McLaren Bangkok จัดกิจกรรม ‘The Artura First Track Experience in Thailand’
McLaren Bangkok จัดกิจกรรมสุดพิเศษ ‘The Artura First Track Experience in Thailand’ เพื่อเหล่าแฟนคลับ McLaren
วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัทนิช คาร์ กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่าย แมคลาเรน (McLaren) ซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เชิญสื่อมวลชน และเหล่าแฟนคลับแมคลาเรน เข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ The Artura First Track Experience in Thailand
การเปิดตัว และสัมผัสสมรรถนะแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้พลัง Plug-In Hybrid และเป็นรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในด้วยเครื่อง V6 พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ และร่วมสัมภาษณ์พิเศษตัวแทนผู้บริหาร ณ สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2565
McLaren ได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียกคลาสของรถแต่ละรุ่นใหม่จากเดิมที่จะแบ่งเป็น Sports Series, Super Series และ Ultimate Series มาเป็น Grand Tourer Series (GT), Supercars Series และ Ultimate Series
ขณะที่ Artura เปิดตัวในตลาดโลก เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2021 เป็นการมาแทนที่ McLaren 570S ซึ่งแต่เดิมจะอยู่ในคลาส Sports Series แต่เมื่อเปลี่ยนรุ่นใหม่ก็อัปเกรดภาพลักษณ์ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Supercars Series โดยมีตำแหน่งทางการตลาดสอดแทรกตรงกลางระหว่าง McLaren GT กับ 720S
McLaren Artura นับเป็นรถยนต์คันแรกของค่ายแบบ Series–Production ที่ใช้ขุมพลัง PHEV แบบ High-Performance Hybrid (HPH) และโมเดลแรกที่ใช้ Platform ใหม่ MCLA ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 1,498 กิโลกรัม ส่งผลให้อัตราแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 488 แรงม้าต่อตัน
ไฮไลต์ของ Artura นับเป็น McLaren รุ่นที่ 3 ที่ใช้ขุมพลัง Plug-in Hybrid โดยรุ่นแรกคือ McLaren P1 ตามด้วยรุ่นที่ 2 Speedtail ไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตออกมาแบบจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังเป็น McLaren รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ V6
ติดตั้งเกียร์แบบใหม่ ตัดชุดเฟืองเกียร์ถอยหลัง ใช้มอเตอร์ในการถอยรถแทน ใช้โครงสร้างตัวถังใหม่ McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) 82 กิโลกรัม รวมทั้งช่วงล่างหลังที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M630 V6 สูบ ทำมุม 120 องศา (เป็น V6 Production เครื่องแรกของโลกที่กางขนาดนี้) อัดอากาศด้วยเทอร์โบ Mono-scroll สองตัว วางระหว่างฝาสูบ
ความจุเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร แรงม้าสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 585 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial Flux E-Motor พลัง 95 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร น้ำหนักแค่ 15 กิโลกรัม และแบตเตอรี่ Li-On ความจุไฟฟ้า 7.4kWh น้ำหนักแบตเตอรี่ 78 กิโลกรัม
หากรวมทั้งสองระบบ 680 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตรที่ 2,250 รอบต่อนาที เรดไลน์ที่ 8,500 รอบต่อนาที ค่า CO2 129 กรัม/กิโลเมตร
เกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ SSG-Seamless Shift Gearbox ไม่มีเกียร์ถอยหลัง (ใช้มอเตอร์ในการเลื่อนถอยหลัง) กำลังทั้งหมดถ่ายลงสู่ล้อคู่หลังใช้เฟืองท้าย E-Differential แบบใหม่ที่ไม่เคยติดตั้งในรุ่นใดมาก่อน
McLaren Artura มีอัตราเร่งอยู่ที่ 0-100 กม./ชม. 3.0 วินาที ขณะที่อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. 8.3 วินาที (ช้ากว่า 720S 0.5 วินาที) โดยทำความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า EV อยู่ที่ 130 กม./ชม.
McLaren สร้างเครื่องยนต์ให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เครื่องยนต์ V6 มีความสูงน้อยกว่าเครื่องยนต์ V8 M840 ประมาณ 93 มม. และบล็อกเครื่องยนต์สั้นลงประมาณ 150 มม.
เมื่อรวมกับการตัดชุดเฟืองสำหรับเกียร์ถอยหลัง และโครงสร้างที่น้ำหนักเบา ทำให้ถึงจะต้องแบกแบตเตอรี่สำหรับระบบไฮบริด น้ำหนักรถมากกว่า 720S เพียงแค่ 80 กิโลกรัม
มิติตัวรถ ความยาว 4,539 x กว้าง 1,913 x สูง 1,193 มม., ระยะฐานล้อ 2,640 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,498 กิโลกรัม (มาตรฐาน DIN และรวมเชื้อเพลิง 90 เปอร์เซ็นต์ในถังน้ำมันแล้ว)
ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ โดยคู่หน้าเหมือนรุ่นก่อนคือ Double Wishbone คู่หลังเป็นแบบใหม่คือ Multi-link พร้อมระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัตโนมัติ Proactive Damping Control และโครงสร้างตัวถัง เป็นแบบ McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียม
โครงสร้างส่วนห้องโดยสารมีน้ำหนักเบาเพียง 82 กิโลกรัม ระบบบังคับเลี้ยวเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์กึ่งไฟฟ้า Electro-mechanical Power Steering
ระบบเบรก Carbon Ceramic Discs จานเบรกด้านหน้ามีขนาด 390 มิลลิเมตร มาพร้อมคาลิเปอร์ 6 Pot Monobloc และจานเบรกด้านหลังมีขนาด 380 มิลลิเมตรมาพร้อมกับคาลิเปอร์ 4 Pot, ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบ Infotainment ออกแบบให้หันเข้าหาคนขับ และรองรับ Apple CarPlay
นิช คาร์ กรุ๊ป มุ่งหวังที่จะให้ McLaren Artura เป็นตัวผลักดัน ที่จะสามารถขยายยอดขาย McLaren ในไทยได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่สูงกว่ารถสปอร์ตจากคลาสพรีเมียมเพียงไม่มากนัก เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เคยอุดหนุน Performance Car ในกลุ่มสิบล้านต้นๆ หันมาสนใจ McLaren กันมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ McLaren ในตลาดรถหรูของเมืองไทย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: นิช คาร์ กรุ๊ป
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th