Mercedes เลิกผลิต Mercedes-AMG GT ทั้งคูเป้และเปิดประทุน
คนที่วางแผนจะซื้อ Mercedes-AMG GT ไม่ว่าจะตัวถังคูเป้หรือเปิดประทุนตอนนี้อาจช้าไปแล้ว เพราะทางค่ายดาวสามแฉกได้ยุติการผลิตรถสปอร์ตรุ่นนี้ที่ถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ 2014 เพื่อแทนที่รุ่น SLS AMG เรียบร้อยแล้วหลังจากอยู่ในตลาดมานาน 8 ปี
ทาง Philipp Schiemer ซีอีโอของ Mercedes-AMG ได้ยืนยันในระหว่างการให้สัมภาษณ์ถึงการเลิกผลิต Mercedes-AMG GT รถสปอร์ต 2 ที่นั่งซึ่งเป็นรถคันที่สองที่ถูกพัฒนาขึ้นมาทั้งหมดโดย AMG โดยที่ผ่านมาหลังเปิดตัวในปี 2014 ที่งานปารีสมอเตอร์โชว์แล้วเริ่มขายในเดือนมีนาคมปีต่อมา รถสปอร์ตรุ่นนี้ของ Mercedes ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จไว้ในพื้นที่ว่างของกระกระบอกสูบเพื่อลดเทอร์โบแล็กเคยรับหน้าที่เป็นทั้งรถเซฟตี้คาร์ในการแข่งขันฟอร์มูลาวันและยังเคยครองตำแหน่งรถในสายการผลิตที่มีความเร็วที่สุดในสนาม Nurburgring ก่อนจะถูก Porsche 911 GT2 RS MR ทำลายสถิติในเวลาต่อมา
Mercedes-AMG GT เริ่มทำตลาดในปี 2015 ด้วยรุ่น GT และ GT S โดยทั้ง 2 รุ่นมีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบเหมือนกัน แต่รุ่น GT มีกำลัง 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 3.8 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และมีความเร็วสูงสุด 307 กม./ชม. ส่วน GT S เป็นทางเลือกที่มีกำลังมากกว่าด้วยกำลัง 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 3.5 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม.
ต่อมาในปี 2017 ทางค่ายดาวสามแฉกก็เปิดตัว Mercedes-AMG GT Roadster ออกมาเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชอบรถสมรรถนะสูงในแบบเปิดหลังคา และเมื่อถึงปี 2021 ก็มี Mercedes-AMG GT Black Series ออกมาซึ่งมาพร้อมกับการปรับตั้งเครื่องยนต์จนมีกำลัง 730 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 3.2 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้ 325 กม./ชม. ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดของ Mercedes-AMG GT สำหรับใช้งานบนถนนสาธารณะ
ทาง Schiemer ซีอีโอของ Mercedes-AMG ได้บอกถึงรถสปอร์ตที่เพิ่งยุติการผลิตไปว่า “ผมคิดว่า GT ประสบความสำเร็จ จึงทำให้ง่ายที่เราจะทำรุ่นที่มาสืบทอดความสำเร็จนี้” แต่อย่างไรก็ตามรถที่จะมาสืบทอดความสำเร็จของ Mercedes-AMG GT อาจไม่ได้มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์ V8 เพราะทางผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีได้ทำให้เห็นแล้วว่าด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบปลั๊กอินไฮบริดก็สามารถมีความแรงในระดับ 680 แรงม้าได้กับ Mercedes-AMG C63 S E-Performance
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th