MG รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2022
BEST SEDAN UNDER 1,500 c.c.
MG5
นับว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองได้อย่างคุ้มค่า ในรูปแบบรถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดานอย่างแท้จริงสำหรับ MG5 ทั้งด้านความประหยัด การออกแบบและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ จนทำให้ได้รับผลโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการให้เป็น BEST SEDAN UNDER 1,500 c.c.
จุดเด่นการให้คะแนน
MG5 มาพร้อมนิยาม “คอนเซ็ปต์ BEYOND : คิดให้เหนือกว่า เพื่อทุกความเป็นคุณ” ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีความเหนือกว่าในทุกด้าน ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ซึ่งให้ความเหนือชั้นกว่าทั้งในด้านสมรรถนะ (Performance) การควบคุม (Handling) การออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety) เพื่อให้เป็นยนตรกรรมที่มีความสปอร์ต ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
โดยมีรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้ที่เป็นเอกลักษณ์ มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์ประเภท B-Segment ทั่วไป ทำให้มีพื้นที่ภายห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย มีพื้นที่เหนือศีรษะที่สูงโปร่ง พร้อมการตกแต่งสไตล์สปอร์ตพรีเมียม การออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ รวมไปถึงการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในระดับมาตรฐานของ B-Sedan เพิ่มความสะดวกในการใช้ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์แบบหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ มือถือผ่านบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และโทรศัพท์มือถือระบบ Android พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน และปุ่ม Push Start
เพิ่มความพรีเมียมมากขึ้นด้วยการติดตั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เหนือระดับ ได้แก่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มาตรวัดอัจฉริยะแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟ และเหนือกว่า ด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับรถยนต์เอ็มจี ที่โดดเด่นด้วยระบบการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันใหม่ล่าสุด คือ กุญแดิจิทัล (Digital Key) ที่เจ้าของรถสามารถส่งผ่านมายังโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท อีกทั้งยังสามารถส่งกุญแจดิจิทัลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ได้ด้วยการรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอปพลิเคชัน i-SMART
ขุมพลัง 1.5 ลิตร
ตอบสนองทุกการใช้งาน
MG5 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด รวมไปถึงระบบช่วยในการขับขี่และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (Synchronized Protection System) สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA, ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ, ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
เหนือกว่าเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
MG5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจีให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Digital Key สามารถใช้งานรถผ่านกุญแจดิจิทัล โดยรับ-ส่งโค้ดจากแอปพลิเคชัน i-SMART สามารถสั่งการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถยนต์ รวมถึงการส่งกุญแจดิจิทัลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน i-SMART
Smart Command
หรือระบบสั่งการอัจฉริยะ
l กุญแจดิจิทัล
l ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย
l ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
l ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทาง Travel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้
l โทรออก-รับสาย จากจอทัชสกรีน
l สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย
Smart Connect
หรือระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ
l เล่นเพลงทั้งรูปแบบออนไลน์ และ
สตรีมมิ่ง
l ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก และสถานที่
ท่องเที่ยวบนแผนที่นำทาง
l รายงานการจราจรแบบ Real Time
l เรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลพยากรณ์สภาพอากาศ
l อัปเกรดระบบต่างๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)
Smart Check
หรือระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ
l ตรวจสอบสถานะของประตูรถ
l ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชัน FIND MY CAR โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตร ผ่านการตั้งค่า
l ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย
l ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
l ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
l กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 เมตร ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า-ออก ในขอบเขตที่กำหนดไว้
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความเหนือชั้นของ MG5 ที่เหล่าคณะกรรมการเทคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST SEDAN UNDER 1,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2022 มาครองได้สำเร็จ
THE BEST EV STATION WAGON
MG EP PLUS
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถพลังงานไฟฟ้า ที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ภายใต้แนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” เพื่อสะท้อนมาตรฐานขั้นต้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย จนทำให้คว้ารางวัล Car of The Year 2022 ในคลาส THE BEST EV STATION WAGON มาครองได้อย่างเหนือชั้น
จุดเด่นการให้คะแนน
MG EP PLUS มาพร้อมกับเทคโนโลยี(EV Technology) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ สำหรับแบตเตอรี่ของ MG EP PLUS เป็นลิเทียมไอออนแบบโมดูล ที่สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ โดยมีขนาดความจุถึง 50.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง* ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที
นอกจากนี้ MG EP PLUS มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) ขนาดใหญ่และภายในกว้างขวาง สามารถบรรทุกได้ทั้งคนและของได้อย่างเต็มที่ กับจุดเด่นของการเป็นรถประเภทสเตชันแวกอน ที่มีพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ทั้งชุดราวหลังคา(Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากกว่าเดิม เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ใช้ นอกจากนี้ MG EP PLUS ยังได้ติดตั้งระบบกรองอากาศ PM 2.5 ที่สามารถดักจับและป้องกันฝุ่นละอองอนุภาคเล็กภายในห้องโดยสาร
มีระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก (Safety & Convenience) ที่ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS พร้อมระบบช่วยกระจายและเสริมแรงเบรกด้วยไฟฟ้า, ระบบควบคุมเสถียรภาพในการขับขี่, กล้องมองหลัง, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง, ปุ่มเบรกมือไฟฟ้าและปุ่ม Auto Hold นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay
ขนาดของห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอย(Space & Roominess) ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถสเตชันแวกอน ที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ โดยมีความยาวตลอดตัวถัง 4,544 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่กว้างถึง 2,665 มิลลิเมตร ทำให้ NEW MG EP มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ โดยเมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากสูงสุดถึง 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ MG EP PLUS มีความคุ้มค่ามากที่สุด ด้วยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว โดยมีค่าใช้จ่ายการชาร์จไฟฟ้าตั้งแต่ 0-100% เฉลี่ยเพียง 200 บาท หรือเฉลี่ยค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1 บาทต่อกิโลเมตร จึงทำให้ประหยัดกว่ารถยนต์น้ำมัน 2-3 เท่า และมีค่าใช้จ่ายในการเช็กระยะตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร อยู่ที่ประมาณ 7,828 บาทเท่านั้น
จากความโดดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าและการใช้งานที่ลงตัว ทำให้ MG EP PLUS ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล THE BEST EV STATION WAGON มาครองได้สำเร็จ