MG รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2023
NEW MG5
เทคโนโลยี (Technology), ความทันสมัย (Fashion) และความคุ้มค่า (Value) คือ 3 หัวใจหลักของ MG5 เจเนอเรชันล่าสุด เพื่อสะท้อนแนวทางแห่งการพัฒนา ทั้งดีไซน์มีเอกลักษณ์ ไปจนถึงสมรรถนะ และระบบความปลอดภัยเหนือระดับ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการจากงาน Thailand Car of The Year 2023 เล็งเห็นว่า MG5 เหมาะสมกับรางวัล Best Sedan Under 1,500 c.c. อย่างแท้จริง
MG5 มากับเส้นสายแบบสปอร์ตคูเป้ ซึ่งมีมุมมองด้านหน้าดุดันด้วยชุดกระจังหน้า 3 มิติ Digital Burning Grille, หลังคา Sunroof, ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใบพัด 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ตามด้วยระบบส่องสว่างทั้งไฟหน้า และไฟท้ายเทคโนโลยี LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
และด้วยมิติตัวถังที่มีขนาดใหญ่กว่ายนตรกรรม B-Segment ทั่วไป จึงทำให้พื้นที่ห้องโดยสารมีความกว้างขวาง พร้อมการตกแต่งในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม และการเลือกใช้วัสดุภายในแบบ Soft touch เช่น ดีไซน์คอนโซลกลางแบบ Driver-Focus Cockpit ด้วยองศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ
ตลอดจนมีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ปุ่ม Push Start, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล ขนาด 7 นิ้ว, หน้าจอInfotainment ระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android Auto ตลอดจนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สุดล้ำสมัย
ในส่วนของสมรรถนะสุดเร้าใจ เป็นผลงานของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า EPS และช่วงล่างสไตล์ Euro Tuning Suspension บนพื้นฐานด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังทอร์ชันบีม ภายใต้ประสิทธิภาพความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ซึ่งประสานการทำงานกันเป็นหนึ่งเดียว (Advanced Synchronized Protection System)
ซึ่งทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ และเข้าถึงบุคลิกของ MG5 ที่มีสไตล์การขับขี่อันโดดเด่น พร้อมกับการตอบโจทย์ที่ชัดเจนทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน เหนืออื่นใด้เลยก็คือ ระดับ “ค่าตัว” ที่ทำให้เซอร์ไพรส์ ด้วยการเอื้ออำนวยให้ผู้บริโภคสามารถ “เข้าถึง” ได้ง่ายด้วยราคาเริ่มต้น 585,000 บาท ตลอดจนมีความสามารถในการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึงเกรด E85 ด้วยเช่นกัน
NEW MG4 Electric
MG4 Electric คือน้องใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มากับความเหนือชั้น ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อสร้างศักยภาพอันโดดเด่น จนเป็นสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการจากงาน Thailand Car of The Year 2023 ไม่อาจปฏิเสธในความเหมาะสมกับรางวัล Best 5 Door EV Sport Hatchback ได้เลยทีเดียวสมรรถนะของ MG4 Electric ซึ่งมากับสถานะของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% ประกอบขึ้นด้วย โครงสร้าง Nebula Pure Electric Platform ที่นำมาใช้เป็นรุ่นแรก พัฒนาขึ้นมาเพื่อยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ สามารถนำไปปรับใช้ และรองรับความจุแบตเตอรี่ได้หลากหลาย รวมไปถึงตำแหน่งของการจัดวางที่ช่วยกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลที่ 50:50 เพื่อให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
ขณะที่แบตเตอรี่ขนาดความจุ 51 กิโลวัตต์ มากับเทคโนโลยี Rubik’s Cube จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน เสริมประสิทธิภาพด้วยการระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ตลอดจนการปกป้องที่ถูกอัปเกรดขึ้นไปอีกขั้น และติดตั้งระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อช่วยในการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะชะลอรถ ซึ่งเลือกปรับได้ถึง 4 ระดับ เช่น ต่ำ, กลาง, สูง และแบบแปรผัน (Adaptive) ทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายเข้าไปอีกขั้นด้วยโหมด Intelligent Smart Access ที่สามารถสตาร์ทรถได้อัตโนมัติเพียงเหยียบเบรกเท่านั้น
ด้านความเร้าใจของ MG4 Electric จะประกอบไปด้วย ระบบขับเคลื่อนล้อหลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีกำลังสูงสุด 170 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมาพร้อมรูปแบบการขับขี่ที่มีให้เลือก 5 โหมด ได้แก่ Eco, Normal, Sport, Custom และ Snow สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดุเดือด ด้วยอัตราเร่งเต็มพลังแบบไร้การรอรอบเครื่องยนต์ จนคณะกรรมการสามารถสัมผัสได้ถึงพละกำลังทั้งหมดทันทีที่เริ่มกดคันเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง
