EP.II MG ZS EV ไป-กลับ พัทยา ชาร์จไฟเต็มทำได้ไหม?
กลับมาอีกครั้งกับบททดสอบรถยนต์ไฟฟ้าของค่าย MG ที่ทางกรังด์ปรีซ์ได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้า แต่หนนี้เป็นการท้าพิสูจน์โดยทาง MG กับโมเดล MG ZS EV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ขับ ไป-กลับ พัทยา ถึงไหม? อย่างที่ทราบกันดีว่ารถรุ่นนี้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในไทยตั้งแต่เปิดตัวกับจุดเด่นเรื่องราคา 1,190,000 บาท คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ทั้ง นิสสัน ลีฟ ,ฮุนได ไอโคนิก ,เกียร์ โซล อีวี หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าฝั่งยุโรป ค่าตัวตั้งแต่ 1.7 ล้านเป็นต้นไปจนคนปรกติเริ่มแตะต้องไม่ได้ หลายคนบอกว่ารถกลุ่มนี้คือของเล่นคนรวย ใช่..ไม่ปฏิเสธ ในช่วงเปลียนถ่ายเทคโลยีแบบนี้ จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเมิน ด้วยเหตุผลที่ว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะจุดชาร์จไฟ ถึงแม้จะมีทั้งการไฟฟ้า และภาคเอกชนลงทุนติดตั้งแล้วกว่าพันจุด แต่เมื่อถึงเวลาใช้งานจริง ณ วันนี้ ปรากฏว่าแทบจะหาจุดชาร์จไฟแบบกระแสตรง DC ที่ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 30 นาทีไม่ได้เลย ดังนั้นลูกค้าของ MG ZS EV ในช่วงเปิดตัวจึงเป็นคนที่อยากลองเล่นเทคโนโลยีใหม่ และแน่นอนว่าคนพวกนี้มีรถหลายคัน อยากมีรถยนต์ไฟฟ้าไว้เล่นในระยะสั้นๆ หรือวันหยุด เป็นต้น
ทาง MG เน้นให้ฟังกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับ MG เองไม่ใช่เรื่องใหม่ ในต่างประเทศมีขายในหลายโมเดล แต่ไม่ได้นำเข้ามา การมาเปิดตัวที่ไทยเป็นตลาดแรกๆ เพราะมั่นใจว่าจะทำตลาดได้ ถึงวันนี้มียอดขายสะสมผ่านพันคันแล้ว ด้วยจุดเด่นคือความคุ้มค่าจากความอเนกประสงค์ของรถยนต์ MG ZS ขายพื้นที่ความสะดวกสบาย ความใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ส่วนด้านสมรรถนะแทบจะไม่แตกต่างกันมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าดูกันที่ กำลังมอเตอร์ และขนาดแบตเตอรี่ ซึ่งผลการทดสอบบนถนนจริง โมเดลนี้จะวิ่งทำระยะได้น้อยกว่าคู่แข็งเล็กน้อย แต่พอยอมรับได้ด้วยราคาที่ถูกกว่าเกือบ 5-6 แสน และได้รถคันใหญ่กว่า แถมที่ชาร์จบ้านให้ด้วยแบบกระแสสลับ AC (ชาร์จ 6.5 ชม.) ส่วนในต่างประเทศเองรถรุ่นนี้ถูกส่งไปขายที่อังกฤษด้วยเช่นกัน เห็นว่าเปิดตัวไปสองอาทิตย์ยอดขายพันคัน ถือว่าประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อย แต่อย่างว่ายุโรปตื่นตัวเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามานาน จนถึงวันนี้อังกฤษแถบจะลดปริมาณรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปไปหมดแล้ว ด้วยกฏหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ดูได้จากปริมาณปั้มน้ำมันที่ลดปริมาณลงจนตอนนี้ ปั้มแบบ EV มีจำนวนมากกว่าเกือบ 10,000 สถานี
