ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาทาง McLaren ได้เผยแพร่ภาพของ GT รถแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นแรกของตนในแบบติดสติกเกอร์พรางรายละเอียดทั้งคันขณะการขับทดสอบระยะทาง 1,600 กิโลเมตรจากศูนย์พัฒนาที่เมืองบาร์เซโลนาในสเปนไปยังศูนย์เทคโนโลยีของ McLaren ใน Working ที่อังกฤษ ล่าสุดทางผู้ผลิตรถซูเปอร์คาร์ในอังกฤษรายนี้ได้เปิดตัว GT ซึ่งเป็นรถแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นแรกของตนออกมาแล้ว โดยเป็นรถใหม่รุ่นที่ 4 ในแผนธุรกิจ Track25 พร้อมกับตั้งราคาไว้ที่ 163,000 ปอนด์ในอังกฤษและจะเริ่มการส่งมอบรถในช่วงปลายปี

ทางผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระบุว่า McLaren GT เป็นการรวมสมรรถนะในระดับรถแข่งเข้ากับประสิทธิภาพในการเดินทางไกลภายใต้ความสวยงามของตัวรถและแสดงถึงปรัชญาของ McLaren ในการออกแบบรถให้มีน้ำหนักเบา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวรถที่มีความยาวจะแสดงรปลักษณ์ภายนอกที่คุ้นเคยของรถจาก McLaren ตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านข้างที่ดูแข็งแกร่งบริเวณซุ้มล้อหลัง และด้านหลัง  โดยความยาว 4.7 เมตรของ GT ซึ่งมากกว่ารุ่นใดๆ ใน Super Series ของ McLaren ทำให้รถมีทั้ง Overhang ทั้งด้านหน้าและหลังที่ยาวกว่า McLaren รุ่นอื่น และเพื่อให้เป็นมิตรกับการเดินทางในทุกสภาพถนนมากขึ้นให้สมกับเป็นรถแกรนด์ทัวเรอร์ GT จึงมีความสูงของใต้ท้องรถจากพื้นถนน 110 มม. โดยมีมุมไต่ 10 องศาที่ด้านหน้า แต่หากใช้ Lift Engaged ซึ่งเป็นการทำงานช่วยเพิ่มความสูงของรถจะทำให้ใต้ท้องรถสูงขึ้นอีก 20 มม. และมีมุมไต้ที่ด้านหน้าเพิ่มเป็น 13 องศา

McLaren GT ถูกพัฒนาขึ้นบนแชสซีส์โมโนค็อก MonoCell II-T โดยเฉพาะ ซึ่งมีโครงสร้างด้านบนเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกับมีการออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์และระบบระบายไอเสียอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำจึงทำให้ด้านหลังรถมีพื้นที่เก็บของได้ 420 ลิตรโดยที่มีความกว้างเพียงพอจะเก็บถุงกอล์ฟได้นอกเหนือไปจากด้านหน้ารถที่มีพื้นเก็บของความจุ 150 ลิตรเพื่อให้ความอเนกประสงค์มากขึ้นในแบบรถแกรนด์ทัวเรอร์

ในส่วนของเครื่องยนต์ของ GT เป็นเครื่อง V8 4,000 ซีซี เทอร์โบคู่ใหม่ที่ให้กำลังสูงสุด 612 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร โดยใช้เกียร์ SSG 7 สปีดส่งกำลัง ซึ่งด้วยน้ำหนัก 1,530 กก.ของรถทำให้มีอัตราส่วน 399 แรงม้าต่อน้ำหนัก 1,000 กก. ด้านอัตราเร่งใช้เวลา 3.2 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และ 9 วินาทีสำหรับการเร่งความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 326 กม./ชม.

McLaren ออกแบบภายในห้องโดยสารเพื่อให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลไม่ว่าจะเป็นเบาะที่ปรับความอุ่นได้ การใช้วัสดุคุณภาพสูง และระบบ Infotainment ใหม่ พร้อมกับใช้ระบบเสียงระดับพรีเมียมและลำโพง 12 ตัวจาก Bowers & Wilkins โดยใช้จอระบบ Infotainment ขนาด 7 นิ้ว ในขณะที่จอ TFT สำหรับแสดงข้อมูลแก่ผู้ขับมีขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนหนังที่ใช้ภายในห้องโดยสารจะเป็นหนัง Nappa เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ก็มีหนังเนื้อละเอียดชนิดอื่น รวมทั้ง Alcantara ให้เลือกด้วย

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th