Mazda Passion Drive To The New Horizon จากเหนือสุดแผ่นดิน สู่ความศิวิไลซ์ของเมืองท่าอันดับ 2 ในนอร์เวย์
หลังจากคณะคาราวานเปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ มาสด้า ชื่นชมความงดงามของแสงเหนือแสงที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นบนท้องฟ้าแสงสีเขียวที่ทอแสงแต่งแต้มท้องฟ้าให้สวยงามราวกับเทพนิยาย สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้ประเทศที่อยู่ในเส้นวงกลมของ Arctic Circle เป็นที่เรียบร้อยทุกคนทั้งตื่นเต้นและดีใจถ่ายรูปแบบลืมอากาศที่เหน็บหนาวจับขั้วหัวใจก็ถึงเวลาต้องนั่งรถบัสกลับไปที่พัก
เช้าวันรุ่งขึ้น ตามสูตรสำเร็จของการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบคาราวาน 6 7 8 จำไว้ให้แม่นยำ นั้นคือเวลาที่คุณจะต้อง ตื่น อาบน้ำ และออกเดินทาง 8 โมงเช้าก็ได้เวลาโบกมือลาสื่อมวลชนในกลุ่มแรก ที่ขับรถมาสด้า CX-5 สกายแอคทีฟ มาส่งไม้ต่อให้พวกเรา เมื่อรถพร้อมคนพร้อมก็เริ่มออกเดินทางกันเลยโดยเราเดินทางจากเมือง Honningswag เมืองเหนือสุดของนอร์เวย์เมืองเล็กๆที่ยังคงกลิ่นไอวิถีชีวิตแบบสแกนดิเนเวียได้อย่างสมบูรณ์เมืองนี้ตอนรับเราด้วยสายฝนที่โปรยปรายตลอดทั้งวัน
วันนี้เราจะมุ่งหน้าสู่เมือง Altaเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน Alta ก็คือเมืองที่เราลงเครื่อง และนั้นรถบัสต่อนั้นละต้องบอกก่อนเลยว่ารถยนต์ที่มาสด้าให้พวกเราขับในครั้งนี้เป็น มาสด้า CX-5 สกายแอคทีฟ เครื่องยนต์ดีเซล ทั้ง 10 ลำ และเป็นเวอร์ชั่นยุโรปทั้งหมดพวงมาลัยซ้ายจ้า เริ่มแรกมาสด้า ประเทศไทย ตั้งใจนำรถจากประเทศไทยหมดทุกรุ่นส่งขึ้นเรือมารอสื่อมวลชนที่เดนมาร์กแต่เกิดเหตุสุดวิสัยเรือขนส่งมาไม่ทันติดพายุ เลยต้องแก้ปัญหาไปยืมรถจากมาสด้าเดนมาร์กมาใช้เดินทางในทริปนี้แทนซึ่งในเวอร์ชั่นยุโรปแตกต่างกับเวอร์ชั่นไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ระหว่างเส้นทางที่เดินไปที่เมือง Alta ซึ่งจริงๆแล้วเราก็นั่งรถบัสผ่านมาเมื่อวานนั้นละ นอร์เวย์ขึ้นชื่อมากว่าเป็นประเทศที่มีทะเลสาปเยอะที่สุดแต่มันจะเรียกอะไรดีละเพราะไอ้ที่เราเห็นเหมือนทะเลสาบนะมันคือน้ำทะเลทั้งหมดมันก็คือทะเลนั้นเองเราจะเรียกว่าทะเลนะครับ เพราะทะเลสาบมันต้องเป็นน้ำจืดซิผมคิดแบบนั้นนะ
ถนนในนอร์เวย์ขับค่อนข้างยากครับเพราะนอกจากจะขับเลนซ้ายแล้วถนนหนทางที่นี่เล็กมากย้ำเล็กมาก วิ่งสวนกันมีเสียวทุกรอบ แถมไฟถนนอย่าหาซะให้ยากไม่มีจร้าผมคิดว่าที่เค้าสร้างถนนเล็กก็เพราะอย่างแรกเค้าคงจะสร้างให้รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด เพื่อธรรมชาติและยังคงวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไว้แต่อีกอย่างที่ผมคิดคือมันไม่ค่อยมีใครใช้เพราะตั้งแต่วิ่งออกมาจาก Honningswag ยังไม่เห็นรถสวนซักคัน มีแต่รถมาสด้า CX-5 ของพวกเราเท่านั้นเหงามากขอบอกอีกอย่างที่ผมชอบก็คือที่นี่เค้าเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาไปเลย นั้นมันทำให้ธรรมชาติยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ไม่ต้องตัดป่าสร้างถนนเกือบทั้งเขาเหมือบ้านเราแถมวิ่งตรงทะลุไปเลยไม่เสียเวลาวิ่งวนไปมาขับง่ายดีครับสะดวกสบายแนวคิดแบบนี้ดีนะครับผู้ในในบ้านเราหน้าจะจำไปใช้บ้างนะครับ
