Mercedes-AMG แบรนด์รถสมรรถนะสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดงานเปิดตัวออนไลน์ The New C63 S E Performance ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ผสานการทำงานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่สร้างกำลังรวมสูงสุด 680 แรงม้า และแรงบิดที่มหาศาล 1,020 นิวตันเมตร ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรงจากสนามแข่งฟอร์มูล่า วัน เพื่อเป็นการร่วมฉลองประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ 55 ปีของ AMG

เครื่องยนต์ AMG 2.0 ลิตร 4 สูบ ถูกพัฒนาขึ้นที่ฐานบัญชาการใหญ่ในเมืองที่อัฟฟาลเตอร์บาช โดยช่างเทคนิคที่มีประสบการณ์ในการสร้างเครื่องยนต์ตามหลักปรัชญา “One Man, One Engine” หรือ “1 ช่างฝีมือต่อ 1 เครื่องยนต์” พร้อมด้วยการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการผลิต Industry 4.0และระบบดิจิทัลที่ล้ำสมัย

จนกลายเป็นขุมกำลังรหัส M139L (L หมายถึงการติดตั้งเครื่องยนต์ตามแนวยาว Longitudinal) เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จพร้อมเทอร์โบชาร์จระบบเจอร์ไฟฟ้า (Electric Exhaust Gas Turbocharger) ที่จะอยู่ในรถยนต์โปรดักชั่นส์คาร์เป็นครั้งแรกของโลก โดยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานในรถแข่งของ Mercedes-AMG Petronas F1 Team จนทำให้พวกเขาครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟอร์มูล่า วัน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ระบบเทอร์โบชาร์จที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่พร้อมจะส่งกำลังออกมาในทุกรอบเครื่องยนต์ สร้างประสบการณ์ที่เร้าใจในการขับ ด้วยกำลังสูงสุด 476 แรงม้าที่ 6,725 รอบต่อนาที แต่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน (6.9 ลิตร/100 กม. และ CO2 156 กรัม/กม.) โดย C 63 S จะมีขนาดเทอร์โบชาร์จที่ใหญ่ขึ้นหากเทียบกับพี่น้องร่วมรหัส C 43 4MATIC กับ SL 43 ทำให้การดูดอากาศเข้ามาสร้างกำลังทำได้ดีกว่าเดิม

ในส่วนของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าติดตั้งแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่มีกำลังไฟฟ้า 400 โวลต์ เพื่อส่งกำลังสู่มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลัง โดยมีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร พร้อมทั้งช่วยจ่ายไฟฟ้าสู่ระบบปรับอากาศ และชุดไฟส่องสว่างอีกด้วย รวมทั้งสามารถขับด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกล 13 กิโลเมตร

การออกแบบระบบไฟฟ้าของทีมวิศกร AMG ใช้หลักการเดียวกับที่อยู่ในรถแข่งฟอร์มูล่า วัน เช่นกัน โดยจะต้องพร้อมส่งกำลังมหาศาลออกมาในเสี้่ยววินาที พร้อมติดตั้งระบบระบายความร้อนของเซลล์แบตเตอรี่ที่ล้ำสมัยเพื่อรองรับการขับภายใต้ความเร็วสูง

หากรวมกำลังทั้งเครื่องยนต์ และระบบไฟฟ้าเข้าด้วยกัน Mercedes-AMG C 63 S E Performance ที่ใช้ระบบเกียร์ AMG Speedshift MCT 9G จะมีกำลังสูงสุด 680 แรงม้า และแรงบิด 1,020 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.  ในเวลา 3.4 วินาที โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. แต่หากติดตั้งออปชั่นพิเศษจะไปได้ถึง 280 กม./ชม.

นอกจากนี้ New C 63 S E Performance จะมีโหมดการขับขี่ AMG Dynamic Select ให้เลือกถึง 8 รูปแบบไล่ตั้งแต่ Electric, Comfort, Battery Hold, Sport, Sport+, RACE, Slippery และ Individual

จะทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์, จังหวะเปลี่ยนเกียร์, คาแร็กเตอร์ของพวงมาลัย, ระบบช่วงล่าง และเสียงเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน โดยคนขับยังสามารถเลือกแยกเฉพาะน้ำหนักพวงมาลัย และระบบช่วงล่างเหมือน Mercedes-AMG รุ่นอื่นๆ

อีกหนึ่งความพิเศษของโมเดลตัวแรงนี้คือการเปิดตัวพร้อมกันทั้งรุ่นซาลูน 4 ประตู และรุ่นเอสเตท 5 ประตู โดยเป็นครั้งแรกของรหัส C 63 ที่จะติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+

รวมทั้งเพิ่มความเร้าใจด้วย Drift Mode และติดตั้งระบบเพลาหลัง Active Rear Axle Steering เป็นมาตรฐานที่จะไม่มีหากเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกันที่มีอยู่ตอนนี้

แนวทางการออกแบบของ New C 63 S E Performance ใช้พื้นฐานจาก Mercedes-Benz C-Class เจเนอเรชั่นปัจจุบัน (W 206) แต่ทีมงาน AMG มีการปรับเปลี่ยนเพื่อเสริมความดุดันให้ตัวถังตามแบบฉบับของพวกเขา ทำให้สัดส่วนทั้งความยาว, ความกว้าง และฐานล้อเพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารจะติดตั้งเบาะสปอร์ต AMG ที่มีการเดินด้าย และปักลายสัญลักษณ์พิเศษบริเวณพนักผิงศีรษะ โดย Mercedes-AMG จะเปิดให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่นนี้สามารถเลือกวัสดุ และการตบแต่งห้องโดยสารตามสไตล์ที่ชอบได้อีกด้วย

ตอนนี้ Mercedes ยังไม่ได้ระบุวันจำหน่าย และราคาอย่างเป็นทางการของ The New C 63 S E Performance โดยบรรดาสื่อรถยนต์ต่างประเทศเชื่อว่ารถจะพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และคาดว่าราคาของทั้ง 2 ตัวถังจะถูกประกาศออกมาไม่นานก่อนหน้านั้น

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: https://group-media.mercedes-benz.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Mercedes-AMG C63 Performance