MG : CAR OF THE YEAR 2020
NEW MG EXTENDER
The Best High-Lift Pickup Under 2,000 c.c.
นอกจากยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ที่แบรนด์ MG เลือกทำตลาดเป็นหลักแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์ MG ยังได้ร่วมศึกใหญ่จากการเปิดตัว NEW MG EXTENDER “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ในฐานะ “รถกระบะรุ่นแรก” ประจำค่าย ที่ทำเซอร์ไพรส์ชาวไทย ตั้งแต่ขนาดของตัวถังอันใหญ่โต และมากับงานดีไซน์ในแนวคิด BRIT Dynamic อันสะดุดตา จากชุดกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์ของ MG เสริมด้วยออปชันครบๆ เช่น ชุดไฟหน้า Projector, ชุดไฟ Daytime Running Lights, บันไดข้าง และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย อย่าง กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมเซนเซอร์
ส่วนภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเวอร์ชัน 4 ประตูนั้น กว้างขวาง ผสมผสานด้วยความแข็งแกร่งจากโทนสีเข้ม, ความเรียบหรูจากวัสดุ Soft Touch และความสปอร์ตจากงานดีไซน์มาตรวัด ทั้งยังจัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้เต็มพิกัด เช่น กุญแจแบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว, เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า, เบาะหลังพับได้, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ขาดไม่ได้กับไฮไลต์ที่ช่วยยกระดับสู่ความเป็น “สมาร์ทปิกอัพ” ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ MG ที่จะประกอบด้วย ฟังก์ชันเด่น เช่น SMART Command สั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
SMART Connect สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก รวมถึงดูข้อมูลข่าวสารบนหน้าจอในรถ และ SMART Check สำหรับตรวจเช็กรถ สถานะการทํางานของรถ
นอกจากฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสุดล้ำแล้ว ระบบความปลอดภัยยังเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจที่มอบความมั่นใจได้ดีในทุกเส้นทาง ตั้งแต่ โครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-High Strength Body ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ด้วยวัสดุเหล็ก High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง
เสริมด้วยออปชันมาตรฐานยุโรปในชื่อ Advanced Synchronized Protection System ประกอบด้วยระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS, ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA, ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW
ไปจนถึงถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ พร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่, ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
และไม่ใช่แค่เรื่องงานดีไซน์ หรือออปชันท่วมๆ เท่านั้น ที่ทำให้ NEW MG EXTENDER มีความเหมาะสมกับรางวัล The Best High-Lift Pickup Under 2,000 c.c. หากแต่ยังรวมถึง “สมรรถนะ” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อน กับเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน ที่สร้างพละกำลังสูงสุด 161 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร โดยมีระบบส่งให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมฟังก์ชันปรับรูปแบบการขับขี่ Eco และ Power สำหรับส่งถ่ายเรี่ยวแรงสู่ล้อคู่หลัง
เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นอรรถรสความเร้าใจ สำหรับการแก้ไขโจทย์ในแต่ละสถานีการทดสอบ จากกิจกรรม Thailand Car of The Year 2020 ตั้งแต่การกดคันเร่งมิดพรม เพื่อพิสูจน์อัตราเร่ง ไปจนถึงความคล่องตัวที่เกินคาดของ “กระบะพันธุ์ยักษ์” ที่มีระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์ พิเนียน ผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิก เป็นพระเอก ควบคู่ไปกับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ และด้านหลังแบบแหนบซ้อนแผ่น ในการโชว์ความสามารถและผ่านด่านทดสอบ Slalom และ Lane Change ไปอย่างง่ายดาย
ชนิดที่แม้จะเป็น “น้องใหม่” ในตลาดปิกอัพเมืองไทย แต่ก็มากับความสามารถที่บรรดารุ่นพี่ทั้งหลายไม่ควร “ประมาท” เพราะขนาดงานนี้ NEW MG EXTENDER ยังสามารถคว้ารางวัล The Best High-Lift Pickup Under 2,000 c.c. ไปครองได้เลยทีเดียว
NEW MG HS
The Best SUV Under 1,500 c.c. Petrol
NEW MG HS คือหนึ่งในยนตรกรรมใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิต และผู้จำหน่าย รถยนต์เอ็มจี ในประเทศไทย ที่ต่อยอดมาจากรุ่นพี่ในสังกัดอย่าง MG GS ภายใต้แนวคิด “Elegance” เพื่อสร้างนิยามใหม่ของรถ SUV ที่สมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่งานดีไซน์สุดพิถีพิถัน บนพื้นฐานของรถอเนกประสงค์ SUV ผสานความโดดเด่นจากเส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line พร้อมมุมมองด้านหน้าสะดุดตา จากชุดกระจังออกแบบภายใต้แนวคิด “Stella Magnetic Field” ด้วยแรงบันดาลใจจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน ขณะที่ออปชันมาตรฐานนั้น จัดมาให้ครบครัน ทั้งภายนอก และภายใน ภายใต้ราคาที่คุ้มค่า จนคณะกรรมการ Car of The Year 2020 ต่างยอมรับ
