Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รถซีดานประกอบไทยที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้
เป็นอีกหนึ่งรถซีดานที่โฉบเฉี่ยวของยุคนี้ ด้วยรูปทรงและดีไซน์ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ต้องยอมรับถึงการผสมผสานที่ลงตัวของความหรูหราและความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ CLS ใหม่ ที่นับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของตระกูล CLS ได้รับความสนใจจากสายตาของคนทั่วโลก ในบ้านเราก็นับเป็นอีกโมเดลที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวมาแบบสดๆ ร้อนๆ ตามติดบ้านเกิดเยอรมันมาอย่างรวดเร็ว กับรหัสร้อน 300d ที่ได้รับการนำเข้ามา (CBU) จำหน่ายในบ้านเรา ภายใต้ราคาเปิดตัว 4,980,000 บาท ก่อนที่จะปรับราคาลงมาสู่ 4,390,000 บาท กับรุ่น CLS 300d ประกอบในประเทศ มาพร้อมกับขุมพลังดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่มีแรงม้าให้เรียกใช้งาน 245 ตัว กับแรงบิดเหลือๆ ในระดับ 500 นิวตันเมตร แต่ถ้านั่นยังธรรมดาไปสำหรับคุณ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) พร้อมขยับดีกรีความร้อนแรงภายใต้รหัสร้อนตัวใหม่ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ที่พร้อมพาคุณสัมผัสประสบการณ์ที่ร้อนแรงของฝูงม้าเยอรมันที่มีมากถึง 435 แรงม้า ส่งผ่านล้อทั้งสี่ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นพิเศษ 4MATIC+ ที่พร้อมพาคุณทะยานสู่ความเร็ว 0-100 ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 4.5 วินาที มาพร้อมด้วยความพิเศษของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการล่าสุดของเวอร์ชันประกอบในประเทศที่ราคาค่าตัวแค่ 5,350,000 บาท เพิ่มเติมขึ้นมาจากรุ่น 300d เพียงแค่ 9.6 แสนเท่านั้น กับความร้อนแรง โฉบเฉี่ยวแบบครบเครื่อง ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่า CLS 53 คันนี้ มีความพิเศษอย่างไรกันบ้าง
เริ่มต้นกันตั้งแต่หน้าตาภายนอก ทางด้านหน้า CLS 53 มีการปรับเพิ่มความโฉบเฉี่ยวขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยก็ได้ความดุ ความโหด ที่สามารถเรียกสายตาคนรอบข้างได้มาก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับกันว่า รูปโฉมของ CLS ใหม่ ในเจเนอเรชันที่ 3 นี้ สามารถสร้างความโฉบเฉี่ยว และความสะดุดตาได้เป็นอย่างมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อถูกแต่งเข้าไปเพียงนิดหน่อย สามารถสร้างความโหดเพิ่มเข้ามาได้ไม่ยากเย็นนัก อย่าง การเพิ่มคิ้วสีดำที่ช่องลมด้านข้างของตัวกันชนหน้า ไปจนถึงกระจังหน้าที่ตัดส่วนที่เป็นโครเมียมออกไป เหลือไว้เพียงตะแกรงสีดำให้ตัดกับเส้นคู่ของตัวกระจังหน้ากับโลโกดาวสามแฉก พร้อมสัญลักษณ์ AMG ที่ช่วยเพิ่มความขลังได้อีกเยอะ ในส่วนด้านข้าง เส้นขอบประตูที่เป็นโครเมียมถูกแทนที่ด้วยสีดำ พร้อมด้วยกระจกมองข้างสีดำ ที่ตัดกันอย่างลงตัวกับสีของตัวรถคันนี้ที่เป็นสีขาว ขับความดุให้มุมมองด้านข้างเพิ่มมากขึ้น ล้อแม็กที่ติดตัวมาใน CLS 53 นั้น สามารถสร้างบุคลิกให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นไม่แพ้ในส่วนอื่นๆ ด้วยชุดล้อขอบ 20 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่ ที่มาพร้อมกับยางที่บางเฉียบ ด้วยยางไซซ์ 245/35R20 ในด้านหน้า และ 275/30R20 ในด้านหลัง มาถึงในส่วนท้ายกันบ้าง งานนี้เพียงแค่เติมสปอยเลอร์ท้ายในรูปแบบที่เราเรียกกันว่าตูดเป็ดเข้าไป นอกจากจะช่วยสร้างแรงกดให้กับตัวรถทางด้านท้ายในยามที่ใช้ความเร็วได้ดีแล้ว ยังช่วยเติมความสปอร์ตของมุมมองด้านท้ายได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ CLS 53 ยังมาพร้อมด้วยชุดท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่ให้สุ้มเสียงที่หวานเสนาะหูในทุกๆ ครั้งที่กดคันเร่ง โดยเฉพาะในโหมด SPORT+ ที่เสียงท่อจะคำรามตั้งแต่เดินเบา ซึ่งท่อไอเสียแบบสปอร์ตชุดนี้ยังมาพร้อมกับชุดปลายท่อดีไซน์ใหม่แบบกลมคู่สี่ท่อ แยกเป็นข้างซ้าย 2 ท่อ และขวา 2 ท่อ ซึ่งแตกต่างจากเวอร์ชัน 300d ที่เป็นปลายเหลี่ยมซ้ายขวาอย่างเห็นได้ชัด
