MG4 รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2566 อยากได้ต้องรีบจอง
MG4 รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นแรกของ MG ที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ โดยในประเทศไทยเรียกว่า Nebula Pure Electric Platform หลังจากการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อน และยืดหยุ่น โดย SAIC MOTOR มุ่งหวังเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ EV และแตกต่างจากที่แบรนด์ MG เคยนำเสนอมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบที่โดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม นวัตกรรมใหม่ของระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
เชื่อมั่นว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้จะตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคชาวไทยที่อยากเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปมาเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้เป็นอย่างดี
เปิด ราคา NEW MG4 ELECTRIC เริ่มต้นเพียง 8.69 แสน ในงาน MOTOR EXPO 2022
ALL-NEW MG4 EV เปิดตัวในสหราชอาณาจักร เริ่มต้น 1.1 ล้านบาท
MG4 ELECTRIC มาพร้อมกับสองตัวเลือกในประเทศไทยทั้ง รุ่น D ราคา 869,000 บาท และรุ่น X ราคา 969,000 บาท ซึ่งแตกต่างกันที่ออปชันทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมถึงระบบความปลอดภัย และระบบปฏิบัติการ i-SMART ที่รุ่นล่างไม่มีให้เล่น
ส่วนระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่เหมือนกัน ค่าโรงงานระบุวิ่งได้ไกล 425 กม. (มาตรฐาน NEDC) โดยมีความจุที่ 51 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ในตลาดต่างประเทศยังมีตัวเลือกในรุ่นแบตเตอรี่ขนาด 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลขึ้นอีกร่วม 100 กิโลเมตร รวมทั้งกำลังแรงม้าที่มากกว่า แต่สเป็กนี้ใครละจะสนเพราะเมื่อคุณได้ไปอยู่หลังพวงมาลัย MG4 ELECTRIC เวอร์ชั่นขายไทยแล้ว พูดได้คำเดียวว่า “แค่นี้ก็พอแล้ว” กับฟิวลิ่งขับเคลื่อนล้อหลัง…รับรองติดใจทุกราย ไม่เช่นนั้นราคาคงแตะล้านขึ้น ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม MG เริมส่งมอบรถให้ลูกค้าจนเริ่มเห็นวิ่งบนถนนกันบ้างแล้ว
MG4 ELECTRIC REVIEW ดีไซน์โดดเด่น ออกแบบอย่างพิถีพิถัน
วิศวกรตั้งใจสร้างรถรุ่นนี้ให้มีความโฉบเฉี่ยวสะดุดตา แตกต่างจากดีไซน์ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีให้เห็นทั่วๆ ไปในตลาด เน้นเส้นสายที่ดูสปอร์ต พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าเหมาะสมตามหลักแอโรไดนามิกซึ่งช่วยลดการใช้พลังงาน รวมทั้งผลจากแพลตฟอร์มใหม่ ที่ส่งผลให้มิติรถ ความยาว 4,287 มม. ความกว้าง มม. 1,836 มม. และสูงเพียง 1,504 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,705 มม. ซึ่งภาพรวมอยู่ในระดับ C-Segment
กลายเป็นรถแฮทช์แบค 5 ประตูเหมาะอย่างยิ่งกับการแข่งขันในตลาดด้วยสัดส่วนที่ดึงดูดใจ และได้รับความนิยมในยุคนี้ ประกอบกับพื้นที่ภายในกว้างขวาง แม้สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน ก็ยังมีความสะดวกสบาย รวมทั้งพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีให้ใช้สอยอย่างเพียงพอ
ไฟหน้าที่โดดเด่น แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights และไฟเลี้ยวแนวตั้ง ทำให้มีหน้าตาที่ไม่เหมือนใคร สามารถควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว สปอร์ยเลอร์หลังแบบปีกนกคู่ Twin Arrow Wing ไฟท้ายแบบ LED ลาย Cygnus Symbol Decorative Light ที่มองเห็นได้ชัดเจน พร้อมไฟท้ายที่ทอดยางตลอดความกว้างทั้งหมดของรถช่วยเน้นจุดเด่นด้านหลังให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังคาแบบทูโทน มาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมกับยางขนาด 215/50 R17
มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมดดังนี้ แดง ,เทา ,ขาว ,ดำ และน้ำเงิน (เฉพาะรุ่น X) ส่วนหลังคาดำ Black Top (เฉพาะรุ่น X)
MG4 ELECTRIC ภายในเรียบง่าย
