MERCEDES BENZ GLA 200 URBAN รถเบนซ์ป้ายแดงราคามิตรภาพ
ถ้าพูดถึงรถเบนซ์ หรือ MERCEDES BENZ แบรนด์รถหรูจากเยอรมันที่หลายคนฝันถึงว่าสักวันเราจะต้องมีรถเบนซ์มาขับให้ได้ แต่ด้วยราคาที่สูงจึงทำให้หลายคนได้แต่ฝัน แต่ถ้ามีรถเบนซ์ในราคาพอๆกันกับรถซีดานขนาดใหญ่แบรนด์จากญี่ปุ่นละคุณว่าจะเป็นอย่างไร มันดีมากใช่มั้ย มันมีอยู่จริงครับรถเบนซ์ป้ายแดงที่ราคาสูสีกับรถญี่ปุ่นนั้นก็คือ MERCEDES BENZ GLA 200 URBAN เรามารู้จักกับเจ้าคันนี้กัน
MERCEDES BENZ GLA 200 URBAN เปิดตัวมาด้วยราคา 2,175,000 ต่อมา Mercedes-Benz ประเทศไทยได้นำเจ้า GLA 200 URBAN มาผลิตในประเทศไทยโดยมีการ Facelift แปลงโฉมแต่งหน้าทาปากใหม่พร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 1,999,000 บาท พร้อมมีโปรโมชั่นส่วนลดจากโชว์รูมอีกสูงสุดประมาณแสนกว่าบาท ลองคิดเล่นๆนะครับส่วนลด 1แสน ราคาก็จะเหลือ 1,899,000 บาท ซึ่งราคานี้มันจะไปสูสีกับรถรุ่นท็อปซีดานขนาดใหญ่จากค่ายญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า คัมรี ฮอนด้า แอคคอร์ด และนิสสัน เทียน่า
All new Toyota Camry 5HV Premium | ราคา 1,799,000 บาท |
All new Honda Accord HYBRID TECH | ราคา 1,799,000 บาท |
All New Nissan Teana 2.5XV Navi | ราคา 1,674,000 บาท |
ซึ่งถ้าดูจากราคาแบบไม่มีส่วนลดราคาของ MERCEDES BENZ GLA 200 URBANจะห่างจากรถซีดานขนาดใหญ่แบรนด์ญี่ปุ่นอยู่ที่ 2 แสนบาท แน่นอนครับมันเทียบกันไม่ได้ทั้งเซ็กเม้นท์รถ รูปทรงรถ และแบรนด์ บทความนี้เราดูราคาเป็นหลัก เราลองคิดกันเล่นๆว่าถ้าเรามีงบประมาณในการซื้อรถยนต์ประมาณ 1 ล้านปลายๆแบบนี้ เราจะเลือกอะไร ถ้าคุณเลือกรถญี่ปุ่น แน่นอนสิ่งที่คุณจะได้คือ ราคาที่ถูกกว่า เทคโนโลยี ราคาค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงที่ถูกกว่า เครื่องยนต์ไฮบริด ประหยัดกว่านิดหน่อย และขนาดรถที่ใหญ่กว่า
แต่ถ้าคุณเลือก MERCEDES BENZ GLA 200 URBANอย่างแรกที่คุณจะได้เต็มๆนั้นคือแบรนด์หรู อย่างน้อยก็ได้ขึ้นชื่อว่าขับเบนซ์ ภาพลักษณ์ เวลาไปไหนมาไหนแน่นอนคุณจะได้รับการบริการและการต้อนรับที่ดีกว่า(ผมพูดเรื่องจริงอย่าดราม่านะครับ เพราะเราต้องยอมรับกันก่อนว่าในสังคมเมืองไทย ส่วนมากจะเป็นแบบวัตถุนิยม ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ส่วนมากที่มองไปที่วัตถุก่อน หรือใครจะเถียง ) ทรงรถที่เป็น SUV พร้อมลุยได้มากกว่า
ทั้งหมดนี้ก็แล้วแต่มุมมองของใครของมัน ขึ้นอยู่ว่ารถยนต์แบบไหนที่ตอบโจทย์ชีวิตของคุณมากที่สุด แต่วันนี้เรามารู้จัก MERCEDES BENZ GLA 200 URBANให้มากขึ้นดีกว่า
MERCEDES BENZ GLA 200 URBANที่ประกอบในประเทศไทยเป็นตัวFacelift แปลงโฉมแต่งหน้าทาปากใหม่ เพราะฉะนั้นคุณจะได้ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าดีไซน์ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกของ GLA 200 Urban ประกอบด้วย ไฟหน้า LED High Performance ที่ส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, ระบบไฟสูง Adaptive Highbeam Assist, กระจกมองหลังและกระจกมองข้างปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง,ไฟท้ายแบบ LED ,ราวหลังคาอลูมิเนียม,ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียมท่อคู่ และล้ออัลลอย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Run Flat Tyres ขนาด 235/50 R18
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO ปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมหน่วยความจำ ,เบาะนั่งด้านหลังปรับองศาได้ และพับแยกได้ 60 :40 ,พวงมาลัย Multifunction พร้อม Paddle Shift ,ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button, เครื่องเสียง MB Audio 20 พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto , ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting แบบ 12 สี
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M270 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.6 ลิตร 1,595 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า ผมบอกเลยว่ามันไม่ได้ขี้เหร่เลยนะครับ ขับสนุกใช้ได้เลยทีเดียว การออกตัวทำได้ดี การเร่งแซงสบายหายห่วง ขึ้น-ลง เขาสบายไร้กังวล เกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT ทำหน้าที่ได้ดีนุ่มนวลและลื่นไหลต่อเนื่อง ระบบช่วงล่างอันนี้ชอบเลยเพราะมันมีความนุ่มนวล และยังดูดซับแรสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนที่เป็ยหลุมบ่อได้ดี การเค้าโค้งด้วยความเร็วตัวรถยังคงนิ่งไม่มีอาการโคลงให้ได้สัมผัส เบาะคู่หน้านั่งสบายกระชับตัว น่าเสียดายไม่มีแอร์ออโตมาให้ ตัวรถสีดำภายในสีเบจทำให้รถดูสว่างขึ้นแต่มันก็เลอะง่ายเช่นกัน เบาะหลังยังคงนั่งสบายไม่เมื้อยล้ายังมีพื้นที่เหลือไม่เล็กจนเกินไป
นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยก็มาเต็มๆเช่นกันไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภ้ยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ,ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ,ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง ,กล้องมองภาพขณะถอยจอด ,โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR ,ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ,ระบบเบรก Adaptive พร้อมฟังก์ชั่น HOLD ,ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist ,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist ,ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light ,ระบบรักษาระดับความเร็ว Cruise Control ,ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic ,ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST service ,ระบบเตือนแรงดันลมยาง ,ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th