ภายในห้องโดยสารของ CLS นั้น นับว่าสปอร์ตและมีความสวยงามอยู่แล้ว ตั้งแต่แผงคอนโซลที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความโฉบเฉี่ยว โดยเฉพาะช่องแอร์ดีไซน์ใหม่ เสมือนหนึ่งวงล้อแม็กที่ให้ความสวยสะดุดตามาก ในเวอร์ชัน CLS 53 มาพร้อมด้วยการตกแต่งคอนโซลเพิ่มขึ้น กับชุด AMG carbon-fibre centre console พร้อมด้วยการเดินด้ายแดงตัดกับตัวหนังสีดำของเบาะหน้าหลังและแผงประตูภายใน พวงมาลัยของ CLS 53 เพิ่มความสปอร์ตขึ้นด้วยพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตของ AMG ที่มีขนาดวงที่พอเหมาะ มาพร้อมด้วยการตัดเย็บด้วยด้ายสีแดงได้อย่างลงตัว จะมีอยู่นิดที่ขอติสักหน่อย กับการใช้วัสดุเงาสีดำที่ตัววงพวงมาลัยทั้งด้านบนและด้านล่างที่ให้มานั้น ถ้าเป็นหนังกลับแบบเวอร์ชันนอก น่าจะช่วยให้การจับถนัดและกระชับมือขึ้นกว่านี้ นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารของ CLS ใหม่ ยังมาพร้อมกับ Ambient lighting ที่สามารถปรับไฟได้มากถึง 64 เฉดสี เพิ่มเติมอารมณ์ในยามค่ำคืนได้มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของมาตรวัดแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ ที่สามารถเลือกปรับโหมดการแสดงได้ถึง 3 แบบที่คุ้นเคยกันมาบ้างแล้วใน E และ CLS รุ่นธรรมดา พอมาเป็น CLS 53 ในเวอร์ชันนี้ ก็เพิ่มชุดวัดของ AMG ที่สามารถเรียกดูแรงบูสต์ของเทอร์โบ ไปจนถึงอุณหภูมิน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ได้ที่จอออนบอร์ดกึ่งกลางมาตรวัด หรือจะเลือกเป็นระบบจับเวลาต่อรอบที่มีพร้อมมากับโหมดของ AMG ที่สามารถเรียกดูผ่านการแสดงผลบนกระจกหน้าได้ด้วยในโหมดนี้
เครื่อง 6 สูบ แถวเรียง บล็อกใหม่ ที่พกพาฝูงม้ามาด้วย 435 ตัว
ตัวเลขรหัส 53 ถูกเปิดตัวขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของทั้ง E และ CLS ที่นับได้ว่าเป็นเจเนอเรชันใหม่ของเครื่องยนต์ AMG ที่ได้รับการพัฒนาเข้ามาแทนที่ขุมพลังแบบวี 6 สูบ ที่เราคุ้นเคย มาสู่บล็อกเครื่องล่าสุดของตระกูลเครื่องเบนซินแบบ 6 สูบ แถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบ Bi-turbo ให้พละกำลังแรงม้าที่มากถึง 435 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 520 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้งานกันตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเพียงแค่ 1,800 รอบ/นาที อีกทั้งเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด EQ Boost ที่ได้รับการพัฒนาชุดมอเตอร์ไฟฟ้าตัวใหม่ ให้มาคอยทำหน้าที่เติมเต็มอัตราเร่งของเครื่องยนต์ที่ว่าดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ในยามที่เรากดคันเร่งลงไป โดยกำลังทั้งหมดจะถูกส่งไปยังชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G แบบ 9 จังหวะ ให้การทำงานที่รวดเร็วทันใจ ก่อนจะส่งต่อไปยังล้อทั้งสี่ผ่านระบบการจายแรง 4MATIC+ ที่ได้รับการปรับแต่งมาให้การกระจายกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสมตามสภาพถนน ไปจนถึงสไตล์การขับขี่ ด้วยหลากหลายเทคโนโลยีที่ได้รับการบรรจุเข้ามาใน CLS 53 คันนี้ จึงเป็นที่มาของอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงแค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น และที่นอกเหนือจากสมรรถนะที่โดดเด่นแล้ว