Mercedes-Benz E-Class Estate: อเนกประสงค์ & ล้ำสมัยในคันเดียวกัน
ในบรรดารถยนต์ Mercedes-Benz ที่ขายในประเทศไทย E-Class นับเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีตัวเลือกหลากหลายรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคโซเชียลมีเดียมากที่สุด…
ก่อนหน้าเทรนด์ความนิยมของรถ SUV จะเกิดขึ้น หากใครต้องการรถที่มีความอเนกประสงค์ในการใช้งานก็ต้องเลือกซื้อรุ่น Estate หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Station Wagon โดย Mercedes-Benz เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตรถยนต์สไตล์นี้ ถึงระยะหลังพวกเขาจะโฟกัสที่เซกเม้นต์ SUV มากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เคยทิ้งโมเดลที่สร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์มายาวนานหลายทศวรรษ โดยเฉพาะ E-Class Estate
Mercedes-Benz E-Class Estate ไม่เพียงจะได้รับอิทธิพลการดีไซน์จากรุ่น Saloon ที่มีความทันสมัยในแบบของรถยนต์สำหรับนักธุรกิจ แต่ผสมผสานการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ด้านท้ายเพื่อรองรับสัมภาระ และเพิ่มเส้นสายบนหลังคาที่ให้อารมณ์โฉบเฉี่ยวแบบ Coupe รักษาเอกลักษณ์ความสง่างามของแบรนด์ที่สืบทอดมายาวนานได้อย่างครบถ้วน
ความอเนกประสงค์ในการใช้งานของ E-Class Estate ที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกคือพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรองรับได้ตั้งแต่ 640-1,820 ลิตร ขึ้นอยู่กับการปรับเบาะนั่งแถวสองที่สามารถพับแบบ 40:20:40 ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่กดปุ่มที่อยู่บริเวณท้ายรถ และหากต้องเดินทางไกลทั้งครอบครัวเต็มทุกที่นั่ง การปรับเบาะแถวสองให้ชันขึ้นแค่ 10 องศา จะเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีก 30 ลิตร
อีกความสะดวกสบายที่น่าจะเรียกว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์ระดับนี้ไปแล้วก็คือ Hands Free Access ถูกติดตั้งมาใน E-Class Estate ตามคาด น่าจะถูกใจคุณผู้หญิงเป็นพิเศษในเวลาต้องหอบหิ้วถุงชอปปิ้งเพียงลำพัง แค่พกกุญแจรถติดตัว และสอดเท้าเข้าไปบริเวณใต้กันชนหลัง ประตูท้ายจะเปิดออกมาโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้เก็บของได้แบบสวยๆ
แต่จุดอ่อนเดียวของรถ Estate ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในบ้านเราอย่างที่ควรเป็น มาจากพื้นที่ใส่ของด้านหลังที่เชื่อมต่อทั้งรถ สวนทางกับนิสัยของคนไทยที่ชอบซื้อของกินกลับบ้าน และไม่อยากให้มีกลิ่นอาหารติดค้างอยู่ในรถเป็นวันๆ การเตรียมกล่องบรรจุอาหารเอาไว้เป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ E-Class Estate มีการติดตั้งแผ่นปิดด้านท้ายที่ดึงกลับ-เลื่อนขึ้นอัตโนมัติมาช่วยอีกชั้น แต่อย่างที่รู้กันดีว่าความเผ็ดร้อนของอาหารไทยหลายๆ ประเภท คงเก็บกลิ่นได้ไม่สนิทเท่ากับที่ใส่ของท้ายของรถ Sedan ที่แยกส่วนอย่างเด็ดขาด
ในส่วนของความรู้สึกในการขับ ภายนอก Estate อาจดูใหญ่กว่ารุ่น Saloon แต่ความจริงตัวถังรถยาวกว่าแค่ 10 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 7 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้เรื่องความคล่องตัวแทบไม่แตกต่างกัน ถึงจะมีแค่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร เป็นตัวเลือกเดียว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเทคโนโลยีดีเซลของ Mercedes มีความล้ำสมัยขนาดไหน
