คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธกันไม่ได้อย่างถึงกระแสความนิยมที่มีต่อรถในกลุ่ม SUV ที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน จากความอเนกประสงค์ในการใช้งาน สามารถตอบโจทย์ในการเดินทางบนเส้นทางที่หลากหลาย ไปจนถึงทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ล้วนแล้วแต่ช่วยเพิ่มความนิยมให้มีมากขึ้นในรถกลุ่มนี้ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในบ้านเรา แต่เพิ่มขึ้นไปทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากการพัฒนารถในกลุ่มนี้ให้มีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนดูเหมือนว่าจะมาแทนที่รถเก๋งซีดานทั่วๆ ไปกันเลยทีเดียว อย่างพระเอกของเราในฉบับนี้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทายาทที่ได้รับการพัฒนามาสู่อีกเจนฯหนึ่งของรถแบบ SUV ที่มีการผสมผสานข้อดีต่างๆ ของรถ SUV เข้ากับรถสปอร์ตที่มีรูปทรงโฉบเฉี่ยวเร้าใจมากขึ้น บวกกับความไม่ธรรมดาที่เหนือกว่ารถเบนซ์ทั่วๆ ไปเข้าไปอีกขั้น เพราะนี่คือน้องเล็กในตระกูล GLC Coupe ภายใต้เบรนด์ AMG อันมีนามเต็มๆ ว่า Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ได้รับการเปิดตัวในบ้านเราเป็นช่วงเวลาเกือบๆ 1 ปีที่ได้รับการบรรจุให้เป็นโมเดลล่าสุด ได้รับการประกอบในบ้านเราเป็นโมเดลที่สองต่อจาก C 43 นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของการถือกำเนิดนอกบ้านที่เยอรมันของตระกูล AMG ด้วยมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของโรงงานประกอบรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในบ้านเรานั้น ทำให้ทางบริษัทแม่ที่เยอรมันนั้นมีแผนที่จะขยายการผลิตรถในตระกูล AMG ตามมาอีกหลายรุ่น อย่าง CLS 53 ที่ได้รับการเปิดตัวเวอร์ชันประกอบในบ้านเราไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งข้อดีของการเป็นรถที่ประกอบในบ้านเราที่สำคัญเลย เห็นจะไม่ใช่เรื่องใด นั่นก็คือ ทำให้ระดับราคาจำหน่ายนั้นมีราคาที่ถูกลงมาก เพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของสายเลือดที่ร้อนแรงอย่าง AMG ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการบำรุงรักษาที่ง่ายขึ้น จากตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งให้พร้อมสำหรับการดูแลรถในเบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ที่มีถึง 11 แห่งทั่วประเทศ

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเวอร์ชันปกติ ภายใต้การดูแลของ AMG ที่ชำนาญในด้านการพัฒนาเพิ่มเติมสมรรถนะ และความโฉบเฉี่ยวให้กับพี่น้องในตระกูลเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาแล้วหลายต่อหลายรุ่น GLC Coupe นั้น มีจำหน่ายในบ้านเราภายใต้เบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อยู่ด้วยกัน 1 โมเดล ในรุ่น GLC 250 4MATIC Coupe AMG Plus (ไม่นับรวมกับ GLC รุ่นปกติ ที่ไม่ใช่ Coupe ที่มีจำหน่ายอยู่อีก 2 รุ่น) ซึ่งในเวอร์ชันปกตินี้ยังได้รับการตกแต่งมาด้วยชุดแต่งของ AMG รอบคัน ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระเอกของเรา Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe คันนี้ในหลายๆ ส่วน มาพร้อมราคาจำหน่ายของเวอร์ชัน GLC 250 ที่ตั้งเอาไว้ที่ 4,060,000 บาท ซึ่งมีราคาค่าตัวที่สูงกว่าเวอร์ชันธรรมดาที่ไม่ใช่ Coupe อยู่เพียงแค่ 370,000 บาท ที่ยกเรื่องของราคามาแนะนำกันนี้ ก็เพราะว่าสิ่งที่ได้บอกไปในช่วงต้นแล้วว่า Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe เวอร์ชันประกอบในบ้านเราคันนี้นั้นมีราคาที่เป็นเจ้าของกันง่ายขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อมีการประกอบขึ้นจำหน่ายในไทยนั้น ทำให้ราคาจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ 4,690,000 บาท เท่านั้น ขยับตัวแพงกว่าเวอร์ชันดีเซลเพียงแค่ 6.3 แสนบาทเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้มานั้น ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังกว่า 367 แรงม้า กับอัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียงแค่ 4.9 วินาที ไปจนถึงความหล่อแบบเต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ AMG ล้วนแล้วแต่เย้ายวนใจเป็นอย่างมาก

