เบนซ์ เปิดตัว New A-Class เจาะกลุ่ม Young-Gen ตั้งราคา 2.49 ล้านบาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังก์เจเนอเรชัน เปิดตัว New Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชั่น 4 ในราคา 2,490,000 ล้านบาท มาพร้อมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่เร้าใจของขุมกำลังเบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร ยกระดับความสะดวกสบายด้วยระบบมัลติมีเดีย MBUX และระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด
Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ (New Design Body Language) เหมาะกับผู้ขับขี่ที่ต้องการเติมความโฉบเฉี่ยวให้กับชีวิตในเมืองใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า นับเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีแรงม้ามากที่สุดในโลกหากเทียบกับรถยนต์ที่ขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620 รอบ/นาที มีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 119.0-124.0 กรัม/กม. และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ย 5.2 ลิตร/100 กม. เท่านั้น
ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยึดถือมาตลอด โดยจะเน้นความเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส [expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรง และน่าดึงดูดใจ ด้วยโครงสร้างภายนอกแบบ AMG ที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว
ด้านหน้าของตัวรถดูมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำและทอดตัวยาวมีฝากระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับ เส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความเพรียวบาง และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง
โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหารบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ครั้งแรกจากการเปิดตัว Mercedes-Benz A-Class ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อปีพ.ศ. 2540 นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่รถยนต์ตระกูล A-Class ได้รับการพัฒนาสมรรถนะในด้านต่างๆ รวมถึงการปรับรูปแบบดีไซน์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ตระกูล A-Class ได้รับการตอบรับที่ดีจากสาวกดาวสามแฉกจากทั่วโลก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”
“โดยในปีที่ผ่านมารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ถูกจำหน่ายทั่วโลกทุกๆ 4 คันจะเป็นรถยนต์คอมแพ็คคาร์หนึ่งคัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมี่ยมคอมแพ็คคาร์คือ การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ในรถยนต์ ตลอดจนความสามารถในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมในด้านสมรรถนะที่ดีเยี่ยม และมอบความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้อย่างเหนือระดับ”
“ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นในการสานต่อความสำเร็จของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ The new Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 ในรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เจาะกลุ่มเป้าหมายยังก์เจเนอเรชัน เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ปัจจุบันบริษัทฯ นำเสนอใน 5 รุ่นย่อยได้แก่ CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic (Night Edition), CLA 250 AMG Dynamic (WhiteArt Edition), GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic โดย Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเร้าใจทั้งดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูลเอ-คลาสอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูปราดเปรียว ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เครื่องยนต์ที่ทันสมัยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ชื่นชอบดิจิทัล ไลฟ์สไตล์ และให้ความสำคัญกับการสร้างบาลานซ์ให้กับการใช้ชีวิต”
ดีไซน์ภายใน ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัย สไตล์สปอร์ตแบบ AMG และกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด โดยจะมีพื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลังมีขนาดกว้าง 950 มิลลิเมตร และมีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อกถึงขอบล่างของกระจกหลังถึง 462 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ออกได้อย่างสะดวก
พวงมาลัยของรถยนต์รุ่นนี้ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง Nappa เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO/DINAMICA Microfibre ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับจะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 รูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดมีความล้ำสมัยด้วยฝาครอบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้าผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกัน และมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วนคือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำหน้าจอระบบสัมผัสมาใช้ในรถยนต์คอมแพ็คคาร์ โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุม และออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ส่วนช่องลมของเครื่องปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยใช้กังหัน (Turbine) เป็นต้นแบบ ซึ่งถือเป็นจุดเด่น ช่วยขับเน้นลักษณะสปอร์ต อีกอย่างหนึ่งของรถยนต์รุ่นนี้
นอกจากนั้นส่วนล่างของคอนโซลกลางยังได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายปีกที่ดูแบนราบ และไร้รอยต่อจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งของห้องโดยสาร โดยมีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า ที่ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์นี้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษได้อีก 10 สีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เป็นรถยนต์รุ่นที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จึงมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นก่อนหน้ามากมาย เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยสามารถ ลดความเสียหายหรือป้องกันการพุ่งชนกับรถยนต์ข้างหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอ หรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน
อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในตระกูลคอมแพ็คคาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มาพร้อมกับระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking Package with Reversing Camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้นอีกด้วย เทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ คือบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยจะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์
โรลันด์ กล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้รถยนต์ A-Class 4 ประตูนี้ ยังมาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดอย่าง MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย และสามารถจดจำลักษณะการใช้งานของผู้เป็นเจ้าของได้ โดยรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ระบบ MBUX จะทำงานร่วมกับบริการ Mercedes me connect ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นไปอย่างสะดวก และง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งยังมีความสามารถใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นการจากทำงานร่วมกันของสองระบบนี้อีกมากมาย เช่น การสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการสั่งการด้วยภาษาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ (Natural Speech Recognition) ทำให้ระบบเข้าใจภาษาอังกฤษในหลายสำเนียงได้ เพียงแค่พูดคำว่า ‘Hey, Mercedes’ เพื่อเริ่มต้นการทำงานช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมาธิกับการขับรถได้มากขึ้นระหว่างการสั่งการระบบ เป็นต้น”
ผลลัพธ์ที่ได้คือมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ
- Mercedes-Benz Emergency Call System ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
- Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุดหรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้
- Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นฯให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
- Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
- Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว
สำหรับระบบ MBUX นั้น เป็นระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุด คือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (หน้าจอส่วนอินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง ระบบนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้ MBUX เป็นระบบมัลติมีเดียที่สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะ การใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของรถได้ ซึ่งเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
- Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- Personal Profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
- Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
สำหรับผู้ที่สนใจ The New Mercedes-Benz A-Class สามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศหรือในงาน “เมอร์เซเดส-เบนซ์ สตาร์เฟส” ที่จะเคลื่อนคาราวานไปทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2562 นี้
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]