Mercedes-Benz GLB ความหรูและอเนกประสงค์ในขนาดคอมแพกต์
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Mercedes-Benz ได้เปิดตัว Concept GLB ซึ่งเป็นรถเอสยูวีรุ่นแทรกกลางระหว่าง GLA และ GLC ออกมาในรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากทั้ง 2 รุ่นโดยเน้นดีไซน์บนตัวรถที่มีความเหลี่ยมทั้งตัวรถและไฟหน้า พร้อมกับระบุว่าเป็นรถที่ให้ทั้งคุณสมบัติของรถเอสยูวีและความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่มากกว่า GLA ผู้ที่ต้องการรถเอสยูวีที่มีความอเนกประสงค์ในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ พร้อมความหรูรวมทั้งถูกใจกับดีไซน์เหลี่ยมของ Concept GLB ไม่ต้องรอนาน เพราะทางค่ายดาว 3 แฉกได้เปิดตัว GLB รุ่นสำหรับจำหน่ายออกมาแล้ว
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นความเป็นสี่เหลี่ยมที่โค้งมนทั้งรูปทรงของรถรวมทั้งไฟหน้าเพื่อแสดงความแข็งแกร่งในแบบรถเอสยูวีที่ไม่ต่างกับตอนเป็นรถคอนเซ็ปต์ซึ่งถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนแล้ว Mercedes-Benz GLB ยังคงมีมิติตัวรถด้วยความยาว 4,634 มม. กว้าง 1,834 มม. สูง 1,658 มม. โดยที่มีระยะฐานล้อยาว 2,829 มม. เหมือนรถคอนเซ็ปต์ด้วย และแน่นอนว่ารถเอสยูวีรุ่นใหม่จากค่ายดาว 3 แฉกมาพร้อมกับรูปแบบเบาะ 7 ที่นั่งตามที่บอกไว้ตั้งแต่แรก โดยเบาะ 2 ที่นั่งในแถวที่ 3 ซึ่งสามารถพับได้เมื่อไม่ใช้สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง168 ซม. แต่หากมีสมาชิกในครอบครัวมีไม่เกิน 5 คนทาง Mercedes-Benz ก็มีทางเลือกด้วยรูปแบบเบาะ 2 แถวสำหรับการเดินทาง 5 คนให้เลือก ซึ่งจะทำให้มีความจุของพื้นที่เก็บของด้านหลัง 560 ลิตรและสามารถเพิ่มได้ถึง 1,755 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ลง
ภายในห้องโดยสารของ GLB มาพร้อมกับรูปแบบของจอแสดงข้อมูลผู้ขับรวมทั้งจอสำหรับระบบ Infotainment MBUX ที่ยาวต่อเนื่องกันตามแบบรถรุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz พร้อมกับมีการใช้อลูมิเนียมทั้งที่ประตูและแดชบอร์ดเพื่อให้อารมณ์ของรถออฟโรด ในขณะที่คอนโซลกลางถูกออกแบบให้ดูแข็งแกร่งในสไตล์รถเอสยูวี
ในส่วนของเครื่องยนต์มี 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์เบนซินและ 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบทั้งหมดโดย 2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซินมี GLB 200 กับเครื่องยนต์ 1,332 ซีซี 163 แรงม้า และGLB 250 4Matic กับเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี 224 แรงม้า ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่อง 2,000 ซีซีทั้งหมดแต่จะมีกำลังแตกต่างกันคือ 150 แรงม้าในรุ่น GLB 200 d และ 190 แรงม้าในรุ่น GLB 220 d โดยที่รุ่น 200 d มีทั้งเลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ 4Matic ในขณะที่การส่งกำลังสู่ล้อใช้เกียร์ 8G-DCT กับทุกรุ่น ยกเว้น GLB 200 ที่มาพร้อมกับเกียร์ 7G-DCT
เพื่อช่วยในการลุยเส้นทางออฟโรด GLB มีแพ็กเกจ Off-Road Engineering ซึ่งมีการทำงานช่วยในการออกตัวเมื่อขึ้นทางลาดชั่นมาเป็นตัวช่วย ในขณะที่ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมกเฟอร์สันสตรัตส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์เพื่อให้ความสบายในการเดินทาง โดยที่มีโช๊กอัพปรับได้เป็นทางเลือกเพื่อการเปลี่ยนระหว่างการให้ความสบายหรือความสปอร์ตในการขับ
แม้จะเปิดตัวพร้อมขข้อมูลออกมาแล้ว แต่ทาง Mercedes-Benz ยังไม่มีการระบุเวลาที่จะเริ่มจำหน่ายรวมทั้งราคาของ GLB ออกมา
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th