Mercedes อลูมิเนียม คาร์บอนต่ำ กับรถในปี 2023

Mercedes ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับ Hydro ในนอร์เวย์เพื่อให้เป็นผู้ส่งมอบ อลูมิเนียม คาร์บอนต่ำ ให้แก่ตน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์หรูในเยอรมนีรายนี้ใช้อลูมิเนียมที่ทำให้เกิดคาร์บอนจากการผลิตน้อยลงกว่าทั่วไปกับรถของตนในปี 2023

ทาง Mercedes ได้บอกว่าพร้อมสำหรับการใช้อลูมิเนียมที่มาจาก Hydro ซึ่งจะถูกส่งไปยังโรงหล่อใน Stuttgart Mettingen นอกจากนี้จากสัญญาความร่วมมือทั้ง 2 บริษัท จะมีการเพิ่มความร่วมมือกันมากขึ้นในการทำอลูมิเนียม ที่ทำให้เกิดคาร์บอนน้อยกว่าทั่วไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรก รวมทั้งจะทำงานร่วมกันเพื่อให้มีการลดมากขึ้น และใช้วัตถุดิบรีไซเคิลให้มากขึ้นในการผลิตอัลลอย

Markus Schafer ผู้บริหารด้านจัดซื้อและพัฒนาของ Mercedes ได้บอกว่า “อลูมิเนียมมีความสำคัญมากขึ้นจากการเป็นวัตถุดิบน้ำหนักเบาในรถไฟฟ้า ผมจึงดีใจที่เราผนึกกำลังกับ Hydro ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมายาวนานในการผลิตพลังงานทดแทน เพื่อรับมือกับหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุด ที่ท้าทายอุตสาหกรรมยานยนต์ เราทำงานอย่างหนักกับผู้ร่วมงานของเรา ในการค้นหาวิธีลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลง ในห่วงโซ่การจัดหาอลูมิเนียม นี่จึงเป็นสัญญาณสำคัญในการเร่งความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอลูมิเนียม และเพิ่มอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำให้มีใช้งานมากขึ้น”

มีรายงานจาก Reuter ว่ารถไฟฟ้าของ Mercedes อาจมีการใช้อลูมิเนียมอยู่เกือบหนึ่งตันในแต่ละคัน จึงทำให้อลูมิเนียมเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการช่วยลดการสร้างคาร์บอนของรถ และจากการอ้างของ Hydro กระบวนการ Electrolysis ที่ใช้ในการผลิตอัลลอยมีการใช้พลังงานสูง ซึ่งพลังงานที่ใช้นั้นเป็นสิ่งหลักในทำให้วัตถุดิบนั้นสร้างมลพิษ

โดยทั่วไปแล้ว หากมีการใช้ถ่านหินเป็นพลังงานในกระบวนการผลิตอลูมิเนียมพื้นฐานหนึ่งตัน จะสามารถสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 20 ตัน ในขณะที่การใช้พลังงานน้ำ จะลดการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ เหลือแค่ 4 ตัน และหากใช้พลังงานน้ำกับวัตถุดิบรีไซเคิล ก็จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือประมาณ 0.5 ตัน

การใช้อลูมิเนียมคาร์อนต่ำของ Mercedes เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ทำให้มีค่าคาร์บอนเป็นกลางในปี 2039 ของ Mercedes โดยนอกจากความร่วมมือในการหาอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำแล้ว ทาง Mercedes กับ Hydro ยังเซ็นสัญญาความร่วมมือในการหาเหล็กกล้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ประวัติ Mercedes-Benz

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เบนซ์ (Benz) เป็นรถยนต์คุณภาพเยี่ยมอีกยี่ห้อหนึ่ง จากเยอรมันที่ สัญลักษณ์ของรถยี่ห้อนี้ เป็นรูปดาวสามแฉกล้อมรอบด้วยวงกลม ซึ่งผู้ผลิตรถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คือ บริษัท ไดมเลอร์-เบนซ์ เอจี ( DAIMLER-BENZ AG) แห่งเยอรมนี เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่ ถือกำเนิดในปี 1926 โดยเป็นผลลัพธ์จากการรวมตัวของผู้ผลิตรถยนต์สองรายที่มีบทบาทอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ยุคบุกเบิก คือ บริษัท Daimler Motorengesells- Chaft ซึ่ง โกทท์ลีบ ไดมเลอร์ (Gottlieb Daimler) ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ประดิษฐ์รถยนต์สี่ล้อคันแรกของโลก ก่อตั้งเมื่อปี 1890 กับบริษัท Benz & Cie ของคาร์ล เบนซ์ (Carl Benz) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญของโลก ที่ผลิตรถยนต์ออกจำหน่าย และขณะที่รวมกิจการเข้าด้วยกันโกทท์ลีบ ไดมเลอร์ได้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 10 ปี

ดวงดาวที่ส่องนำทางนักขับทั่วโลก

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เกิดสภาวะเงินเฟ้อ และการค้าตกต่ำ โดยเฉพาะการขายสินค้าฟุ่มเฟือย เช่นรถยนต์ ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับผลกระทบไปด้วย เหลือแต่เพียงบริษัทที่มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีโอกาสอยู่รอด บางบริษัทจึงจำเป็นต้องควบรวมกิจการ หรือไม่ก็ต้องหาพันธมิตรทางการค้า ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อนอย่างดีเอ็มจี และเบนซ์ & ซี จึงได้ควบรวมกิจการกันในปี ค.ศ.1924 เพื่อการปรับมาตรฐานการออกแบบ และการผลิต รวมทั้งความร่วมมือในการจัดซื้อ จัดจำหน่าย และโฆษณา เพื่อให้ยังคงยืนหยัดอยู่ในสถานการณ์นั้นได้

อย่างไรก็ดี ทั้งสองบริษัทยังคงใช้เครื่องหมายการค้าคนละแบบ แม้จะมีความร่วมมือในการด้านการตลาดสองปี ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1926 บริษัทรถยนต์เก่าแก่ทั้งสองรายจึงได้รวมเป็นบริษัทเดียวกัน ภายใต้ชื่อ ไดมเลอร์-เบนซ์ เอจี ด้วยเหตุนี้จึงมีการออกแบบเครื่องหมายการค้าใหม่ขึ้นมา โดยนำเอาลักษณะเด่นในสัญลักษณ์ของทั้งสองมาใช้ ดาวสามแฉกอันเลื่องชื่อของดีเอ็มจี จึงถูกล้อมรอบด้วยชื่อ เมอร์เซเดส และเบนซ์ ซึ่งลือลั่นไม่แพ้กัน โดยมีช่อชัยพฤกษ์เป็นตัวเชื่อมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวนี้ ยังคงประทับอยู่บนรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นสัญลักษณ์แทนคุณภาพ และความปลอดภัยบนท้องถนนทุกหนแห่ง อีกทั้งชื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังกลายเป็นสามัญที่ทั่วโลก หมายถึงแบบฉบับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งมีความเป็นมาอันยาวนาน อ่านต่อได้ที่นี่

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th