ในโอกาส AMG มีอายุ 55 ปีทาง Mercedes-Benz ได้ทำแพกเก็จแต่งในชื่อ  Edition 55 ออกมาสำหรับรถหลายรุ่นของตน แต่กับรถสมรรถนะสูงขุมกำลังไฮบริด Mercedes-AMG GT 63 S E Performance แตกต่างออกไปเพราะกับการแต่งในชื่อ F1 Edition เพื่อแสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างรถสมรรถนะสูงใช้งานบนถนนสาธารณะกับเทคโนโลยีที่มาจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน

ความพิเศษของ Mercedes-AMG GT 63 S E Performance กับแพกเก็จ F1 Edition เริ่มตั้งแต่สีเทา Alpine Gray ภายนอกรถที่มาจาก Exclusive Manufaktur พร้อมมีแถบ AMG ด้านข้างรถที่ไล่สีจากเทาไปจนถึงสีดำและล้อฟอร์จลาย 5 ก้านคู่ขนาด 21 นิ้วสีดำด้านเพิ่มความเด่นด้านข้างรถ นอกจากนี้รถยังมาพร้อมกับแพกเก็จ AMG Aerodynamic เป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งทำให้มีทั้งสปอยเลอร์หลังและ Diffuser สีดำเงาติดมาที่ด้านหลังของรถ ในขณะที่ด้านหน้ามี Splitter ขนาดใหญ่และ Air Deflector สีดำเงาที่ช่องดักอากาศและหน้าซุ้มล้อหน้า

AMG GT 63 S E Performance พร้อมแพกเก็จ F1 Edition ยังจัดเต็มในการแต่งเพิ่มความสปอร์ต ด้วยการมาพร้อมแพกเก็จแต่งอื่นของค่ายดาวสามแฉกทั้ง AMG Night และ AMG Night II เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย ซึ่งจะทำให้รถใช้วัสดุสีดำเงาแต่งในส่วนต่างๆ มีปลายท่อไอเสียแบล็กโครม และติดฟิล์มดำที่กระจก รวมไปถึงมีกระจังหน้าสีดำและป้ายต่างๆ ด้านหลังรถเป็นแบล็กโครม แถมด้วยฝาปิดที่เติมน้ำมันโครเมียมพร้อมตัวหนังสือ AMG นอกจากนี้ทาง Mercedes-Benz ยังเพิ่มความเด่นให้กับรถด้วยเส้นสีแดงตัดกับสีดำทั้งที่ Splitter หน้า สเกิร์ตข้าง Diffuser หลัง และล้อ

ทาง Mercedes-Benz ไม่มีภาพภายในห้องโดยสารของรถมาให้ดู แต่ก็บอกว่ามีเบาะ AMG Performance หนัง Nappa สีดำเดินด้ายสีแดงพร้อมเข็มขัดนิรภัยสีแดง แต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ในห้องโดยสาร และมีครอบบันได AMG พร้อมไฟสว่างสีแดง รวมไปถึงมีพรมปูพื้นเฉพาะรุ่น และป้ายระบุรุ่นพิเศษ

แน่นอนว่าแพกเก็จแต่ง F1 Edition ไม่ได้รวมไปถึงส่วนของระบบขับเคลื่อนจึงทำให้ยังคงเป็นเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งที่ด้านหลัง และแบตเตอรี 6.1 kWh ที่ให้กำลังขับเคลื่อน 843 แรงม้า แรงบิดสูงสุดกว่า 1,400 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 2.9 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 316 กม./ชม. เหมือนรถมาตรฐาน ส่วนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มจากราคาปกติสำหรับแพกเก็จ F11 Edition อยู่ที่ 23,800 ยูโร