Mazda ไม่หนีเมืองไทย-ประกาศลงทุน 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้าผลิตคอมแพ็กต์เอสยูวี MHEV 1 แสนคัน/ปี
![Mazda MHEV ประเทศไทย](https://www.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2025/02/mazda-to-invest-mhev-5-billion-baht-in-thailand-to-manufacturing-electrified-compact-suv-hub-10-660x400.jpg)
Mazda ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำแดนซามูไร ยืนยันแผนการลงทุน 5,000 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด MHEV ที่โรงงาน ประเทศไทย โดยตั้งเป้าการผลิต 1,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกขายทั่วโลก
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า มาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมคณะ เข้าพบ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พร้อมประกาศแผนลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ตามมาตรการส่งเสริม HEV/MHEV ที่บอร์ดอีวีเห็นชอบ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ B-SUV เพื่อช่วยขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ตั้งเป้าผลิต 100,000 คันต่อปี เพื่อย้ำศักยภาพประเทศไทย ในฐานะผู้นำฐานผลิต และส่งออกยานยนต์แห่งอนาคตทุกเซ็กเมนต์ของภูมิภาค
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ บีโอไอ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 มาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และประกาศแผนขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV แบบ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งเป็นรถยนต์แบบผสมที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ตามแผนงานเบื้องต้น Mazda ตั้งเป้าการผลิต 100,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งการขยายการลงทุนของ Mazda ในครั้งนี้ เป็นผลจากการที่คณะกรรมการนโยบาย ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบ “มาตรการสนับสนุน การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” เมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับการผลิตรถยนต์ Hybrid (HEV) เหลือ 6-9 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์ Mild Hybrid (MHEV) เหลือ 10-12 เปอร์เซ็นต์ มีผลตั้งแต่เริ่มใช้โครงสร้างภาษีใหม่เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2569–2575) ประกอบกับบีโอไอ ได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้สิทธิประโยชน์พิเศษกับผู้ผลิตรถยนต์ทุกประเภทที่มีการนำระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในสายการผลิตด้วย
“การขยายการลงทุนของมาสด้า เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์ประเภท B-SUV ในครั้งนี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกประเภท ให้สามารถเติบโต และเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการรักษ าและพัฒนาต่อยอดกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์แห่งอนาคตของภูมิภาค” นฤตม์ ให้ความเห็น
ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร แสดงความยินดีที่บริษัทมาสด้า มีแนวทางที่จะขยายการลงทุนในไทย โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นและอำนวยความสะดวกผ่านมาตรการต่าง ๆ ซึ่งจะพิจารณาบนพื้นฐานความต้องการจากทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังได้หารือถึงมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตกลุ่มรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งจะช่วยรักษาสมดุลการแข่งขันในช่วงของการเปลี่ยนผ่านให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนทั้งระบบ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทางด้าน มาซาฮิโร โมโร ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มาสด้าในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งนอกจากบริษัทมาสด้า เซลส์ และเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์ม มาสด้า ยังได้มีการลงทุนสร้างฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการก่อตั้งโรงงาน AutoAlliance (AAT) ที่จังหวัดระยอง เมื่อปี 2538 เพื่อผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และได้ก่อตั้งโรงงาน Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ที่จังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2558 เพื่อผลิตเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งทั้ง 2 โรงงานเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์มาสด้า และชิ้นส่วน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก
โมโร ซึ่งมีกำหนดจะเข้าร่วมงานข่าวของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประจำปี 2568 ในช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ภายใต้ธีม ‘The Future, Crafted by the Joy of Driving’ เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์แห่งอนาคตจากมาสด้า เปิดเผยว่า “วันนี้ Mazda ได้ก้าวไปอีกขั้น เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ B-SUV ของมาสด้า ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการช่วยขับเคลื่อน ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะ และความปลอดภัยในระดับมาตรฐานสากล ตั้งเป้าการผลิต 100,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น กลุ่มอาเซียน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก”
มาสด้า ประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก
“โดยการลงทุนนี้จะครอบคลุมทั้งในส่วนของการประกอบรถยนต์ และการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ พร้อมเร่งลงทุนเพื่อให้เริ่มผลิตได้ในปี 2570 รองรับความต้องการรถยนต์พลังงานใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย”
“นี่คือจุดเริ่มต้นของการลงทุนเพิ่มเติมครั้งใหญ่สำหรับประเทศไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของมาสด้า ภายใต้แนวทาง Multi-Solution ซึ่งตอกย้ำถึงพันธกิจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างมาสด้ากับประเทศไทย ที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ และแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย” บิ๊กบอสของผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองฮิโรชิม่า แสดงความมุ่งมั่นเป็นการทิ้งท้าย
ทั้งนี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บอร์ดอีวี ได้เห็นชอบ “มาตรการสนับสนุนรถยนต์ Mild Hybrid (MHEV)” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก โดยได้กำหนดสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการลงทุน ดังนี้
(1) ต้องมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สูงสุดไม่เกิน 120 g/km
– การปล่อย CO2 ไม่เกิน 100 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 10
– การปล่อย CO2 ตั้งแต่ 101–120 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 12
(2) ต้องมีการลงทุนในไทยเพิ่มเติม โดยผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทในเครือ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567–2569 และไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567–2571
(3) ต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตหรือประกอบในประเทศ โดยต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศตั้งแต่ปี 2569 และต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ Traction Motor หรือชิ้นส่วนที่มีลักษณะการทำงานเพื่อเสริมแรงขับเคลื่อน ตั้งแต่ปี 2571 เป็นต้นไป
(4) ต้องมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) อย่างน้อย 4 จาก 6 ระบบ
สำหรับสถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ในปี 2567 มีจำนวน 309 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 102,366 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ทั้ง BEV, HEV และ ICE การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ยางล้อรถยนต์และอากาศยาน แบตเตอรี่ สถานีอัดประจุไฟฟ้าและสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
ติดตามความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Mazda ในการเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 (46th Bangkok International Motor Show 2025) จัดขึ้นที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายน 2568
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Mazda MHEV ประเทศไทย