‘McLaren Track Day 2024’ ครั้งแรกกับการขับ ทดสอบ 750S ซูเปอร์คาร์แห่งยุค
หลังจากจัดงานเปิดตัว McLaren 750S อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว McLaren Bangkok ผู้ถือสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดพิเศษ McLaren Track Day 2024 เพื่อให้สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ มีโอกาส ทดสอบ สัมผัสสมรรถนะของโมเดลล่าสุดในกลุ่มซูเปอร์ซีรีส์ของผู้ผลิตซูเปอร์คาร์-ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ในสนามแข่งพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก McLaren 750S โมเดลที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก 720S ด้วยการวิเคราะห์แบบเจาะลึกในทุกรายละเอียด ก่อนจะยกระดับชิ้นส่วนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งเครื่องยนต์ และการปรับแต่งใหม่ให้ล้ำสมัย มีความทรงพลัง, น้ำหนักเบา และความปราดเปรียวมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มแรงกดเพื่อสมดุลด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่าเดิม มอบสัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรถ
McLaren ฉลองครบรอบ 60 ปีของแบรนด์ เปิดตัว 750S ครั้งแรกในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้ต่อยอดกลายเป็น 750S ที่ก้าวล้ำในด้านการลดทอนน้ำหนักให้มีความเบาเพื่อแหวกแรงต้านอากาศ ด้วยสัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักรถที่ 587 แรงม้า/ตัน เหนือกว่าคู่แข่งถึง 22 แรงม้า (เมื่อเทียบน้ำหนักรถเปล่าของรุ่น Coupe)
ในส่วนของโครงสร้างสร้างหลักแบบโมโนค็อกเสริมด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์อย่างเช่น เบาะนั่งแบบรถแข่ง รวมทั้งติดตั้งล้อน้ำหนักเบาพิเศษ กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ 750S มีน้ำหนักเบากว่า 720S ถึง 30 กิโลกรัม และน้ำหนักรถเปล่าลดลงเหลือ 1,277 กิโลกรัม เบากว่าซูเปอร์คาร์ระดับเดียวกันถึง 193 กิโลกรัม
สำหรับขุมกำลังของ 750S จะเป็นเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบชาร์จ มีกำลังสูงสุด 750 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลังใหม่ สอดประสานการทำงานกับชุดเกียร์ 7 สปีด ใช้เวลาเพียง 2.8 วินาที สร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. และพุ่งทะยานจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาทีเท่านั้น สำหรับรุ่น Coupé และ 7.3 วินาที ในรุ่น Spider โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 332 กม./ชม.
การออกแบบภายในได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดโดยให้ความสำคัญกับคนขับเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ชูนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจอควบคุม Active Dynamic Settings ติดตั้งบริเวณคอพวงมาลัยรถ และสวิตช์แบบคันโยก ทำให้คนขับสามารถปรับโหมดช่วงล่าง และระบบส่งกำลังโดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย
ในรุ่น 750S พวกเขายังภูมิใจนำเสนอ McLaren Control Launcher (MCL) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ McLaren ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโมเดลนี้ โดยจะเป็นออปชั่นที่ทำให้คนขับสามารถบันทึกโหมดการขับที่ชื่นชอบ สร้างประสบการณ์การขับตามความต้องการเฉพาะบุคคลผ่านปุ่ม MCL ทรงเอกลักษณ์รูป Speedmark ซึ่งใช้ควบคุมได้หลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบอากาศพลศาสตร์, การตั้งค่าระบบส่งกำลัง และระบบเกียร์