โดยมีการควบคุมของระบบพวงมาลัย Dual Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (DP-EPS) ที่เฉียบคม ทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท จับคู่กับด้านหลังแบบอิสระ 5 ลิงก์ ร่วมสร้างสไตล์การขับขี่แบบสปอร์ต ที่ให้ความคล่องตัว และสมรรถนะที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ขณะที่การชาร์จไฟนั้น สามารถทำได้ทั้งการชาร์จจากไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 88 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบเร็ว หรือ Quick charge จาก 10%-80% ในเวลาเพียง 35 นาที โดยยังมาพร้อมกับระบบ V2L ที่เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เป็นแหล่งจ่ายไฟสู่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกตัวรถได้อีกด้วย ส่วนการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ก็สามารถวิ่งทำระยะทางได้ไกลถึง 425 กม./ชม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
ระบบความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญ ด้วยโปรแกรม Semi-Autonomous Driving System ระดับมาตรฐานยุโรป ในชื่อ Advanced Synchronized Protection System ที่มีมาให้มากถึง 26 ระบบ ครอบคลุมไปถึง ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) เพื่อช่วยเตือนอุบัติเหตุจากมุมอับสายตา และระบบช่วยควบคุมการขับขี่ ซึ่งประกอบด้วย ระบบช่วยเบรกขณะถอย (RCTB), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ไปจนถึงระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) ที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น
มากไปกว่านั้นก็คือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่มากับโปรแกรมสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า MG โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check) ที่ครอบคลุมถึงการตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่, การชาร์จ และค้นหาสถานีชาร์จ รวมถึงฟีเจอร์ล่าสุด Battery Doctor บนแอปพลิเคชัน MG Thailand ซึ่งจะทำการบันทึก และวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน ตลอดจนให้คำแนะนำในการดูแลรักษา เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งาน MG4 Electric ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
NEW MG VS HEV
อีกหนึ่งความยอดเยี่ยมจาก บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ชนะใจคณะกรรมการจนสามารถเก็บรางวัล Best Hi-Tech Hybrid SUV ไปครองได้ก็คือ MG VS HEV สปอร์ต ไฮบริด เอสยูวี รุ่นแรกของแบรนด์ ที่จะมาสร้างบรรทัดฐานใหม่ ด้วยการนำเสนอตัวตนที่ชัดเจน ผสมผสานเข้ากับยนตรกรรมมาตรฐานยุโรป
ทั้งจากดีไซน์ภายนอก ที่สะดุดตาด้วยกระจังหน้า Electrified Matrix Grille Design ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต ประกบชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟ Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED เสริมด้วยจุดเด่นจากล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว แบบ Aero Wheel Cover ช่วยลดแรงต้านทานอากาศ
ห้องโดยสารสร้างความประทับใจด้วยงานออกแบบ Modern & Stylish โดยมีไฮไลต์ คือ การเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งหน้าจอคู่ Dual Widescreen Cockpit ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว 2 จอ ควบคุมการทำงานผ่าน Illuminated Touch Panel มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สะดวกต่อการสั่งงานมากขึ้น
รวมไปถึงเทคโนโลยีที่เหนือชั้นอีกมากมาย เช่น หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้ว ความคมชัดระดับ HD, โหมด Navigation แสดงการนำทางควบคู่ไปกับหน้าจอแบบ Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และรองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ทั้งยังมีระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ พร้อมคันเกียร์แบบ Electric Shift และโหมดขับขี่ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ คือ Eco, Comfort และ Sport พร้อมด้วย KERS Mode ให้เลือกตั้งค่าการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะชะลอรถได้ 3 ระดับ
ส่วนการตอกย้ำความเป็น สปอร์ต ไฮบริด เอสยูวี ให้คณะกรรมการได้สัมผัสกันอย่างชัดเจน ในแต่ละสถานีของงาน Thailand Car of The Year 2023 เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 177 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT ที่ต่อเนื่อง เต็มสมรรถนะ
