เดือนต้นมีนาคมที่ผ่านมา Mazda ได้เผยโฉมรถเอสยูวีรุ่นใหม่ CX-60 ที่ยุโรปซึ่งจะมีการใช้เครื่องยนต์เดียวในการทำตลาดคือ e-Skyactic PHEV ซึ่งเป็นระบบปลั๊กอินไฮบริดแรกของ Mazda แต่ก็มีการเปิดเผยว่ารถเอสยูวีรุ่นนี้ที่ทำตลาดถูมิภาคอื่นจะมีเครื่องยนต์อื่นในการทำตลาดด้วย ซึ่งตอนนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองฮิโรชิมาได้เปิดเผยถึงเครื่องยนต์ที่จะประจำการใน CX-60 สำหรับขายในญี่ปุ่นว่าจะเป็นถึง 4 ทางเลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล

เครื่องยนต์แรกที่มีให้เลือกใน Mazda CX-60 สำหรับชาวญี่ปุ่นไม่ต่างกับทางเลือกเดียวในรถเอสยูวีรุ่นนี้ที่ยุโรปคือระบบปลั๊กอินไฮบริด e-Skyactiv PHEV ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์มีกำลัง 189 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 261 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ให้กำลังขับเคลื่อนกำลังรวม 323 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร รวมทั้งใช้แบตเตอรี 17.8 kWh ที่ให้ระยะการเดินทางโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าได้ 60 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP เหมือนกับ CX-60 ในยุโรป

ส่วนทางเลือกเครื่องยนต์อื่นใน CX-60 สำหรับแดนปลาดิบมีเครื่องยนต์ดีเซล e-Skyactiv D พร้อมเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48V ที่ทาง Mazda ระบุว่าเป็นพัฒนาการของการขับขี่ในแบบ Jinba-Ittai พร้อมกับถูกปรับปรุงในเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงซึ่งสามารถรู้สึกได้ทันทีตั้งแต่กดคันเร่ง โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.3 ลิตร 251 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งช่วยเสริมกำลัง 17 แรงม้า และแรงบิด 153 นิวตัน-เมตร

นอกจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและไมลด์ไฮบริดแล้วยังทางเลือกของเครื่องยนต์สันดาปล้วนอย่าง เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.3 ลิตร Skyactiv-D มีกำลังขับเคลื่อน 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร Skyactiv-G 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะไม่สูงมากพร้อมกับการประหยัดเชื้อเพลิง โดยเครื่องยนต์ทั้งหมดใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ในการส่งกำลังสู่ล้อซึ่งจะให้ทั้งความรู้สึกที่ดีในการขับและประหยัดเชื้อเพลิง

Mazda CX-60 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลางพร้อมเบาะ 2 แถวในห้องโดยสารที่ตัวรถมีความยาว 4,740 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,685 มม. ในขณะที่ระยะฐานล้อมีความยาว 2,870 มม. โดยทาง Mazda ระบุว่าเป็นรถรุ่นแรกไลน์อัพผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่เจเนเรชันใหม่ สำหรับการขายในญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 นี้