ไฮไลต์สำคัญใน 750S ยังประกอบด้วยชุดท่อไอเสียด้านท้ายกลางตัวรถที่ได้แรงบันดาลใจจาก McLaren P1 ส่งมอบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เร้าใจ พร้อมการปรับแต่งอะคูสติกให้โทนเสียงแตกต่าง มีความคมชัด และค่อยๆ ดังขึ้นในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น
ระบบช่วงล่างใหม่ล่าสุด PCC III (McLaren’s Proactive Chassis Control Linked-hydraulic Suspension), ชุดสปริงต์ และชุดดูดซับแรงกระแทกแบบน้ำหนักเบาที่ออกแบบใหม่เพื่อความคล่องตัวกว่าในการขับ ชุดพวงมาลัยแบบ Electro-hydraulic ที่มีอัตราทดที่เร็วขึ้นเพื่อการเข้าโค้งที่คมมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกใหม่อัพเกรดมาพร้อมชุดเบรกเซรามิก, ชุดปั๊มสูญญากาศ, บูสเตอร์ชุดใหม่ และชุดโมโนบล็อก แคลิเปอร์ (Monobloc Caliper) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบเบรกของ McLaren Senna เทคโนโลยีระบายความร้อนแคลิเปอร์เบรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งฟอร์มูล่า วัน อีกด้วย
นอกจากนี้ถึงจะเป็นซูเปอร์คาร์ แต่มีการเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่ด้วยการติดตั้งระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ช่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบ USB-C และ USB-A พร้อมหน้าจอแบบใหม่ Central Information Screen รวมทั้งกล้องมองหลัง-กล้องมองรอบคันที่อัพเกรดให้ภาพมีความละเอียดคมชัดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งระบบ Vehicle-Lift ใหม่ล่าสุดสามารถยกด้านหน้าของรถขึ้นใน 4 วินาที เร็วกว่า 720S ประมาณ 6 วินาที
ขณะที่รุ่น Spider จะมีความพิเศษที่หลังคาแบบ Retractable Hard Top (RHT) เปิด-ปิดได้เร็วกว่า 11 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.พร้อม Rollover Protection System และส่วนบนของโครงสร้างด้านหลังเชื่อมกับโครงสร้างโมโนค็อกที่มีคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลัก และด้วยความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้งาน จึงไม่ต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม ทำให้มั่นใจว่า 750S Spider จะสร้างความประทับใจในเรื่องสัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 566 แรงม้า/ตัน และน้ำหนักรถเปล่าเบาสุดที่ 1,326 กิโลกรัม
‘McLaren Track Day 2024’ ถึงเวลาลงสนาม!
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของการทดสอบในสนามพีระ เซอร์กิต ทีมอินสตรักเตอร์ อธิบายรูปแบบการขับขี่ และข้อกำหนดเพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสสมรรถนะของ McLaren 750S อย่างเต็มที่ภายใต้ความปลอดภัย โดยคุณแชมป์-วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัทนิช คาร์ กรุ๊ป ผู้ถือสิทธิ์ตัวแทนจำหน่าย McLaren อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวถึงกิจกรรมครั้งนี้ว่า
“ถือเป็นการต้อนรับ McLaren 750S ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรก และถูกนำออกมาให้สื่อมวลชน รวมถึงแฟนคลับ McLaren ได้ทดลองขับขี่บนสนามแข่งรถ เพื่อสื่อมวลชน และลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ได้รับรู้และสัมผัสกับเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก McLaren 720S โดยเฉพาะสายเพอร์ฟอร์มแมนซ์ได้ดึงเอาสมรรถนะของรถรุ่นนี้ออกมาอย่างเต็มที่”