การออกแบบภายในเน้นความเรียบง่าย เพื่อให้ดูโปร่ง พร้อมคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย คอนโซลกลางดีไซน์แบบลอยตัวเพื่อให้เกิดพื้นที่มากขึ้น แยกส่วนควบคุมไว้ชัดเจน ด้านหน้าผู้ขับขี่พบกับหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้มากขึ้น พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape แบบสปอร์ต ปรับได้ 4 ทิศทาง มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
หน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว มาพร้อมการแสดงผลที่ใช้งานง่ายล้ำสมัย ควบคุมทุกอย่าวผ่านปลายนิ้ว รองรับ Apply CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ผ่าน USB Type C และ A มีช่องเสียบไฟ 12 โวลด้านหน้า คอนโซลกลางมาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ถัดมาเป็นปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อน ปรับเปลียนเกียร์เดินหน้า ถอยหลัง และเกียร์ว่าง เพียงหมุนแป้นวงกลม ด้านล่างส่วนควบคุมเป็นพื้นที่เก็บของรวมทั้งที่ใส่ขวดน้ำหรือแก้วน้ำสองตำแหน่ง
วัสดุภายในหนังสังเคราะห์ และผ้าสีดำ เฉพาะรุ่น D และสีทูโทน เทา-ดำ เฉพาะรุ่น X พร้อมตกแต่งจุดสัมผัสด้วยวัสดุ Solf Touch เบาะคนนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40 พร้อมช่องเก็บเอกสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ มีระบบกรองอากาศ PM 2.5
เร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ : MG4 รถยนต์ไฟฟ้า
ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร จากระบบขับเคลื่อนล้อหลังในรถ EV ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ สอดประสานกับระบบ Accurete Steering พร้อม Low Centre of Gravity เพื่อคงความเร็วไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ พร้อมอิสระในทุกการขับขี่ ด้วยการปรับเปลี่ยน Drive Mode ให้รองรับทุกกสไตล์ในการขับขี่
โหมดการขับขี่ Drive Mode ได้ถึง 5 รูปแบบ เลือกได้ตามสถานการณ์ ประกอบด้วย SNOW ECO NORMAL SPORT และ CUSTOM โดยกล่องควบคุมจะปรับการทำงานของน้ำหนักพวงมาลัย คันเร่ง และแรงที่ใช้ในการเหยียบเบรก
ความสมดุลในการขับขี่ที่เหมาะสมดีไซน์โครงสร้างตัวถังให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ขับสนุก เร้าใจ ด้วยพลังการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ล้อหลัง พร้อมการกระจายน้ำหนัก 50:50 มอบการควบคุมที่ยอดเยี่ยมให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่ ไม่แพ้รถจากฝั่งยุโรป จับคู่กับพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ควบคุมพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำตามความเร็วของรถ รวมถึงการเข้าโค้งได้ดังใจ ทั้งยังขับขี่ได้คล่องตัวด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.3 เมตร
MG4 ELECTRIC : ระบบความปลอดภัยให้คุณเห็นรอบคัน
MG4 Electric ใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และเลือกระบบความปลอดภัยขั้นสูงบางรายการมาติดตั้งเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากมุมอับสายตา อาทิ ระบบช่วยควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Intelligent High-Beam Control ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Sport Detection
นอกจากนี้ยังมี
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบช่วยควบคุมการเบรกขณะเค้าโค้ง CBC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow Me Home
- ระบบตรวจความผิดปรกติของลมยาง TPMS
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS
- ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
- ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- เข็ดขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
MG4 รถยนต์ไฟฟ้า : Nebula Pure Electric Platform
นวัตกรรมเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ที่พัฒนาให้แบตเตอรี่ติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างของตัวรถ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ให้สมรรถนะสูง และช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ 5-LINK SUSPENSION ช่วยเพิ่มการเกาะถนน เข้าโค้งได้อย่างเฉียบคม ให้ความเร็วในการขับขี่คงเสถียรภาพได้อย่างดีเยี่ยม
ทำความรู้จัก RUBIK’s CUBE BATTERY นวัตกรรมแบตเตอรี่แบบ Cell to Pack จัดเรียงเซลล์เป็นแนวนอนช่วยลดพื้นที่ และระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี เพื่อส่งพลังงานเต็มประสิทธิภาพ พร้อมผ่านการทดสอบมาตรฐานระดับสากลด้านความปลอดภัยมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ EV ที่ไม่เหมือนใคร
