MG HS Plug-in เสริมการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
แม้ว่าปัจจุบัน MG จะมีเจ้าของเป็น SAIC ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมในจีนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะพยายามเพิ่มความสำคัญให้กับตลาดสหราชอาณาจักรที่เป็นถิ่นกำเนิดด้วยการเพิ่มทางเลือกของตนออกมาโดยเฉพาะกับรุ่นที่มีพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหลังจากเปิดตัว MG5 EV รถแวกอนไฟฟ้าออกมาไม่กี่วัน MG ก็เปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริดของคอมแพกต์เอสยูวี HS ออกมาในชื่อ HS Plug-in
HS Plug-in ซึ่งเป็นรถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของ MG มาพร้อมกับระบบไฮบริดซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 90 KW ส่งผลให้มีกำลังออกมารวม 258 แรงม้า ซึ่งแตกต่างจากรุ่นใช้น้ำมันอย่างเดียวที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบกำลัง 162 แรงม้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ HS Plug-in ยังให้มีอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ที่ทันใจด้วยเวลา 6.9 วินาที เร็วกว่า HS รุ่นปกติถึง 3 วินาที
การส่งกำลังจากระบบไฮบริดสู่ล้อหน้าทำผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดใหม่ โดยทาง MG ได้ระบุรายละเอียดการส่งกำลังในรถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดของตนว่า กำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อจะส่งผ่านทางเกียร์ 6 สปีด ในขณะที่กำลังจากมอเตอร์จะถ่ายทอดผ่านทางชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า 4 สปีด ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วทำให้มีการควบคุมเกียร์อีเล็กทรอนิก 10 สปีด
การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่จาก MG อยู่ที่ 43 กรัม/กิโลเมตร ขณะที่การเดินทางโดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนของ HS ปลั๊กอินไฮบริดอยู่ที่ระยะทาง 51 กิโลเมตร ส่วนแบตเตอรี 16.6 kWh ที่มาพร้อมกับรถถูกระบุว่าหากใช้เครื่องชาร์จเร็ว Type-2 จะใช้เวลา 3 ชั่วโมงเพื่อชาร์จพลังงานจาก 0-100 เปอร์เซ็นต์
MG ขาย HS Plug-in ในสหราชอาณาจักร 2 เกรดคือ Excite ซึ่งเป็นเกรดพื้นฐานกับราคา 29,995 ปอนด์ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง MG Pilot, ล้อ Hurricane ขนาด 18 นิ้ว, การแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนัง, เบาะหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมปรับความอุ่นได้, ไฟหน้าและที่ปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ, Keyless Entry, ระบบปรับอากาศดูอัลโซน, จอทัชสรีนขนาด 10.1 นิ้วพร้อม Android Auto และ Apple CarPlay รวมทั้งกล้องมองภาพ 360 รอบคันสำหรับจอดรถ และรูฟเรลสีเงิน
ในขณะที่เกรด Exclusive ซึ่งมีราคา 32,495 ปอนด์จะมากับอุปกรณ์มาตรฐานอย่างประตูท้ายเปิดไฟฟ้า, หลังคาพาโนรามิกสกาย, ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนังทั้งหมดพร้อมไฟ Ambient Light, แป้นเหยียบสปอร์ตโลหะ, เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า รวมทั้งไฟหน้าและไฟเลี้ยว LED โดยทั้ง 2 เกรดมาพร้อมกับพื้นที่เก็บของด้านหลังความจุ 448 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,375 ลิตร สำหรับการขายจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th