วิ่งออกมาเกือบ 4 ชั่วโมงฝนตกสลับหยุดบางช่วง ดีหน่อยที่เจ้า CX-5 มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ เช่นกัน ช่วยได้เยอะครับ ขับสบายขึ้นไม่ต้องไปห่วงเปิด-ปิด ไฟหน้า และที่ปัดน้ำฝนระหว่างขับ วิวทิวศัทน์ 2 ข้างทางยังคงวนไปมาขวาภูเขาหินสูงชัน ซ้ายทะเลที่เป็นอ่าวคล้ายทะเลสาบ ถนนเส้นเล็กๆโค้งซ้าย-ขวา สลับกับอุโมงค์ ในใจแอบคิดนี่เราวิ่งวนเป็นวงกลมหรือเปล่านี่ นานๆเห็นรถสวนมาคัน วิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางแม้จะซ้ำๆ แต่ก็ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกอะไรมันก็สวยงามไปหมดเรามีเวลาอยู่บนรถนานเลยนั่งดูว่าไอ้ CX-5 เวอร์ชั่นยุโรปมันต่างจากบ้านเราตรงไหนภายนอกไม่แตกต่างกันเลยครับภายใน และระบบต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นก็ไอ้ระบบที่บ้านเราไม่ได้ใช้นั้นละอย่างเช่น อุ่นเบาะคู่หน้า และหลัง อุ่นพวงมาลัย ผมบอกเลยมาขับรถที่อากาศหนาวขนาดนี้ระบบอุ่นเบาะ และพวงมาลัย จำเป็นมากๆช่วยผู้ขับได้เยอะครับบ้านเราคงไม่ต้องใช้ร้อนขนาดนี้จะมาอุ่นอีกทำไมจอดตากแดดแค่ 1 ชั่วเดียวอุ่นทั้งคันพูดเลยไล่ฝ้ารอบคันอันนี้บ้านเราก็มีแต่ไม่มีตรงกระจกมองข้างยุโรปเค้ามีไล่ฝ้าตรงกระจกมองข้างด้วย
มาสนใจถนนต่อดีกว่าเพราะสิ่งที่ต้องระวังเวลาขับไม่ใช่รถที่วิ่งสวนมาเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องระวังสัตว์ที่วิ่งออกมาจากข้างทางด้วยถ้าเป็นบ้านเราคงจะเป็นสุนัข หรือวัว ควาย แต่ที่นอร์เวย์มันคือกวางเรนเดียร์ที่ยืนกินหญ้าอยู่เป็นฝูงบางตัววิ่งออกมาบนถนนซะงั้นต้องระวังเพราะมันคือเจ้าถิ่นแถวนี้ไม่รู้จะวิ่งออกมาตอนไหนแถมมีเยอะมากทีเดียวครับถ้าถามว่ามันเยอะขนาดไหนเอาเป็นว่าเยอะพอๆกับฝูงวัว ควาย หรือสุนัขที่เดินตามถนนบ้านเรานั้นละ
วันนี้เราเดินทางกันเบาๆ 600 กิโลเมตร คือถ้าใช้ความเร็วได้มันก็คงใช้เวลาไม่นานมากแต่ที่นี่นอร์เวย์จำกัดความเร็วจ้าห้ามวิ่งเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบางช่วงบ้านแหล่งชุมชน หรือ 20-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้คาราวาน Mazda Passion Drive To The New Horizon ของเราต้องใช้เวลามากพอควร
ครึ่งวันผ่านไปเราก็เดินทางมาถึงเมือง Alta เมืองขนาดกลางไม่ใหญ่มาก แต่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวบินต่อมาลง เพื่อนั่งรถต่อไปที่ Honningswag เพื่อที่จะขึ้นไปจุดเหนือสุดของแผ่นดินทางเหนือ North Cape เป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน และแสงเหนือได้ก็ไอ้ที่เราไปดูแสงเหนือกันเมื่อคืนนั้นแหละเราแวะกินข้าวกลางวันที่ใจกลางเมือง Alta พร้อม