เช่นเดียวกับเรื่องต่อมา คือ “สมรรถนะ” จากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีพละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด สู่ล้อคู่หน้า ภายใต้การควบคุมที่แม่นยำ โดยระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) พร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 4 รูปแบบ คือ Normal, Eco, Sport และ Custom เสริมด้วยปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัย เพื่อเพิ่มอรรถรสการขับขี่ให้เร้าใจ บนพื้นฐานช่วงล่างสไตล์ Euro Tuning Suspension ด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ที่ได้รับการตั้งค่าใหม่ และด้านหลังแบบ Multi-link
ที่สอบผ่านหัวข้ออัตราเร่งได้ทันที ด้วยตัวเลขการันตี 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ทั้งยังรวมถึงในหัวข้ออื่นๆ เช่น Slalom และ Lane Change ที่อาศัยความแม่นยำของพวงมาลัย และช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ก็สามารถสร้างความประทับใจได้ในทุกครั้งที่ลงสนาม ซึ่งหากประกอบกับส่วนเติมเต็มในเรื่องของความ “คุ้มค่า” …ทำให้ทั้งหมดนั้นมากพอ ที่ NEW MG HS ผู้สานต่อความสำเร็จจาก MG GS จะประสบความสำเร็จในการตอบโจทย์ผู้บริโภค จนสามารถครอบครองรางวัล The Best SUV Under 1,500 c.c. Petrol ประเภทเครื่องยนต์เบนซิน ไปได้โดยไม่มีข้อสงสัย
NEW MG ZS EV
The Most Valuable EV Car
และไม่ใช่แค่ความกล้าหาญในการเดินหน้าลุยตลาดรถปิกอัพเมืองไทยเท่านั้น หากแต่แบรนด์ MG ยังโชว์ศักยภาพล่าสุด เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าจาก NEW MG ZS EV ยนตรกรรมอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
นำเสนอความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพ สมรรถนะ ความอัจฉริยะ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ 4 แนวทางแห่งการพัฒนา ประกอบด้วย ความอัจฉริยะในการเชื่อมต่อ (Intelligent Connectivity), การใช้พลังงานทางเลือก (Electrification), การเป็นทรัพยากรที่สามารถใช้ร่วมกันได้ (Sharing) และมีความเป็นสากล (Globalization)
โดยในส่วนของรูปลักษณ์นั้น ยังคงมากับพื้นฐานของรุ่น ZS เป็นหลัก แต่สร้างความต่างตามสไตล์เวอร์ชัน EV ด้วยการเลือกใช้โทนสีตัวถังแบบพิเศษ คือ “สีฟ้า Copenhagen Blue”, ชุดกระจังหน้าที่ทันสมัย พร้อมการออกแบบจุดชาร์จไว้ที่บริเวณด้านหลังชุดกระจัง ปิดท้ายความเปลี่ยนแปลงด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว
ส่วนภายใน เน้นความสปอร์ตด้วยโทนสีดำ ผสานความหรูหราจากคอนโซลหน้าที่เลือกใช้วัสดุแบบ Soft touch เสริมความสปอร์ตด้วยหลังคา Panoramic Sunroof, พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุม Infotainment หรือเลือกควบคุมได้จากบนหน้าจอสี ระบบสัมผัส Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดสุดล้ำ จากระบบปรับอากาศดิจิทัล ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่จัดการได้แม้ในระดับ PM 2.5
NEW MG ZS EV มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสุดล้ำ ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไอออน ความจุ 44.5 kWh ที่ผ่านการรับรอง และทดสอบตามมาตรฐานสากล สู่มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เช่น การระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา ภายใต้ระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะ โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ยังคงทำงานได้ปกติ แม้ในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูง หรือแม้กระทั่งการลุยน้ำที่มีความสูงกว่า 40 ซม.
ทั้งยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะ i-SMART มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ประกอบด้วยการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หรือ SMART Command การเชื่อมต่อผ่านหน้าจอภายในรถ หรือ SMART Connect และการตรวจเช็กรถจากมือถือ หรือ SMART Check ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันการสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้าน
ซึ่งการชาร์จไฟนั้นสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger ที่จะใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 6.5 ชั่วโมง หรือจะเลือกการชาร์จไฟแบบ Quick Charge ด้วยสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) ที่จะใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที
ส่วนสมรรถนะของ MG ZS EV นั้น มากับเรี่ยวแรง 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และมีระยะทางการขับเคลื่อนสูงสุดถึง 337 กม./ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมัน และมลพิษของยุโรป) นอกจากนี้ ยังมากับระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่จัดสรรพลังงานในการชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ แบบ Eco, Normal และ Sport ผสานด้วยการตอบสนองของระบบพวงมาลัยแบบ แร็ค แอนด์ พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ตลอดจนอารมณ์การขับขี่สไตล์ยุโรป ด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยที่ไม่ใช่เพียงแค่มาตรฐานจากระบบ Advanced Synchronized Protection System เท่านั้น หากยังรวมถึงการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems สุดล้ำ ภายใต้ราคาค่าตัวที่คาดไม่ถึง และเกินพอที่ NEW MG ZS EV จะครองรางวัล The Most Valuable EV Car ไป ด้วยความ “คุ้มค่า” ที่สุดในตลาดเมืองไทย
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th