กลับมาที่ไทยกันบาง ในทางตรงกันข้ามแบรนด์ใหญ่เจ้าตลาดทั้งหลายบอก “ฉันยังมีไฮบริดจ์ ฉันยังมีปลั๊กอิน” ทำไมต้องรีบ EV ไม่ยังไม่ถึงเวลาอันควร ดูจากโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่ และกำลังซื้อของคนไทยสิ ยังไม่เกิดหรอก…เรียกว่ายังขายของตามไทม์มิ่ง เพราะมันขายได้อีกหลายปี แนวคิดนี้ไม่ปฏิเสธ ด้วยความที่ภาครัฐก็ไม่ได้มีโปรโมชั่นอะไรให้ดึงดูด ทั้งคนขาย และคนซื้อ ยิ่งบ้านเรามันเน้นรถสร้างอาชีพ สร้างตัว อย่างรถกระบะดีเซล ด้วยแล้ว แต่กลับกันกว่าจะถึงวันนั้น…เมื่อไม่ยอมก้าวกระโดดเหมือนอย่าง MG ที่คิดเร็ว ทำเร็ว เพราะไม่ได้ขายแค่ไทยเท่านั้น ส่วนถามว่าข่าวด้านอื่นๆ ของ MG ในช่วงที่ผ่านมาประดังเข้ามาดังพายุ เชื่อว่าวันนี้ MG ลงทุนไปมหาศาลในไทย ไม่ปล่อยลูกค้าให้โดดเดียวแน่นอน ทุกอย่างต้องพัฒนาขึ้นทั้งคุณภาพของรถ และงานบริการ ตรงนี้ก็ฝากผู้บริหารไว้ด้วย ถ้าดูแลกันดีลูกค้าย่อมบอกต่อ!
- ก่อนการทดสอบของ MG GRAND PRIX ONLINE ได้ไปลองมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าทีมงานไม่ได้เท้าหนักกว่าผู้สื่อข่าวท่านอื่น เพราะทุกคันผลออกมาเท่าๆ กันหมด
กลับมาที่เรื่องทดสอบทำไมถึงเป็น EPII กรังด์ปรีซ์ได้ลองทดสอบโมเดลนี้เรียบร้อย ไปดูในคลิ๊ปได้ พอดีกับที่ ดร.ปราจิน บอสใหญ่ของเราซื้อในวันเปิดตัวจึงได้รถมาก่อน ทำมาทดสอบเส้นทางนี้เลย กรุงเทพฯ-พัทยา ตอนนั้นผลปรากฏว่ากลับไม่ได้ ต้องขอแวะชาร์จที่ MG บายพาส ชลบุรี เพื่อความสบายใจ และได้รับการต้อนรับอย่างดี เพิ่งรู้ว่าใช้รถยนต์ของค่ายนี้จะขอแวะชาร์จไฟฟรีตามโชว์รูมได้ด้วย เหมือนตอนนิสสันลีฟ แวะตามโชว์รูมนิสสันที่มีลิฟขายก็ชาร์จฟรี แต่นโยบายผิดกัน MG น่าจะส่ง ZS EV ไปขายทุกหัวเมืองใหญ่ จึงมีจุดชาร์จไฟในโชว์รูม Wall Box ครบทั้ง 110 แห่ง เยอะกว่านิสสันที่มีเพียงผู้จำหน่ายนิสสัน ลีฟ อย่างเป็นทางการ 32 แห่งทั่วประเทศ (แต่ของนิสสันเป็น DC) และข้อดีของการชาร์จไฟตามโชว์รูมคือ เวลารอใช้ห้องรับรองได้มีทั้งน้ำขนม แอร์เย็นๆ แต่ถ้าไปชาร์จตามจุดข้างทางฯ คงต้องหาที่รอกันไป ครั้งนั้นจำได้ว่าชาร์จไป 3 ชม. เพื่อให้ได้ระยะทาง 100 กม. รวมกับที่เหลืออยู่อีก 40 กม. เป็นวิ่งได้รวม 140 กม. พอหายห่วงขับกลับได้ ระหว่างทางมีโอกาสได้พูดคุยกับพีอาร์ค่ายนี้ถามเป็นยังไงบ้างเลยเล่าให้ฟัง จนถึงบางอ้อว่าจะจัดเส้นทางนี้เหมือนกัน งานนี้จึงเป็นที่มาว่า MG จะทำอย่างไร กับบททดสอบนี้!