0-100 ในเวลา 4.9 วิ. นี่คือสมรรถนะของรถแบบ SUV คันนี้

แม้ว่าขุมพลังในการขับเคลื่อนของเจ้า GLC 43 จะหาใช่เครื่องยนต์ที่ทรงพลังอย่างเครื่องวี8 ขนาด 4.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ ที่ประจำการอยู่ในพี่ใหญ่ของรุ่น อย่าง Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ ที่มีแรงม้าฝูงใหญ่ในระดับ 510 ตัว กับอัตราเร่ง 0-100 ในระดับที่รถซูเปอร์คาร์จะต้องขนลุกจากตัวเลข 3.8 วินาที ก็ตามที แต่นี่คือน้องเล็กที่ทรงพลังเครื่องหนึ่งที่ AMG ได้รังสรรค์พัฒนาขึ้นมา ภายใต้พื้นฐานของเครื่องยนต์แบบวี6 ที่มีความจุของเครื่องยนต์ในพิกัด 3.0 ลิตร ถูกเบ่งพลังจากชุดเทอร์โบคู่ (Bi-Turbo) และอินเตอร์คูลเลอร์ใบใหญ่ จนสามารถสร้างพละกำลังออกมาได้มากถึง 367 แรงม้า จากเครื่องยนต์แค่ 3,000 ซี.ซี. และเมื่อนำมาทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด 9G-TRONIC ลูกใหม่นี้ ก่อนที่จะส่งต่อไปยังชุดขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC ที่ทำหน้าที่กระจายแรงขับเคลื่อนระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ด้วยอัตราส่วน 31:69 ช่วยให้ล้อทั้งสี่สามารถถ่ายทอดสมรรถนะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อันเป็นที่มาของอัตราเร่ง 0-100 ในระดับ 4.9 วินาที ก่อนที่จะพาตัวถังที่หนักกว่า 2 ตันให้สามารถแหวกว่ายอากาศสู่ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ตามที่ถูกจำกัดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ จนคุณอาจจะลืมไปได้ว่า ตอนนี้กำลังสมรรถนะ ความรู้สึกสปอร์ตอยู่บนรถแบบ SUV คันโตอย่าง GLC

AMG RIDE CONTROL sports suspension

ระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมระบบรองรับแบบถุงลมที่สามารถเลือกปรับความนุ่มนวล และการตอบสนองการทำงานได้ถึง 3 รูปแบบ ตั้งแต่ในแบบ Comfort ที่ให้ความสบายในการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองบนการขับขี่แบบทั่วๆ ไป ให้ทั้งความนุ่มในยามที่ผ่านรอยต่อถนน ไปจนถึงความมั่นใจในยามที่ใช้ความเร็ว ถัดมาเมื่อต้องการตอบโจทย์ของความสปอร์ตกับโหมด Sport ที่มีการปรับอรรถรสความรู้สึกของช่วงล่างให้เน้นความแน่นเฟิร์มมากขึ้น แต่จากการทดสอบขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น จากความหนึบแน่นของโหมด Comfort ที่ถูก AMG เซตมาให้นั้น นับได้ว่าเพียงพอแล้วในการใช้งาน จนแทบจะไม่ต้องปรับเข้าสู่โหมด Sport กันเลยในชีวิตประจำวัน  มาถึงโหมดที่ 3 โหมดที่พร้อมตอบสนองต่อการขับขี่แบบเต็มพิกัดในโหมด Sport+ ช่วงล่างแบบถุงลมจะถูกปรับตัวให้พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่เน้นความเป็นสปอร์ตแบบเต็มที่ ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับชุดล้อติดรถที่มีขนาดใหญ่ถึงขอบ 21 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางไซซ์ 255 ซีรีส์ 40 และ 285 ซีรีสื 35 ในล้อหน้าและหลังด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่า โหมดนี้คงจะต้องมองหาถนนที่เนี้ยบๆ แบบสนามแข่ง เพื่อจะปลดปล่อยความมันส์และความเร้าใจในแบบที่รถ SUV ทั่วๆ ไปอาจจะไม่ได้นึกถึงรูปแบบการใช้งานในสไตล์นี้กันมากนัก

