Mercedes-Benz G-Class Stronger Than Time Edition บ่งบอกความแข็งแกร่งเหนือเวลา 40 ปี
เป็นเวลา 40 ปีมาแล้วที่ผู้ผลิตรถหรูอย่าง Mercedes-Benz มีทางเลือกสำหรับการเดินทางบนเส้นทางทุรกันดารในแบบหรูด้วย G-Class รถเอสยูวีทรงกล่องที่มีเอกลักษณ์ และเพื่อแสดงถึงความยาวนานในการลุยเส้นทางออฟโรดของ G-Class ถึง 40 ปีทางค่ายดาว 3 แฉกจึงส่งรุ่นพิเศษ Stronger Than Time Edition ออกมาในโอกาสพิเศษนี้ โดยมี 3 ทางเลือกของเครื่องยนต์
เพื่อทำ G-Class รุ่นพิเศษ Stronger Than Time Edition ทาง Mercedes-Benz ใส่แพ็กเกจสำหรับการแต่งมาอย่างเต็มที่ทั้งภายนอกและภายใน โดยเริ่มตั้งแต่แพ็กเกจชุดแต่ง AMG Line ซึ่งทำให้ G-Class รุ่นพิเศษมาพร้อมกับกันชนที่สปอร์ตขึ้นกว่าปกติ ซุ้มล้อใหม่ และระบบท่อไอเสียสปอร์ตจากรุ่น G500 รวมไปถึงใช้ล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมกับคาลิเปอร์เบรกที่มีสัญลักษณ์ Mercedes-Benz นอกจากนี้เพื่อเปลี่ยนสไตล์ภายนอกของเอสยูวีทรงกล่องให้พิเศษขึ้น จึงมีการใช้แพ็กเกจสเตนเลสสตีลซึ่งมีทั้งบันไดข้าง ฐานประตู และที่ครอบยางอะไหล่ด้านหลัง และปิดท้ายด้วยการเสริมความเข้มจาก Night Package ที่มีทั้งชุดไฟรมดำ กระจกหลังเข้ม และชุดแต่งภายนอกสีเข้มขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้ความแตกต่างจากรุ่นปกติ เพราะ G-Class รุ่นพิเศษมาพร้อมป้าย Stronger Than Time รวมทั้งโปรเจ็กเตอร์ฉายชื่อรุ่นที่พื้นเมื่อเปิดประตู
ภายในห้องโดยสารตามลักษณะของเอสยูวีจากค่ายดาว 3 แฉกที่แม้จะพร้อมลุยแต่ก็มาคู่กับความหรูโดย G-Class Stronger Than Time ถูกเพิ่มความหรูยิ่งขึ้นด้วยการใช้หนัง Nappa สีดำพร้อมเส้นตะเข็บสีทองและใช้ไม้ Ash Wood ในการแต่งรวมไปถึงยังใช้หนังกับส่วนที่จับข้างประตูและป้ายระบุรุ่นพิเศษแต่หากต้องการความพิเศษเพิ่มขึ้นภายในห้องโดยสารก็มีแพ็กเกจ Exclusive Interior Plus แบบทูโทนมาให้เลือกโดยจะเป็นการใช้หนังสีเบจและสีฟ้า Yacht Blue พร้อมไม้ Sen Wood แต่งหรือหนังสีเบจ Macchiato และสีแดง Louge Red พร้อมไม้สีดำ Black Piano โดยไม่ว่าจะเป็นเลือกการแต่งภายในแบบใดอุปกรณ์มาตรฐานภายในห้องโดยสารจะมีทั้งไฟ Ambient Lighting, เบาะปรับได้หลายทิศทางและระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester รวมไปถึงหลังคากระจกซันรูฟนอกจากนี้รถยังมาพร้อมกับระบบช่วงล่างแบบอแดปทีฟและระบบช่วยผู้ขับ Driver Assistance Package
Mercedes-Benz G-Class Stronger Than Time Edition มีให้เลือก 3 รุ่นเครื่องยนต์คือ G 400 d ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 330 แรงม้าแรงบิด 700 นิวตัน-เมตร, G 500 กับเครื่องยนต์เบนซิน V8 4,000 ซีซี 422 แรงม้าแรงบิด 610 นิวตัน-เมตรและแรงสุดกับ Mercedes-AMG G 63 กับเครื่องยนต์ V8 4,000 ซีซีเทอร์โบคู่ 585 แรงม้าแรงบิด 850 นิวตัน-เมตรพร้อมกับใช้เกียร์ AMG Speedshift 9 สปีดส่งกำลังซึ่งในรุ่น AMG G 63 จะมีการเปลี่ยนอุปกรณ์มาตรฐานในบางจุดอย่างกระจังหน้าปลายท่อไอเสียใช้ล้อขนาด 22 นิ้วรวมทั้งมี AMG Driver’s Package
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th