“สำหรับ McLaren Bangkok เรายังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อเน้นทำตลาดแนวตรงกับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบขับขี่รถหรู และสมรรถนะของรถตามดีเอ็นเอของ McLaren ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เรายังเล็งเห็นโอกาสก็คือกลุ่มลูกค้าที่มีหรือเคยขับซูเปอร์คาร์แบรนด์อื่นมาแล้ว เพราะเชื่อว่าคนที่รัก และชื่นชอบความเร็วพลาดไม่ได้ที่จะเข้ามาสัมผัสกับรถ McLaren แน่นอน”
เกือบจะลืมบอกไปว่าในงาน McLaren Track Day 2024 ครั้งนี้มีการนำ McLaren Artura ซูเปอร์คาร์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 680 แรงม้า มาให้สื่อมวลชนที่ยังไม่มีโอกาสขับได้ทดสอบด้วย สำหรับผู้อ่าน Grand Prix Online สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ตามลิงค์นี่เลย McLaren Bangkok จัดกิจกรรม ‘The Artura First Track Experience in Thailand’
หลังจากสวมหมวกนิรภัยเป็นที่เรียบร้อย ทีมงาน Grand Prix Online เข้าไปอยู่ใน McLaren 750S Coupe สีเทาเข้ม กับอินสตรักเตอร์ที่จะขับให้นั่งก่อน 1 รอบ เพื่อแนะนำสนาม, รูปแบบการขับ, ตำแหน่งการเบรก และสเปกของซูเปอร์คาร์คันนี้ ก่อนจะสลับให้เรามาอยู่หลังพวงมาลัยเพื่อจะได้สัมผัสความเร้าใจอย่างเต็มที่ใน 4 รอบสนามพีระ เซอร์กิต ที่มีระยะทางต่อรอบ 2.41 กิโลเมตร)
ในการขับรอบแรกเรียกว่าเป็นการทำความคุ้นเคยกับรถก่อนจากการที่ McLaren ให้อารมณ์การขับขี่ที่แตกต่างจากคู่แข่งสัญชาติอิตาเลียนมากพอสมควร ทั้งความดุดันที่ถ่ายทอดดีเอ็นเอโดยตรงจากสนามแข่งฟอร์มูล่า วัน และเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้ 750S มีน้ำหนักเพียง 1,277 กิโลกรัม ทำให้การควบคุมง่ายกว่าที่คิดเยอะ
พอเข้าสู่รอบ 2 ในช่วงทางตรงผ่านจุดสตาร์ต เป็นโอกาสให้ทดสอบอัตราเร่งของ 750S เครื่องยนต์ทวิน-เทอร์โบชาร์จ ระเบิดพลัง 750 แรงม้า ออกมาทันที จนความเร็วขึ้นไปแตะ 180 กม./ชม. (ความเร็วสุดท้ายที่เราเหลือบตาไปมองที่หน้าจอ) ก่อนจะเข้าสู่โค้งแรกที่มีการวางกรวยยางบอกตำแหน่งเบรกไว้อยู่แล้ว ทำให้ผ่านไปได้อย่างสบายๆ ด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพของระบบเบรกใหม่ รวมทั้งระบบช่วงล่าง PCC III ถึงจะเป็นสนามแข่งที่ความกว้างของแทร็กไม่มากนัก แต่ก็สามารถขับตามไลน์ที่กำหนดได้ไม่ยากอะไรเลย
หลังจากเข้ามือแล้วต้องบอกว่า 750S เป็นซูเปอร์คาร์ที่ขับสนุก และด้วยการที่มีฝนตกลงมาก่อนหน้าวันจัดงานทำให้พื้นสนามมีเศษดิน ทำให้การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงบางจังหวะจะมีอาการลื่นไถล แต่ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ติดตั้งมาช่วยให้รถกลับมาอยู่ในการควบคุมได้ทันที เรียกว่าไม่เสียชื่อแบรนด์ McLaren ที่เคยครองแชมป์โลกฟอร์มูล่า วัน ประเภททีมผู้สร้าง 8 สมัย และนักแข่งอีก 12 สมัย
สำหรับ McLaren 750S มีให้เลือกทั้งรุ่น Coupe ราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท และ Spider ราคาเริ่มต้น 34.5 ล้านบาท โดยใครที่สนใจซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษแบรนด์ สามารถสอบถามข้อมูลหรือนัดเข้าชมรถคันจริงได้ที่โชว์รูม แมคลาเรน แบงคอก (McLaren Bangkok) ถนนมอเตอร์เวย์ กม.1 รวมทั้งช่องทางออนไลน์ Facebook: https://www.facebook.com/McLarenBKK หรือโทร. 02-321-1111, 081-434-7777
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: McLaren Bangkok
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
McLaren 750S ทดสอบ