ผสานด้วยความเฉียบคมของระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียนไฟฟ้า (EPS) ที่ให้ความคล่องตัวอย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับเสถียรภาพการขับขี่สไตล์สปอร์ต จากการปรับเซตช่วงล่าง ที่มีพื้นฐานด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ซึ่งท่ามกลางความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ MG VS HEV คือความมั่นใจที่เกิดขึ้นจากองค์ประกอบสำคัญ อย่าง ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Synchronized Protection System ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ในการยกระดับให้ MG VS HEV ก้าวสู่การเป็นยนตรกรรมระดับพรีเมียม ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
NEW MG ZS EV
The Most Valuable EV คือรางวัลที่ NEW MG ZS EV ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% ถือครองด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมการเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของแผนผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เทียบชั้นอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ตามแนวทาง New Era New Growth for MG and Thailand Automotive Industry
NEW MG ZS EV มากับการตอกย้ำความ “คุ้มค่า” ที่ชัดเจน ด้วยการเปิดโอกาสในการเป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่สอดรับกับทุกไลฟ์สไตล์ได้ง่ายขึ้น ตามคอนเซปต์ “Truly Easy” ผ่าน 2 รุ่นย่อยมาตรฐาน ในราคาเริ่มต้น 949,000 บาท (รุ่น D) และราคา 1,023,000 บาท (รุ่น X) หลังหักส่วนลดมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ
โดยความ “คุ้มค่า” ของ MG ZS EV นั้นประกอบไปด้วย ชุดไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ตลอดจนไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, สปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว โดยในรุ่นย่อย X จะมากับการยกระดับความสปอร์ตเข้าไปอีกขั้นด้วยราวแร็ค พร้อมหลังคา Panoramic Sunroof เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ต่อเนื่องที่ภายในห้องโดยสาร นอกจากการนำเสนอความสปอร์ตของโทนสีดำแล้ว ยังเสริมความพรีเมียมเข้าไปอีกขั้น ด้วยวัสดุ Soft Touch และการตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ผ่าน “ออปชัน” ที่ครบครัน ซึ่งมีไฮไลต์สำคัญๆ อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถกรองอากาศ PM 2.5, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-Function Display) สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่
ตามด้วยหน้าจอสี สำหรับระบบ Infotainment แบบ Touch Screen ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ไปจนถึงมัลติมีเดีย จาก Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ทั้งยังมีความล้ำสมัยของระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟจากตัวรถ สู่เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์
ระบบความปลอดภัยก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญ ซึ่ง NEW MG ZS EV ได้รับการอัปเกรดด้วยเทคโนโลยี Advanced Synchronized Protection System ยกระดับด้วย 20 ฟังก์ชันสุดล้ำสมัย อีกทั้งยังผ่านการทดสอบในโปรเจกต์ EV Marathon บนเส้นทางทั่วประเทศไทย ระยะทางกว่า 4,880 กม.มาแล้ว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพ และสร้างความมั่นใจสูงสุด ในประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% อย่างแท้จริง
ด้วย “สมรรถนะ” ที่กล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ซึ่งชนะใจคณะกรรมการไปอย่างไม่มีข้อสงสัย ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 50.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่งกำลังสู่มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous สร้างกำลังสูงสุด 177 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร โดยการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง สามารถวิ่งทำระยะทางได้ไกลถึง 403 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนการชาร์จไฟก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งแบบ Quick Charge ซึ่งใช้เวลา 30 นาที สำหรับการชาร์จไฟ 30%-80% ผ่านเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าMG Super Charge และแบบ Normal Charge ผ่าน MG Home Charger จาก 0%-100% ในเวลาเพียง 7 ชั่วโมง 15 นาที เท่านั้น