Mercedes-Benz ได้ออกมาแถลงว่าโรงงาน Sindelfinger ในเยอรมนีของตนได้มีการผลิตรถซีดานหรู S-Class เจนเนเรชั่นปัจจุบันคันที่ 500,000 ออกมาแล้วนับจากที่ถูกเปิดตัวออกมาทำตลาดในปี 2013 ซึ่งด้วยตัวเลขนี้ได้ทำให้จำนวนการผลิต S-Classรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านคันนับตั้งแต่มีการเปิดตัวรุ่นแรก 220 ออกมาในปี 1951

แม้ตัวเลขการผลิต Mercedes-Benz S-Classจะไม่ใช่จำนวนที่สูงมาก แต่ก็จัดเป็นจำนวนการผลิตที่สูงเมื่อเทียบกับการที่ S-Classเป็นรถยนต์หรูระดับเรือธงที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 94,240 ดอลล่าร์ไปจนถึง 173,000 ดอลล่าร์ และด้วยตัวเลขนี้ยังส่งให้S-Class กลายเป็นรถซาลูนหรูที่ขายดีที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามปัจจัยหนึ่งที่ส่งให้ S-Classรุ่นปัจจุบันประสบความสำเร็จเป็นรถซาลูนหรูขายดีที่สุดในโลกก็คือ ความนิยมในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับหนึ่งของรถหรูรุ่นนี้ โดยมี S-Classเจนเนเรชั่น W222 มากกว่า 1 ใน 3 ที่ผลิตออกมาถูกส่งไปที่นั่น ในขณะที่ตลาดใหญ่อันดับ 2 ของ S-Classคือสหรัฐอเมริกาและตามมาด้วยเยอรมนี

Mercedes-Benz S-Classเจนเนเรชั่นปัจจุบันถูกผลิตโดยเฉพาะที่โรงงาน Sindelfinger สำหรับตลาดโลกมาตั้งแต่ปี 2013 และในโอกาสที่แสดงถึงหมายสำคัญนี้ได้มีการฉลองของทีมงาน S-Classทั้งในส่วนประกอบและทำสีที่โรงงานร่วมกับ Michael Bauer หัวหน้าฝ่ายการผลิตที่โรงงาน Mercedes-Benz Sindelfinger และผู้จัดการโรงงานรวมทั้งเป็นกรรมการสภาแรงงานของโรงงาน Ergun Lumali ในขณะที่ Jorg Burzen สมาชิกคณะกรรมการบริหาร Mercedes-Benz AG บอกว่า “Mercedes-Benz S-Class ของเราได้สร้างมาตรฐานโลก และสิ่งนี้ได้สะท้อนออกมาในการผลิต คุณภาพที่สูงของ S-Classที่เคลื่อนออกมาจากสายการผลิตที่นี่ใน Sindelfinger สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าของเราทั่วโลก”

ศูนย์การผลิต Mercedes-Bemz Sindelfinger เป็นโรงงานที่เน้นในการผลิตทั้ง S-Classและ E-Class โดยมีคนงานกว่า 25,000 คนที่ผลิต S-Classทั้งซีดาน คูเป้ เปิดประทุนรวมไปถึง Mercedes-Maybach และ E-Class ซีดานและแวกอน โดยนอกจาก 2 รุ่นนี้แล้วยังมีการผลิต CLS, Mercedes-AMG GT และ CLA ด้วย ขณะที่ในอนาคตโรงงานแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ผลิตรถไฟฟ้า EQ รุ่นใหม่และแบรนด์ย่อยด้านเทคโนโลยี

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th