การทดสอบเริ่มต้นช่วงสายๆ ของวันธรรมดาที่ MG Driving Experience ถนนศรีนครินทร์ โดยให้ขับในสนามทดสอบเพื่อดูเรื่องของอัตราเร่งที่ว่า 0-50 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 3.1 วินาที จากแรงบิดอันมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้า นึกถึงรถกอล์ฟที่ใช้กันเวลาออกรอบจะเห็นภาพกดคันเร่งปุ๊บหลังติดเบาะทันที ส่วนตัวเลข 0-100 กม./ชม. 8.2 วินาที มันแรงเร้าใจตามที่หลายคนลำลือ จากนั้นมีโอกาศได้ลองใช้ระบบ (KERS Kinetic Energy Recovery System) ที่เอาไว้ใช้ชาร์จพลังงานกลับระหว่างขับขี่เข้าแบตเตอรี่ Regenerative โดยสามารถเลือกระดับการทำงานได้ 3 Level คือเมื่อเรายกคันเร่งรถจะชะลอลงให้ตามระดับความหนักหน่วงที่เลือก โดยไม่ต้องเหยียบเบรก แรงเฉื่อยของรถจะไหลกลับมาเป็นไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ ซึ่งของ MG ZS EV ระบบทำงานได้นุ่มนวลดี ผิดจากแบรนด์อื่นที่หน่วงจนรับไม่ได้ ถึงกับมึนหัวต้องเลือกไว้แค่ Kers 1 เท่านั้น ซึ่งอันนี้ก็ต้องไปถามอีกว่าหน่วงน้อยมันชาร์จกลับน้อยด้วยไหม?…จนมาถึงแบบฝึกหัดสุดท้ายให้ลองขับดูฟิวลิ่งตามไลน์สนามที่กำหนดมีอยู่ 3-4 โค้งสั้นๆ พอปรับตัวให้เข้ากับรถได้ รู้สึกได้เลยว่าการบังคับควบคุมดีมากในช่วงความเร็วไม่สูงมาก ช่วงล่างสไตล์นุ่มๆ เอาใจกลุ่มรถครอบครัว หรือผู้หลักผู้ใหญ่น่าจะชอบ แต่ประเภทซื้อไปขับคนเดียวคงอยากได้ช่วงล่างหนึบๆ มากกว่า จากนั้นเป็นอันได้เวลาเปลี่ยนรถ…รถที่ใช้สนามกับรถที่ขับไปพัทยาคนละชุดกัน
ก่อนล้อหมุนมาทวนกันหน่อย MG ZS EV มีแต่สีฟ้าโคเปนเฮเกนเท่านั้น ทำไมไม่เอาชื่อจีน? หรือล้อลายกังหันลมเนเทอร์แลนด์ …OMG ภายในกว้างขวาง เน้นวัสดุสีดำบุนุ่ม ห้องโดยสารที่เงียบสนิทไม่มีการเสียงหรือการสั่นของเครื่องยนต์(เพราะไม่มี) และชัวร์ว่าไม่มีท่อไอเสียด้วย ส่วนจุดเด่นที่ชอบคุ้มเงินล้านคือกระจกพาโนรามิกซันรูฟที่มีขนาดใหญ่เกือบ 90% ของหลังคารถ ภายในรถติดตั้งระบบกรองอากาศ PM 2.5 มาด้วย รวมทั้งระบบเจ๋งๆ อย่าง i-Smart สั่งงานด้วยเสียง ด้านความบันเทิงมีทรูมิวสิคให้ฟังเพลงได้เพลินเลย และสุดท้ายรถสามารถสื่อสารกับเจ้าของผ่าน App ได้ด้วยสั้นๆ เข้าใจนะ
- จุดชาร์จของ EA ANYWHERE ที่เซเว่น ธารา เป็นแบบ DC&AC แต่เปิดให้ใช้ DC เป็นการเฉพาะกิจในทริ๊ปนี้เท่านั้น ระบบยังไม่พร้อมให้บริการกับลูกค้าทั่วไป ที่จอดสะดวกสบายดี แถมเซเว่นสาขานี้ใหญ่มากมีที่นั่งรอยาวๆ สบาย พร้อมของกินสารพัด
