MG5 Electric ปรับโฉมและชื่อเปิดตัวลุยยุโรป
บรรดาผู้ใช้รถ MG ในแต่ละภูมิภาคของโลกหากจะคุยกันถึง MG5 คงจะต้องระบุรุ่นที่เฉพาะเจาะจงสักหน่อย เพราะเมื่อปีที่แล้วทาง MG ได้มีการเปิดตัว MG5 EV ซึ่งเป็นรถแวกอนไฟฟ้าสำหรับขายในสหราชอาณาจักร ต่อมาในช่วงปลายปีที่จีนก็มีการเปิดตัว MG5 รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถซีดานสไตล์ 4 ประตูคูเป้ออกมา และล่าสุดทางผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ได้มีการเปิด MG5 Electric ออกมาที่ยุโรป ซึ่งเป็นเหมือนการปรับโฉมรวมทั้งอัพเดตสมรรถนะจาก MG5 EV ที่ขายในสหราชอาณาจักร พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อต่อท้ายใหม่ และขยายตลาดเป็นการขายในยุโรป พร้อมกับการอ้างว่านี่คือรถแวกอนที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์รุ่นแรกของโลก
เนื่องจาก MG5 Electric ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นการปรับโฉมจาก MG5 EV ที่เปิดตัวในสหราชอาณาจักรเมื่อปีที่แล้วหรือ MG EP ที่ขายในไทยจึงทำให้มิติของตัวรถแทบไม่ต่างจากเดิมคือยาว 4,544 มม. กว้าง 1,811 มม. และสูง 1,513 มม. บนระยะฐานล้อที่ยาว 2,665 มม. เท่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามทาง MG ได้จัดการจนทำให้พื้นที่เก็บของด้านหลังของแวกอนไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 578 ลิตร ในขณะที่ MG5 EV ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วมีความจุ 464 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะหลังแล้วจะมีความจุเหมือนกันที่ 1,456 ลิตร
แม้จะเป็นการปรับโฉม แต่ MG5 Electric ก็ให้ความรู้สึกแตกต่างที่ภายนอกอย่างชัดเจนจาก MG5 EV ด้วยการมีไฟหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้าใหม่ที่ทำให้ดูมีความล้ำหน้าในสไตล์รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มากขึ้น โดยไม่เพียงแค่การออกแบบเท่านั้น แต่ทาง MG ยังมีการปรับในด้านสมรรถนะของรถด้วย เพราะตอนนี้ MG5 Electric มาพร้อมกับกำลังขับเคลื่อน 184 แรงม้าจากมอเตอร์ มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก MG5 EV ทั้งแรงม้าและแรงบิด สำหรับอัตราเร่งของรถถูกระบุว่าใช้เวลา 3.4 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-50 กม./ชม. และ 8.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.
ทาง MG ไม่ได้ระบุความจุของแบตเตอที่อยู่ในรถแวกอนไฟฟ้ารุ่นใหม่ของตน แต่บอกว่าให้พลังงานสำหรับการเดินทางได้มากกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ โดยที่รองรับการชาร์จพลังงานแบบเร็วไฟ AC 11 kW กับระบบชาร์จพลังงานของรถ และเมื่อชาร์จด้วยเครื่องชาร์จเร็วไฟ DC จะใช้เวลา 30 นาทีเพื่อชาร์จพลังงานจนถึง 80 เปอร์เซ็นต์
MG5 Electric มาพร้อมกับความอเนกประสงค์ต่างๆ ในการใช้งานนอกเหนือไปจากพื้นที่เก็บของ อย่างสามารถลากจูงสิ่งของได้หนักถึง 500 กิโลกรัม หลังคาของรถรองรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม รวมทั้งมาพร้อมกับระบบ V2L สำหรับการชาร์จพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้ ส่วนการขายทาง MG จะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th