Sport SUV ที่พร้อมจะตอบสนองต่อการใช้งานในทุกๆ วัน

ถึงแม้บุคลิกของ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe จะดูออกไปในแนวรถสปอร์ต แต่ในด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น GLC 43 ถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับและตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลงตัว ทั้งระบบกล้องรอบคันที่แสดงผลแบบ 360 องศา ช่วยให้การใช้งานในเมืองที่วุ่นวายเป็นเรื่องที่คล่องตัวขึ้น อีกทั้งในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำได้ในระดับ 7.14 กม./ลิตร นับได้ว่าพอรับได้เมื่อเทียบกับพละกำลังกว่า 367 แรงม้า ที่พร้อมให้เรียกใช้ได้อย่างทันท่วงที ไหนจะเสียงท่อไอเสียที่หวานเพราะเสนาะหู เย้ายวนใจให้อยากที่จะกระแทกคันเร่งเพื่อปลดปล่อยสมรรถนะกันอยู่ตลอกเวลาตั้งแต่วินาทีแรกที่เครื่องยนต์คำรามขึ้น ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของการเดินทางนอกเมืองนั้น ตัวเลขที่ทำได้นับได้ว่าดีเกินคาด จากการเดินทางที่ใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่แถวๆ 100-120 กม./ชม.นั้น ตัวเลขที่ทำได้ในระดับ 10.42 กม./ลิตร อันเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมากเมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะและน้ำหนักตัวที่ปาเข้าไปกว่า 2 ตันของ GLC 43 คันนี้ ส่วนหนึ่งของความประหยัดที่ทำได้ดีในการเดินทางนั้น น่าจะมาจากการเลือกใช้เกียร์ที่มีอัตราทดถึง 9 สปีดลูกนี้ เพราะในตำแหน่งเกียร์ 9 ที่แถบจะไม่ยอมปรับขึ้นสู่เกียร์สูงสุดในจังหวะเกียร์เก้าเลย ถ้าความเร็วยังไม่ขยับเกิน 100 แต่เมื่อเข้าสู่อัตราทดของเกียร์สูงสุดนี่เอง รอบเครื่องที่ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องที่ใช้จะต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที เรียกกันได้ว่าแทบจะเหมือนกับให้เครื่องเดินเบากันไปในความเร็วเดินทางระดับนี้ ถึงแม้จะลองขยับความเร็วขึ้นเป็นสัก 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์นั้นก็จะขยับขึ้นมาอีกแค่เพียง 300 รอบ เป็น 1,900 รอบ/นาที เท่านั้น นับเป็นรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำในการทำงาน แต่พร้อมที่จะตอบสนองต่ออัตราเร่งได้ในทันทีโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์กันเลยในการขับขี่ทั่วๆ ไป ขอเพียงเติมน้ำหนักคันเร่ง กำลังของเครื่องยนต์ที่มีก็พร้อมจะขยับความเร็วให้ได้อย่างไม่ยากเย็น นับเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่ทรงพลังเครื่องหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้ผลิตขึ้นมา

ความเร็วเดินทางที่เกียร์สูงสุด

ความเร็ว (กม./ชม.)  รอบ (รอบ/นาที)

ข้อมูลทางเทคนิค

เรื่อง: กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์ ภาพ ภูดิท แซ่ซื้อ

GRAND PRIX MAGAZINE ISSUE 591 MARCH

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th