MG ZS EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม ไอออน ความจุ 44.5 kWh มีระบบความคุมอุณภูมิให้เหมาะสม พร้อมซิลแบตทั้งก้อนเพื่อป้องกันการกระแทก กันฝุ่น กันน้ำ หรือไฟฟ้าลัดวงจร เป็นต้น โดยมีพละกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ค่าโรงงานชาร์จเต็มวิ่งได้ 337 กม. ซึ่งก่อนออกจากถนนศรีนครินทร์หน้าปัดแสดงระยะทางวิ่งได้ 288 กม. (ไม่รู้ไปขับเล่นที่ไหนมาก่อน) วิ่งไปทางบางนาตัดเข้ามอเตอร์เวย์ที่บางวัว แวะพักดื่มกาแฟสักครู่จากนั้นไปต่อ ระหว่างทางลองเล่นโหมด Sport ขับได้เร้าใจสนุกจนลืมกล้องจับความเร็ว ระหว่างทางรถเตือนผู้ขับขี่ตลอดเวลา ไม่รู้คนก่อนหน้าตั้งเอาไว้หมด ทั้งเตือนออกนอกเลน และอีกสารพัด มิน่าพวงมาลัยเลยหน่วงๆ จึงต้องปิดระบบให้หมด เยอะเอาเรื่องเห็นว่ามีเซ็นเซอร์รอบคันทั้งหน้าหลัง 360 องศา ชนิดใครขับไปชนนี่น่าตีให้หลังลาย แต่ระหว่างความสนุกที่ต้องแลกมาด้วยพลังงานแบตเตอรี่ลดลงตามไปด้วยจึงขอกลับมาเป็นโหมดธรรมดา จนไปถึงพัทยาจุดนัดพบแวะทานอาหารกลางวัน ที่หน้าปัดเตือนว่าแบตฯ เหลือพลังงานอีกเพียง 30% เป็นไปตามคาดกลับไม่ได้ ทีมงานได้เตรียมจุดชาร์จแบบ DC กระแสตรง ของ EA เอาไว้ที่ 7-Eleven ธารา พัทยา ระหว่างรอกินข้าวก็ขับสลับไปชาร์จคันละ 25 นาที ก็เต็มความจุการชาร์จแบบควิกซ์ได้แค่ 80% เท่านั้น (เพื่อความปลอดภัยจะเอาเต็ม 100% คุณต้องชาร์จแบบ AC กระแสสลับ) ขับกลับถึงกรุงเทพฯ ที่ MG Driving Experience เหลือแบต 30% เท่านั้น OMG ทำไมไงก็รถมันติดตอน 17.00น.
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบได้ประสบการณ์กับรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งชีวิตจริงคงต้องวางแผนการเดินทางให้ดีถ้าไปในทางที่ไม่รู้จักไกลๆ ด้วยแล้ว แต่เดี๋ยวนี้สะดวกสบายขึ้น ถามหาจุดชาร์จได้จากหน้าจอรถที่ขึ้นเตือนเวลาแบตใกล้หมดพร้อมนำทางไปให้เสร็จสรรพ หรือจะใช้ App ของ EA ก็สะดวกดีทางไปพัทยา หรือหัวหิน จะมีจุดชาร์จพอสมควร
สรุปได้ว่าไป-กลับพัทยาไม่ได้ เช่นกัน ต้องชาร์จ ต่อให้คุณจะขับโหมดอีโคก็ไม่รอดมันลุ้นเกินไปลองมาแล้ว!
- ส่วนรถคันอื่นๆ เป็นยังไง พอๆ กันครับลองไปดูมาแล้ว ในทริ๊ปนี้ใช้ท้ั้งหมด 5 คัน
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th