ถ่ายรูป ช็อปปิ้งจนอิ่มเอม ก็ออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายปลายทางเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของนอร์เวย์ Tromso เรายังคงวิ่งบนถนนที่ลัดเลาะริมทะเลไปเรื่อยๆเริ่มเห็นหมู่บ้านและผู้คนบ้างแล้วเย้ๆ แต่ก็ยังน้อยอยู่ดีขับรถต่อมาอีกพักใหญ่วิว2 ข้างทางยังคงวนไปมาเริ่มชินตาแต่ก็ยังแอบมองน้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขาอยู่เพราะมันสวยงามเหลือเกิน และมีเยอะมากมีเป็นร้อยเลยมั้ง
เข้าเขตเมือง Tromso เมืองต่างๆของประเทศนี้อยู่ในหุบเขาซะส่วนมาก แบบตามหลักหวงจุ้ยเลยหลังเขาหน้าเป็นน้ำ ฝรั่งเค้าจะรู้มั้ยนะ Tromso นั้นได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกโดยมันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ และเป็นอันดับ 2 ของนอร์เวย์ลองจากเมืองหลวง Tromso อยู่ห่างจากเส้นอาร์กติกไปทางเหนือเป็นระยะทาง 350 กิโลเมตร ถือว่าเป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงดงามของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สำคัญทั้ง เเสงเหนือ เเละพระอาทิตย์เที่ยงคืนในดินเเดนเเถบนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในพื้นที่ยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวอย่างมากเลยทีเดียวแต่เรามาพร้อมสายฝนจร้าอากาศปิดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เราโชคดีที่ได้เห็นแสงเหนือไปวันแรกที่มาถึงเรียบร้อยแล้วเลยเสียดายเล็กน้อยเท่านั้นด้วยความที่เมือง Tromso รายล้อมไปด้วยภูเขามากมายทำให้บรรยากาศเหมือนกับภาพเขียน
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่าค่อนข้างเจริญมีตึกสูงให้เห็นมีผับบาร์เพียบน่าอยู่ต่อซะ 2 คืน จะเที่ยวให้ซะใจเลยแต่คิดอีกทีเงินจะพอมั้ยละค่าครองชีพสูงมากที่นี่เพราะในเขตประเทศแถบสแกนติเนเวียนอร์เวย์มีค่าครองชีพสูงสุด คือทุกอย่างแพงนั้นเองซื้ออะไรไม่ลงเลยจะซื้อน้ำเปล่ายังคิดแล้วคิดอีกไปกินน้ำประปาแทนละกัน เพราะน้ำประปาที่นี่สะอาดดื่มได้สบายเรามาถึงโรงแรมก็ดึกแล้วเข้าไปกินข้าวเย็นก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันหิวจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วอาหารมา ปลา!! อีกแล้วจร้ารู้ว่ามีปลาเยอะปลาดีอร่อยแต่กินบ่อยๆมันเบื่อนะตัวเธอ รสชาติอาหารมันออกกลางๆหนักไปทางเลี่ยนๆหน่อยปลาคอดราดด้วยซอสครีมขาวๆรสชาติจืดๆเค็มแต่พวกเราไม่แคร์เพราะเราพกไม้ตายมาด้วยจัดน้ำพริกที่ขนมาด้วยบรรจงเทใส่ลงไปเพิ่มรสชาติแก้เลี่ยนได้ดีครับ ทานข้าวเสร็จก็ดึกและเหนื่อยเกินกว่าจะเดินชมเมืองเพราะเราเดินทางมาถึงเวลา 3 ทุ่มกว่าๆเกือบจะ 4 ทุ่มแล้วแถมเรายังนอนไม่เต็มอิ่มอีกต่างหากผลจากการเดินทางที่ยาวนานเมื่อวันก่อนเอาไว้พรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางตื่นเช้าหน่อยแล้วออกเดินเล่นชมมืองจะดีกว่าสำหรับวันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th