ประหยัดพลังงานอย่างลงตัวด้วย KERS MODE ช่วยชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในขณะชะลอรถ ตั้งค่ามาตรฐานได้ถึง 4 ระดับ LOW MEDIUM HIGH และ ADAPTIVE เพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการขับขี่ในทุกรูปแบบที่เหมาะกับคุณ (แต่ถ้าปรับไว้สูงสุดจะเกิดอาการมึนหัวชวนอ๊วกได้)
MG4 ELECTRIC สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดี ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับแผนการเดินทาง ไม่ว่าจะในเมือง หรือวันหยุดพักผ่อน ทั้งยังเป็นรถที่สมบูรณ์แบบในการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถ มอบความสะดวกสบายในการใช้งาน แบตเตอรี่ ยังทำหน้าที่เป็นพาวเวอร์แบงค์เคลื่อนที่ Vehicle-to-load โดยจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายนอก เช่น จักรยานไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ด้วยสายอะแดปเตอร์
NEW MG 4 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด
88 kWh
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ
8 ชั่วโมง 30 นาที* ที่ 6.6 kWh
MG4 Electric เจ้าของรถสามารถใช้สมาร์ทโฟนควบคุมรถผ่านระบบเชื่อมต่อ iSMART ซึ่งเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนโดยใช้ Apple CarPlay และ Android Auto ปรับฟังก์ชันต่างๆ ของรถ รูปแบบการขับขี่ ระบบปรับอากาศ และการจัดการการชาร์จ นอกจากนี้ iSMART ยังมีระบบนำทางที่เปิดใช้งานการกำหนดเส้นทางแบบเรียลไทม์ผ่านมือถือออนไลน์
“MG วางแผนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตนี้อีกหลายรุ่นจากแฟลตฟอร์มนี้ การเปิดตัว MG4 Electric รุ่นล่าสุดถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ เราอาจจะให้นิยามคอนเซ็ปจากนี้ไปได้ว่า MG จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ขับสนุกยิ่งขึ้น และเติมเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆ ให้กับรถในตลาดที่ยังไม่เคยมี ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งหลังจากนี้เราคงได้เห้นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ตามออกมาอีก”
TEST DRIVE : ลองขับ MG4 รถยนต์ไฟฟ้า
อัตราเร่งในโหมด Normal มาแบบต่อเนื่องจากจุดหยุดนิ่ง 0-100 กม./ชม. พอให้ได้รู้สึกถึงความกระฉับกระเฉง แต่เมื่อปรับมา Mode Sport การตอบสนองคันเร่งไวขึ้น แต่ไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่กลับกันขณะใช้ความเร็วเดินทางแล้วปรับโหมดมาเป็นสปอร์ตจะรู้สึกถึงพละกำลังขับสนุกมากขึ้นกว่าโหมดปรกติ ส่วนโหมดอื่นๆ ที่ไว้ใช้บนถนนลื่นอาจจะไม่ได้มีโอกาสใช้งานในชีวิตจริง แต่ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังที่มีพละกำลังดูดุดัน เวลาฝนตกถนนเปียกลื่น สามารถใช้โหมดนี้ช่วยเพื่อความมั่นใจมากขึ้น โดยรวมรถคันนี้ตอบโจทย์ “คนชอบขับ” ขับสนุก อัตราเร่งดี ช่วงล่างแน่น
ส่วนการควบคุมส่วนต่างๆ ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชอบทัชสกรีน การรวมศูนย์ควบคุมมาที่จอกลางเป็นอะไรที่สะดวกเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าคุณกำลังขับรถคันนี้อยู่การกดปุ่มบนหน้าจอดูจะเป็นเรื่องยาก ต้องหาที่วางมือและควบคุมนิ้วให้อยู่นิ่งพอที่จะกดหน้าจอได้ กลับกันถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบอะไรที่ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ สวิตซ์แบบเดิมๆ ดูจะใช้งานได้เหมาะมือกว่า
สำหรับเรื่องระยะทางวิ่งที่ MG เคลมไว้ 425กม./การชาร์จ เพียงพอกับการใช้งานยังไงก็วิ่งได้เกิน 300 กม./การชาร์จอย่างแน่นอน สามารถขับเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างสบาย ระบความปลอดภัยที่มีให้เยอะอาจทำให้คนที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่เคยใช้รู้สึกไม่ชอบได้ แต่สามารถเลือกระดับการเตือน หรือการทำงานได้ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ มีระบบพวกนี้หมด เชื่อเถอะว่าดีกว่าไม่มี…เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ที่บางครั้งเราอาจจะเผลอไปบ้าง
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th