Mercedes-AMG G 63 Grand Edition ขาย 23,400,000 บาท
Mercedes-AMG G 63 Grand Edition ยนตรกรรมสุดคลาสสิคในรูปแบบเอสยูวีขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดุดันในสไตล์ G-Class มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ “Grand Edition” ที่มีจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลกเท่านั้น ขาย 23,400,000 บาท!!!! ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน 67 ที่ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
Mercedes-AMG G 63 Grand Edition ดีไซน์ภายนอก
โดดเด่นด้วยสีตัวถังพิเศษ สีดำ MANUFAKTUR Night Black Magno ตกแต่งเพิ่มเติมบริเวณกันชนหน้าและหลังด้วยสีทอง และตราดาวที่กระจังหน้า เสริมความลักชัวรี่ด้วยโลโก้ดาวสามแฉกที่ฝาครอบยางอะไหล่ ลวดลายกราฟิกสีทอง Kalaharigold รวมถึงโลโก้ AMG และ Mercedes บริเวณรอบคันรถ ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว สีทอง Tech Gold พร้อมฝาครอบดุมล้อสีดำด้านและตราดาวสามแฉกสีทองด้านในที่ตัดด้วยคาร์ลิปเปอร์สีแดงจาก AMG
และเมื่อเข้ามายังภายในรถยนต์ ยังคงความลักชัวรี่ด้วยการตกแต่งที่เน้นสีดำและสีทองเป็นหลัก รังสรรค์ด้วยวัสดุโครเมียมแบบด้าน และตกแต่งด้วย ทริมลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ที่ผสานเส้นใยสีทองแดง มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีดำ MANUFAKTUR black Nappa เดินตะเข็บด้ายสีทองรอบตัวเบาะ ทั้งยังมีการติดตั้งเทคโนโลยี ระบบความบันเทิง และระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้เดินทางด้วยความประทับใจในทุกโมเมนต์
ทรงพลังด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินรหัส M177 V8 สูบ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบ Direct-Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 3,500 รอบต่อนาที
ติดตั้งเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG PERFORMANCE 4MATIC all-wheel drive ที่ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นสุดยอดยนตรกรรมสำหรับการตะลุยเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างไร้ที่ติ
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส
เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค จี-คลาส
และแบรนด์สมาร์ท โดยมีแบรนด์ Mercedes me ที่นำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2565 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 415,300 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป
การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม
เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม