึ้นมาอีกระดับ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมามีเบาะหน้าปรับความอุ่น หลังคามูนรูฟ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมกับปรับหนุนหลังและมีระบบความจำ ในขณะที่ภายนอกถูกเพิ่มความแตกต่างด้วยกระจังหน้าสีดำมัน
ปิดท้ายด้วยเกรดสูงสุดในชื่อ Premium Package มาพร้อมการแสดงข้อมูล Head Up Display, เบาะหนัง, ระบบนนำทาง GPS โดยระบบไฟของรถมีทั้งไฟ LED ซิกเนเจอร์ไลต์ และระบบไฟหน้าอแดปทีฟ ประตูหลังรถควบคุมด้วยไฟฟ้า รวมไปถึงเพิ่มความรื่นรมณ์ขณะเดินทางด้วยระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตัว นอกจากนี้ยังมีเสาอากาศครีบฉลาม รูฟเรล และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพิ่มเข้ามา
Mazda CX-30 ในสหรัฐอเมริกามาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ก็มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมระบบช่วยควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรดเป็นออฟชั่นให้เลือกในทุกเกรดการแต่งโดยการจ่ายเพิ่มอีก 1.400 ดอลลาร์ในทุกเกรด
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th