MG GS 1.5 Turbo ตัวเลือกที่แตกต่าง
การสร้างความแตกต่างนับเป็นกลยุทธ์ที่ดีของแบรนด์ใหม่ในทุกธุรกิจ และ MG กำลังทำแบบเดียวกันในเอสยูวีรุ่นแรกของพวกเขา MG GS 1.5 Turbo…
เทรนด์ของรถครอสส์โอเวอร์เอสยูวีในบ้านเราไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ จุดขายหลักคือดีไซน์ที่ล้ำสมัยเพื่อเจาะกลุ่มคนทำงานวัย Gen-Y และ Gen-Z ที่ไม่ได้ใช้รถยนต์เพื่อการเดินทางเท่านั้น แต่ต้องสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาในเวลาเดียวกัน
แนวทางการดีไซน์ของ MG GS ถูกนำเสนอภายใต้ธีมรูปทรงเหลี่ยมเพชร Diamond Flow โดยทีมงานที่ศูนย์เทคนิคัล เซนเตอร์ ในประเทศอังกฤษต้นกำเนิดแบรนด์รถยนต์นี้ และการเพิ่มเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวทำให้กลายเป็นสปอร์ตเอสยูวีที่ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งที่ครองเซกเม้นต์นี้ไม่ว่าจะเป็น Honda HR-V, Mazda CX-3 หรือ Nissan Juke ขึ้นอยู่กับความชอบของคนซื้อ
การเพิ่มทางเลือกเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยรองรับน้ำมัน E85 ได้เหมือนกับรุ่นเทอร์โบ 2.0 ลิตรที่เปิดตัวก่อนหน้า ถือเป็นอีกความแตกต่าง ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 15.6 กม./ลิตร โดยหากเป็นรุ่นเทอร์โบ 2.0 ลิตรจะอยู่ที่ 12.0 กม./ลิตร (ข้อมูลจาก Eco Sticker/ทดสอบแบบสภาวะรวม)
ความรู้สึกในการขับ GS 1.5 มีความสนุกจากอัตราเร่ง และการตอบสนองที่รวดเร็วของเกียร์อัตโนมัติ TST 7-Speed ทำให้ผู้เขียนยอมรับตามตรงว่าประทับใจกว่า 2 รุ่นที่เคยขับของพวกเขาทั้ง MG6 และ MG3 ยกเว้นตอนขับรถติดความเร็วประมาณ 20-30 กม./ชม. เกียร์จะเปลี่ยนขึ้น-ลงตลอดเวลา ทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถอาจรู้สึกรำคาญกับอาการกระตุกตามการเคลื่อนตัวของสภาพจราจร
นอกเหนือจากเครื่องยนต์ ความแตกต่างที่เรียกว่า MG มาถูกทาง ในการเป็นพันมิตรกับ ซีพี กรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ของบ้านเราตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อน จากที่เคยถูกล้อเรื่องซื้อรถแบรนด์นี้ต้องนัดเช็คระยะที่เซเว่น-อีเลฟเว่น แต่ไม่มีใครนึกถึงธุรกิจสื่อสารของซีพี ที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้าเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และไม่แปลกที่ซิมโทรศัพท์ทรูจะถูกติดตั้งในรถยนต์ MG โดยไม่มีค่าบริการ 5 ปี เพื่อให้เจ้าของรถใช้บริการ inkaNet ในการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์สู่สมาร์ตโฟนของคุณ
แอพลิเคชั่น inkaNet มีบริการหลักๆ คือการแจ้งสถานะของรถยนต์, ระบบนำทาง และการติดต่อศูนย์บริการฉุกเฉิน แต่ที่น่าจะโดนใจลูกค้ากลุ่ม Gen-Y และ Gen-Z รวมถึงบรรดาผู้ติดโซเชียลมีเดียคงเป็นการปล่อยสัญญาณไวไฟ (Wi-fi Hotspot) ผ่านหน้าจอวิทยุบริเวณคอนโซลกลาง โดยทดสอบความแรงของสัญญาณด้วยการดูทีวีออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่น True ID ระดับความชัดของภาพเหมือนดูผ่านไวไฟปกติ ไม่มีอาการกระตุกบ่อยถึงจะขับด้วยความเร็ว 60-80 กม./ชม. ก็ตาม
ในส่วนของพื้นที่โดยสารด้านหลังจะมีช่องแอร์ช่วยสร้างความเย็นสบาย และเบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้ 14 องศา ช่วยลดความอ่อนล้าเวลาเดินทางไกล และสามารถพับแบบ 60:40 ในกรณีที่ต้องขนของที่มีขนาดใหญ่อย่างเวลาไปเล่นกีฬาหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าบ้าน
ในส่วนของความปลอดภัยนอกจากระบบต่างๆ ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน MG GS ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Full Space Frame (FSF) ที่มีความแข็งแกร่งช่วยปกป้องห้องโดยสารให้กลายเป็นโซนนิรภัย นอกเหนือจากการติดตั้งถุงลมนิรภัย 4 จุด และเป็นรถระดับราคานี้เพียงไม่กี่รุ่นที่มีระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (Tire Pressure Monitor System) มาให้ด้วย