CLS 53 คันนี้ยังสามารถให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ในระดับที่น่าพอใจสำหรับการขับขี่ในเมืองแบบทั่วๆ ไป ที่สามารถทำตัวเลขได้มากถึง 9.68 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างแบบถุงลม AIR suspension ที่ได้รับการพัฒนาโดย AMG ช่วยเพิ่มความลงตัวในการใช้งานได้มากขึ้น ให้ทั้งความนุ่มนวลในโหมด Comfort ไปจนถึงความรู้สึกมั่นใจในการยึดเกาะถนนในยามที่ต้องการเรียกใช้สมรรถนะ ก็เพียงแค่ปรับสู่โหมด Sport หรือ Sport+ เท่านั้น อีกทั้งในการใช้งานในชีวิตประจำวันที่เราอาจจะรู้สึกว่า CLS 53 นั้น ค่อนข้างต้องระวังในการจอดอยู่บ้าง จากระยะความสูงของปลายสปอยเลอร์หน้าที่สูสีกับบรรดาแท่งปูนกันชนล้อตามที่จอดรถ งานนี้ด้วยจุดเด่นของการเป็นช่วงล่างแบบถุงลม จึงสามารถปรับระดับความสูงของตัวรถได้ อย่างกรณีอยู่ที่ความสูงมาตรฐาน หากเราต้องขึ้นเนินชันหรือเข้าจอดในบริเวณที่มีที่กันล้อที่ดูสูง ก็เพียงกดสวิตช์ยกช่วงล่างให้ตัวรถสูงขึ้นที่อยู่มุมคอนโซลหน้าด้านขวามือ ระบบก็จะทำการเพิ่มความสูงให้อย่างรวดเร็ว โดยปรับสูงขึ้นประมาณ 2 ซม.
นอกเหนือจากเรื่องของสมรรถนะที่มาแบบจัดเต็มแล้ว สำหรับ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ คันนี้ ในเรื่องของเทคโนโลยีและเรื่องของความปลอดภัยก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการบรรจุมาเต็มที่เหมือนกัน อย่าง เทคโนโลยี MULTIBEAM LED ของชุดไฟหน้าที่ทำหน้าที่ในการควบคุมชุดหลอด LED ที่มีมากถึง 84 หลอด ให้สามารถปรับความสว่างได้อย่างอิสระ ตามที่เซ็นเซอร์สามารถตรวจจับได้ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ Intelligent Light System และ Active Light System ที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานไปจนถึงตัวโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย พร้อมเสริมด้วยระบบ Cornering Light ที่ช่วยเสริมความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ไปจนถึงระบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ที่สามารถควบคุมการทำงานของไฟสูงให้ไม่ไปรบกวนรถอื่นที่สวนทางมา นอกจากในความสามารถที่ฉลาดของระบบไฟแล้ว ในเรื่องของระบบ Active Distance Assist DISTRONIC หรือระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าที่มีติดตั้งมา ก็ช่วยเสริมความปลอดภัยได้มาก โดยระบบจะใช้สัญญาณเรดาร์จากตัวส่งสัญญาณที่ติดตั้งมาที่บริเวณกันชนหน้า เพื่อคำนวณหาระยะห่างที่เหมาะสมตามความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเร็วของรถลงโดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างให้เหมาะสมตามที่ผู้ขับได้ตั้งเอาไว้ นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในอีกหลากหลายระบบที่มีอยู่ใน Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ คันนี้
Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ นับเป็นอีกหนึ่งรถสมรรถนะสูงตระกูลใหม่ที่ทาง AMG แนะนำเข้าสู่ตลาด นับเป็นการเพิ่มทางเลือกและเสริมทัพรถในตระกูล AMG ให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่มากขึ้น สามารถเป็นเจ้าของรถในตระกูล AMG ได้ง่ายขึ้น ไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้ที่กลุ่มคนที่มีกำลังทรัพย์สูงๆ เหมือนในยุคก่อน งานนี้อาจจะถึงขนาดที่ทำให้เพื่อนร่วมชาติที่เป็นคู่แข่งกันมานานต้องปรับกลยุทธ์ใหม่กันหรือไม่ คงต้องมาติดตามดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ งานนี้เราคงจะได้เห็นและได้ยินเสียงท่อหวานๆ หูของเหล่า AMG บนท้องถนนบ้านเรากันมากขึ้นเป็นแน่
เรื่อง : กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th