Mini Aceman รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กแทรกกลาง Mini Cooper และ Countryman ทั้งขนาดและดีไซน์
รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้า Aceman ที่ทาง Mini ให้ข่าวออกมานานถูกเปิดตัวออกมาเป็นทางการแล้ว ซึ่งหากไม่ได้มองที่ระบบขับเคลื่อนของรถที่เป็นไฟฟ้าแล้ว ทั้งขนาดและการออกแบบรถนี่คือรุ่นที่ถูกส่งออกมาแทรกกลางระหว่าง Mini Cooper และ Countryman
Mini Aceman ถูกทางผู้ผลิตระบุว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบสำหรับเดินทางในถนนที่หนาแน่นในเมืองพร้อมกับที่ยังคงความอเนกประสงค์และการใช้งานของรถครอสโอเวอร์ และให้ความรู้สึกของรถโกคาร์ต ในด้านขนาดของรถมีความยาว 4,070 มม. กว้าง 1,750 มม. และสูง 1,500 มม. ซึ่งเป็นขนาดระหว่างMini Cooper และ Countryman โดยยาวกว่า Mini Cooper 217 มม. แต่สั้นกว่า Countryman 354 มม.
ด้านการออกแบบภายนอกรถถูกระบุว่ามีด้านหน้าที่โดดเด่น เส้นสายที่แข็งแกร่ง และรูปทรงที่มีพลัง โดยด้านหน้าของรถมีการตีความใหม่สิ่งต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ทั้งไฟหน้าและกระจังหน้า โดยกระจังหน้าของรถถูกออกแบบให้มีรูปทรง 6 เหลี่ยมซ้อนอยู่ในรูปทรง 8 เหลี่ยมดั้งเดิม และขยายขนาดมาถึงแผงกันกระแทกที่กันชนหน้า ขณะที่ไฟ Daytime Running Light ที่อยู่รวมกับไฟหน้าสามารถเปลี่ยนได้ 3 โหมดเช่นเดียวกับที่ไฟท้ายของรถที่มี 3 กราฟฟิก นอกจากนี้ด้านหลังของรถยังเน้นพื้นผิวแนวนอนขนาดใหญ่และความชัดเจน ส่วนการรูปแบบการแต่งและอุปกรณ์มาตรฐานของรถมีให้เลือก 4 แบบคือ Essential, Classic, Favoured และ JCW ส่วนล้อของรถมีขนาด 17 ถึง 19 นิ้วขึ้นอยู่กับการแต่งที่เลือก
ระบบขับเคลื่อนมี 2 ทางเลือกระหว่างรุ่น E ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 135 kW หรือ 184 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 7.9 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. หรือรุ่น SE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 160 kW หรือ 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 7.1 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ทำความเร็วได้สูงสุด 170 กม./ชม.
ด้านแบตเตอรีของรถรุ่น E มีความจุ 42.5 kWh เดินทางได้ 310 กิโลเมตรเมื่อชาร์จไฟเต็มความจุ ส่วนแบตเตอรีในรุ่น SE มีความจุ 54.2 kWh ให้ระยะการเดินทาง 406 กิโลเมตร ส่วนการชาร์จไฟรถทั้ง 2 รุ่นรองรับไฟฟ้ากระแสสลับ AC 11 kW แต่รุ่น E รองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC 75 kW ขณะที่รุ่น SE รองรับไฟฟ้ากระแสตรง DC 95 kW ทำให้ชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีทั้ง 2 รุ่น
ห้องโดยสารของรถมาพร้อมกับจอ OLED เส้นผ่าศูนย์กลาง 240 มม. ตรงกลางเหมือนกับรถรุ่นใหม่ๆ ของแบรนด์ พร้อมกับระบบ Mini Operation System 9 ที่มีรูปแบบมาจากสมาร์ทโฟนสำหรับการควบคุมความสะดวกสบายและประสบการณ์ต่างๆ ในรถ รวมทั้งระบบผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะที่เรียกว่า Spike และ Experience Mode สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศในห้องโดยสารจากกราฟฟิกบนจอและรูปแบบแสงไฟต่างๆ ที่ฉายมาจากโปรเจ็กเตอร์ ส่วนวัสดุที่ใช้บนแผงแดชบอร์ดเป็นสิ่งทอ ขณะที่ประตูใช้วัสดุรีไซเคิลจากโพลีเอสเตอร์ เบาะรถหุ้มด้วยผ้าหรือ Vescin มีรูระบายอากาศ
รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กยังมี 12 เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก และ 4 กล้องมองรอบตัวรถสำหรับชุดระบบช่วยขับ ส่วนการขายรถถูกระบุว่าจะมีทั้งที่สหราชอาณาจักร ยุโรป และจีนก่อนสิ้นปี 2024 นี้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th