การเดินทางราว 160 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ย 45-60 กม./ชม. ในช่วงสุดสัปดาห์ต้นเดือนที่การจราจรหนาแน่นทั่วทุกมุมเมืองของกรุงเทพมหานคร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ปรากฏบนหน้าจอแสดงข้อมูลที่ 6.8 ลิตร/100 กม. หรือปรับเป็นค่าเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยก็จะประมาณ 14.71 กม./ลิตร จัดว่าใกล้เคียงกับตัวเลข 21.7 กม./ลิตรที่เป็นการทดสอบในสภาวะรวมที่ระบุบนอีโคสติกเกอร์ของรถยนต์รุ่นนี้
ในต่างประเทศ E-Class เจนเนอเรชั่นนี้เหมือนเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ของการเดินทางในอนาคตสำหรับ Mercedes-Benz ด้วยการเพิ่มระบบตรวจจับเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในระดับ Semi-autonomous Driving หรือขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ แต่การที่ระบบพื้นฐานของบ้านเรายังไม่พร้อมทำให้ New E-Class ทั้งรุ่น Saloon และ Estate จะมีเพียงระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ที่คุณเพียงแค่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวจนกระทั่งเจอช่องจอดที่เหมาะสม จากนั้นปล่อยให้ระบบควบคุมถอยรถเข้าซองหรือจอดแบบด้านข้าง
แต่หากใครไม่คุ้นเคยกับระบบที่ทันสมัย และอยากควบคุมรถด้วยตัวเอง E-Class Estate ติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยในการนำเข้าจอด (Parktronic) ที่สามารถเรียกดูมุมกล้องได้ 5 ตำแหน่งครอบคลุมรอบคัน รวมทั้งการจำลองภาพมุมสูงแบบเบิร์ดอายวิว ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะชนสิ่งกีดขวางที่อยู่ในมุมอับ จนไปถึงการก้าวลงจากรถด้วยความปลอดภัย
ระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนรองรับทั้งตระกูล iOS และ Android แต่เท่าที่ได้ลองใช้กับ iPhone เรียกใช้งานการโทรเข้า-ออก, ส่งข้อความ และเปิดเพลงได้เหมือนปกติ แต่อย่างที่รู้กันว่าแอพลิเคชั่นสำคัญอย่าง Google Maps ยังไม่เปิดให้ใช้บริการในแถบอาเซียน แต่หากใครเสียบสายเชื่อมต่อ Apple CarPlay กดให้นำทางสู่จุดหมายที่เลือก จะมีเสียงแจ้งบอกการเลี้ยวหรือระยะทางที่จะถึงผ่านลำโพงรถเป็นระยะๆ เหมือนที่เคยลองมาในรถแบรนด์อื่น
ข้อดีอีกอย่างของระบบ Apple CarPlay ที่มีอยู่ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ คงเป็นการขึ้นข้อความแจ้งเตือนตำแหน่งสุดท้ายที่คุณดับเครื่องยนต์จอดรถพร้อมระยะห่างจากที่คุณอยู่ด้วยการใช้โลเคชั่นจากแอพลิเคชั่น Maps ของ Apple คงจะพอช่วยเหลือบางคนที่ชอบหลงลืมที่จอดรถเวลาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าได้ดี
นอกเหนือจากนี้เป็นลูกเล่นที่เพิ่มอารมณ์ความหรูหราอย่างการปรับเปลี่ยนแสงไฟล้อมรอบห้องโดยสารได้มากถึง 64 โทนสี, หลังคาแบบพาราโนมิกซันรูฟ และระบบเครื่องเสียง Burmester รวมทั้งแพ็คเก็ตเสริมเบาะนั่ง Active Multicontour พร้อมฟังก์ชันการนวด Energizing ช่วยกระตุ้น และผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหลัง
กราฟฟิก 3D ของระบบนำทางใน E-Class เจนเนอเรชั่นนี้ ช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้น
เรียกว่าถึงจะเป็นรุ่นที่แตกย่อยออกมาจาก Saloon ที่เป็นโมเดลหลักในการสร้างยอดขาย แต่ New Mercedes-Benz E-Class Estate มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และออปชั่นเสริมในระดับเดียวกัน เพิ่มเติมที่ความอเนกประสงค์ในการใช้งานของคนหนุ่มสาวที่เริ่มต้นชีวิตครอบครัว
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล ภาพ: พิศวัส พงศ์พุฒิโสภณ
ขอบคุณข้อมูล: Mercedes Benz (Thailand)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th