Mazda MX-30 e-Skyactiv R-EV รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่นำเครื่องยนต์โรตารีกลับมาอีกครั้ง
หลังสิ้นสุด RX-8 เครื่องยนต์โรตารีก็ไม่ได้ถูกใช้ประจำการกับรถยนต์ในสายการผลิตของ Mazda อีกเลยจนกระทั่งล่าสุดที่ถูกนำกลับมาอีกครั้งใน MX-30 e-Skyactiv R-EV รถครอสโอเวอร์ที่เพิ่งถูกเผยโฉมออกมาที่ยุโรปเป็นทางเลือกในแบบปลั๊กอินไฮบริด แต่การมาคราวนี้ของเครื่องยนต์โรตารีไม่ใช่เพื่อสมรรถนะที่สูงแบบในอดีต เพราะมาเพื่อช่วยในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง
Mazda MX-30 e-Skyactiv R-EV มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี 830 ซีซีที่ใช้ระบบไดเร็กอินเจ็กชันแรงดันสูง 11.9:1 มีกำลัง 75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร แต่กำลังจากเครื่องยนต์ไม่ได้ถูกส่งไปที่ล้อของรถ เพราะใช้เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตรเพื่อขับเคลื่อนการเดินทางของรถ โดยทำให้รถใช้เวลา 9.1 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 140 กม./ชม.
Mazda ระบุว่าด้วยการทำงานของระบบปลั๊กอินไฮบริดที่เครื่องยนต์โรตารีใช้น้ำมันเบนซินจากถังน้ำมันความจุ 50 ลิตรซึ่งติดตั้งอยู่ที่เพลาหลังของรถสำหรับสร้างพลังงานไฟฟ้าให้มอเตอร์และแบตเตอรี 17.8 kWh ที่สามารถชาร์จไฟได้ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถจะทำให้เดินทางได้มากกว่า 644 กิโลเมตร ขณะที่การเดินทางโดยใช้พลังงานไฟฟ้าสามารถทำได้ 85 กิโลเมตร ส่วนการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรีทำได้กับทั้งไฟตามบ้านปกติ และชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรงที่ระบบของรถรองรับได้สูงสุด 36 kW ทำให้ใช้เวลา 25 นาทีเมื่อชาร์จไฟแบบเร็ว
MX-30 e-Skyactiv R-EV มี 3 โหมดให้เลือกใช้ในการเดินทางคือ Normal, EV และ Charge ซึ่งสามารถกำหนดพลังงานในแบตเตอรีที่ต้องการเก็บสำรองไว้ใช้ในสถานการที่จำเป็นอย่างพื้นที่ที่ควบคุมมลพิษได้ ซึ่งจะทำให้เมื่อพลังงานในแบตเตอรีลดถึงระดับที่กำหนดเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้แม้จะใช้โหมด Normal รถก็จะพยายามไม่ใช้การทำงานของเครื่องยนต์ยกเว้นเมื่อจำเป็นอย่างเช่นเมื่อต้องการอัตราเร่ง
MX-30 e-Skyactiv R-EV มีความแตกต่างที่ภายนอกของรถจาก MX-30 ที่เป็นรถไฟฟ้าด้วยสัญลักษณ์โรตารีหลังซุ้มล้อหน้า มีป้าย e-Skyactiv R-EV ที่ฝาท้าย และมีลายของล้อแตกต่างจาก MX-30 นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษ MX-30 e-Skyactiv R-EV Edition R ออกมาให้เลือก โดยรถรุ่นพิเศษมาในตัวรถสีดำ Jet Black แต่งด้วยสีแดง Maroon Rouge ที่เสาและขอบหลังคา ส่วนในห้องโดยสารมีสัญลักษณ์โรตารีและชื่อ Edition R ที่พนักพิงศรีษะของเบาะนั่ง มีพรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์โรตารี รวมทั้งเดินด้ายสีขาวที่เบาะ
Mazda จะเริ่มขายที่ยุโรปในช่วงฤดูร้อนปี 2023 นี้ โดยที่สหราชอาณาจักรมีเกรดให้เลือกเหมือนกับรถไฟฟ้า และมีราคาเท่ากันใน 2 เกรดล่างคือ Premium-Line ราคา 31,995 ปอนด์ เกรด Exclusive-Line ราคา 33,095 ปอนด์ ส่วนเกรดสูงสุด Makato รุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะมีราคาสูงกว่ารุ่นไฟฟ้าเล็กน้อย ขณะที่ R-EV Edition R มีราคา 37,950 ปอนด์
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th