ระยะเวลา 3 ปีเศษ สำหรับธุรกิจรถยนต์อาจยังตัดสินอะไรไม่ได้ แต่จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ได้รับความสำเร็จเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีการดึงความแตกต่างที่เป็นข้อได้เปรียบออกมาใช้ อาจทำให้ MG ขึ้นมาสู่แถวหน้าของวงการรถยนต์ประเทศไทยได้เร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์
รู้จักกับ inkanet
ตามคอนเซ็ปต์ของ inkaNet เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะของ MG ที่เปิดตัวมาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เพื่อให้เจ้าของรถยนต์ MG สามารถคุยกับรถยนต์ของตัวเอง เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นลงในสมาร์ทโฟน โดยรองรับทั้งระบบ iOS และ Android สามารถลงทะเบียนผ่านแอพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ inkanet.mgthai.com
บริการหลักของ inkaNet ใน MG GS
Smart Call: โทรออก และรับสายจากหน้าจอวิทยุของ MG GS โดยไม่จำเป็นต้องมีโทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ
Smart SMS: รับ-ส่งข้อความ SMS จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่นๆ โดยไม่ต้องมีโทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ
WI-FI Hotspot: สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสัญญาณ WI-FI จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ที่ทำหน้าที่เสมือน WI-FI Router ให้คุณเชื่อมต่อกับโลกได้ทุกที่ทุกเวลา
Navigation: ให้ข้อมูลระบบนำทางผ่าน Google Maps สามารถเช็คตำแหน่งรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้สามารถติดตามตำแหน่งรถยนต์แบบ Real Time ผ่านทาง Call Centre
Fuel Consumption: แสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน เพื่อแจ้งพฤติกรรมการขับขี่ สามารถเปรียบเทียบเป็นค่าเฉลี่ยแบบรายสัปดาห์ และรายเดือน, เปรียบเทียบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถ MG ของคุณกับ MG ของคนอื่น
i-Call: ติดต่อ MG Call Centre เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพื่อสอบถามข้อมูล และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ
Electronic Fence: ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์ตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 10 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลาง โดยหากออกนอกรัศมีที่กำหนดระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Push Notification และ SMS
Travel Plan: อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถส่งแผนการเดินทางจากคอมพิวเตอร์สู่หน้าจอวิทยุรถยนต์ทันที
Remote Vehicle Diagnosis: เตือนความผิดปกติของรถยนต์ผ่าน Push Notification โดยสามารถเช็คสถานะเบื้องต้นของเครื่องยนต์, ระบบเบรก และระบบถุงลมนิรภัย ผ่านแอพพลิเคชัน
Remote Vehicle Control: อำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถสั่งล็อก/ปลดล็อกระยะไกลผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือ MG Call Centre พร้อมระบบค้นหารถด้วย Find My Car เพื่อสั่งให้เปิดไฟหน้า ช่วยให้หารถในที่มืดได้ง่ายขึ้น
Vehicle Alarm: แจ้งเตือนความผิดปกติผ่านทางแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟน กรณีที่รถยนต์มีการเคลื่อนที่ผิดปกติหรือมีการสตาร์ทเครื่องยนต์
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล/ภาพ พิศวัส พงศ์พุฒิโสภณ
ขอบคุณข้อมูล: MG Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th